ตอนที่ 456 ตีไปก็เปล่าประโยชน์ (2)
หนานกงฮุยไม่หลบ ทว่าหนานกงชวี่และหนานกงมั่วที่อยู่ด้านข้างไม่ยืนมองให้เขาโดนถีบต่อไป หนานกงชวี่เข้ามายืนขวางอยู่ตรงหน้าหนานกงฮุย หนานกงมั่วเคลื่อนไหว ตวัดมือเบาๆ ขาข้างที่หนานกงไหวยกขึ้นมาพลันชายิบ เท้าข้างนั้นพลันยันออกไปไม่ได้ ทว่ากลับเป็นตนเองที่ล้มลงไปบนพื้น ถูกสาวใช้ข้างๆ ประคองยืนให้มั่น หนานกงไหวมองหนานกงชวี่ที่ยืนขวางอยู่ด้านหน้าหนานกงฮุย อีกทั้งหันไปมองหนานกงมั่วที่มองมายังตนด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ความอายกลายเป็นความโกรธ เอ่ยเสียงดัง “กำเริบเสิบสานยิ่งนัก พวกเจ้าคิดจะทำอันใด”
หนานกงมั่วยักไหล่ เอ่ยเสียงเรียบ “ท่านพ่ออยากได้ชีวิตของพี่รองหรือพี่ใหญ่เจ้าคะ”
หนานกงไหวเป็นแม่ทัพ หลายปีมานี้ไม่ได้อ่อนแอลงเพราะการเสพสุขเลยสักนิด เท้าที่ถีบออกไปพร้อมกับความโกรธนี้หนานกงฮุยแม้ไม่ตายก็คงเกือบตายได้เช่นกัน หากถีบไปยังหนานกงชวี่นั้นยิ่งแย่กว่ามาก ร่างกายของหนานกงชวี่สู้หนานกงฮุยไม่ได้ด้วยซ้ำ
หนานกงไหวโกรธจนหน้าแดง มือที่ชี้ไปยังหนานกงฮุยสั่นระริก เอ่ยเสียงดัง “เจ้าคนเลวนี้ไยไม่คิดถึงชีวิตผู้อื่น เขาคิดจะตีเชียนหนิงให้ตายหรือ”
หนานกงมั่วปรายตามองหนานกงไหว เอ่ยถาม “ไม่ตีให้ตายก็พอหรือไม่”
“เลว” หนานกงไหวเอ่ยด้วยความโกรธ “ข้าไม่สนว่าพวกเจ้าจะคิดเช่นไร เชียนหนิงและเย่ว์อู่เป็นพี่น้องเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขเดียวกันกับพวกเจ้า พวกเจ้าไม่สนใจไม่ถามไถ่พวกเขาก็พอช่างเถิด ยังกล้าลงมือเหี้ยมโหดถึงเพียงนี้หรือ” ความจริงหนานกงไหวไม่เข้าใจ หนานกงฮุยและหนานกงชวี่ก่อนหน้านี้ดีกับหนานกงซูมาก แม้เมื่อมั่วเอ๋อร์กลับมาแล้วเริ่มเปลี่ยนไปบ้าง แต่อย่างไรก็ไม่มีความเป็นศัตรู ไยการยอมรับเฉียวเชียนหนิงและเฉียวเย่ว์อู่จึงยากนัก จะว่าไป เอ่ยถึงสายเลือด เฉียวเชียนหนิงและเฉียวเย่ว์อู่นั้นใกล้ชิดยิ่งกว่า
หนานกงไหวกลับไม่เข้าใจ หนานกงฮุยก็ช่างเถิด ตอนนั้นหนานกงชวี่ยอมรับเจิ้งซื่อสองแม่ลูก แม้จะไม่ได้เต็มใจเต็มสิบส่วน หนานกงซูเป็นเพียงทารกยังไม่รู้เรื่องรู้ราว มองเห็นมาตั้งแต่ยังเด็ก นอกจากนิสัยเอาแต่ใจก็ไม่มีปัญหากันเรื่องผลประโยชน์กับหนานกงชวี่และหนานกงฮุย ต่อให้เลี้ยงสุนัขหนึ่งตัว เลี้ยงมาสิบกว่าปีก็ยังมีความผูกพันบ้าง แต่เฉียวเชียนหนิงและเฉียวเย่ว์อู่นั้นแตกต่าง พวกเขาอายุสิบหกสิบเจ็ดปีแล้ว อีกทั้งเมื่อปรากฏตัวก็มาในนามผู้บุกรุก ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงสถานะน่ากระอักกระอ่วนของเฉียวเฟยเยียน ต่อให้ไม่มีหนานกงมั่ว หนานกงชวี่และหนานกงฮุยก็ไม่มีทางยอมรับเฉียวเฟยเยียนสามแม่ลูก
หนานกงฮุยเองก็โมโหจนหน้าดำหน้าแดง สายตาที่จ้องเขม็งไปยังหนานกงไหวนั้นเต็มไปด้วยความผิดหวังและโกรธแค้น หนานกงชวี่สามพี่น้องหากเอ่ยถึงความรักลึกซึ้งที่มีต่อบิดาอย่างหนานกงไหว คนที่มีมากที่สุดก็คงเป็นหนานกงฮุยผู้ที่ค่อนข้างหยาบคายและไม่รู้เรื่องรู้ราวใดๆ แต่การกระทำของบิดาในครั้งนี้ทำให้เขารู้สึกผิดหวังอย่างขมขื่นอีกครั้ง
“ใครใช้ให้เขาจะทำร้ายมั่วเอ๋อร์ ข้าไม่เคยเห็นเดรัจฉานตัวใดจะอวดดีเพียงนี้มาก่อน เข้ามาอยู่ด้วยแล้วยังคิดทำร้ายบุตรีเชื้อสายหลักอีก ชั่วแบบนี้ตีให้ตายก็สมควรแล้ว” หนานกงฮุยด่าทอโดยไม่คิดลังเล เฉียวเชียนหนิงที่ถูกเฉียวเฟยเยียนกอดเอาไว้ตัวสั่นขึ้นมา เพียงแต่ไม่รู้ว่าสั่นเพราะเจ็บปวดหรือโกรธหนานกงฮุย
“หุบปาก” หนานกงไหวตะโกนเสียงดัง เอ่ย “เดรัจฉานอย่างนั้นหรือ เชียนหนิงเป็นน้องชายของเจ้า เขาเป็นเดรัจฉานแล้วเจ้าเป็นอันใด”
ใบหน้าคมของหนานกงฮุยปรากฏรอยยิ้มเหยียดหยัน “น้องชายหรือ ท่านพ่อท่านกล้าไปยืนอยู่นอกจวนฉู่กั๋วกงแล้วบอกว่าเขาเป็นน้องชายของข้าหรือไม่ เห็นอยู่ว่าเป็นเดรัจฉานที่หญิงผู้นี้ที่ไม่เคารพคุณธรรมของสตรีคลอดออกมา เขายังยึดครองตำแหน่งผู้สืบทอดจวิ้นอ๋องแห่งหวาหนิงมาตั้งสิบกว่าปี ปะปนเชื้อพระวงศ์ ไม่รู้หวาหนิงจวิ้นอ๋องอยู่ในปรโลกจะอยู่อย่างสงบได้หรือไม่”
หนานกงฮุยโกรธแค้นไม่ว่าเขาต่อยเฉียวเชียนหนิงเพราะเรื่องใด ท่านพ่อก็ลงมือกับเขาเพราะลูกนอกสมรสนั่นโดยไม่ไต่ถามสักคำ หนานกงฮุยมองเห็นอย่างชัดเจน หากมิใช่เพราะหนานกงมั่วขัดขวางท่านพ่อเอาไว้ เท้าที่ถีบลงมานั้นคงทำให้เขาเกือบตายได้ หากถีบเข้าไปโดนพี่ใหญ่… เมื่อคิดถึงตรงนี้ หนานกงฮุยจึงโกรธจนดวงตาแดงก่ำ จ้องสองแม่ลูกบนพื้นเขม็ง
หนานกงไหวโกรธจนตัวสั่น “ข้าจะตีเจ้าให้ตายเจ้าลูกไม่รักดี”
“ท่านพ่อ” หนานกงชวี่ไม่ลังเลเข้ามาขวางอยู่ตรงหน้าหนานกงฮุย มองหนานกงไหวอย่างเย็นชา เอ่ย “ท่านพ่อคิดจะลงมือกับฮุยเอ๋อร์เพราะลูกนอกสมรสนั่นจริงหรือขอรับ”
มองเฉียวเฟยเยียนสองแม่ลูกที่มองมายังตนอย่างน่าสงสาร หนานกงไหวเจ็บปวดอยู่ในใจ เอ่ยด้วยความโกรธ “หุบปาก ข้าบอกแล้วว่าเชียนหนิงเป็นน้องของเจ้า” ดวงตาของหนานกงชวี่มีความเยือกเย็นพาดผ่าน เอ่ยเสียงเรียบ “ข้ารู้ ฮุยเอ๋อร์ทำผิด ลูกเองเป็นพี่แต่ไม่ได้สอนน้องให้ดี ไม่รบกวนท่านพ่อจัดการแล้ว เด็กๆ พาคุณชายรองไปยังหยาเหมินเขตอิ้งเทียน”
“…” ทุกคนชะงัก เพียงการทะเลาะกันเท่านั้น แม้จะมีเพียงหนานกงฮุยฝ่ายเดียวที่ใช้ความรุนแรง แต่ก็ไม่ได้หนักถึงขึ้นต้องไปหยาเหมินเขตอิ้งเทียน
คิ้วสวยของหนานกงมั่วเลิกขึ้น เอ่ยด้วยรอยยิ้มบาง “พี่ใหญ่ จะไปเขตอิ้งเทียนเกรงว่าต้องมีเหตุผลนะเจ้าคะ เขตอิ้งเทียนไม่ใช่สถานที่ที่จะมาจัดการเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้” หนานกงชวี่เอ่ย “คุณชายรองต่อยลูกนอกสมรสของท่านพ่อจนตาย”
คุณชาย เฉียวเชียนหนิงยังไม่ตายนะ
“เดี๋ยวก็จะตายแล้ว” ราวกับเข้าใจว่าทุกคนกำลังคิดเช่นไร หนานกงชวี่เอ่ยต่อเสียงเรียบ ขณะเดียวกันก็ยกเท้าถีบไปยังเฉียวเชียนหนิงอย่างรุนแรง
เห็นเขาเป็นเช่นนั้น หนานกงฮุยรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา เอ่ยเสียงดัง “พี่ใหญ่ เดี๋ยวข้าเอง” เอ่ยจบก็พุ่งตัวเข้าหาเฉียวเชียนหนิงและเฉียวเฟยเยียนสองแม่ลูกทันที
“เหิมเกริมนัก!” ไหนเลยหนานกงไหวจะไม่รู้ว่าหนานกงชวี่คิดจะทำอันใด รีบเข้าไปยืนบังเฉียวเฟยเยียนเอาไว้ จ้องหนานกงชวี่เขม็ง เอ่ย “เจ้าเป็นบ้าไปแล้วหรืออย่างไร”
“พี่หนานกง” เฉียวเฟยเยียนเองก็ตกใจไม่น้อย คว้าชายเสื้อของหนานกงไหวร้องไห้สะอึกสะอื้น ทั่วทั้งร่างของเฉียวเชียนหนิงที่เต็มไปด้วยบาดแผลเอนตัวซบเฉียวเฟยเยียน ภาพนั้นหากคนนอกเห็นคงคิดว่าหนานกงชวี่และหนานกงฮุยสองพี่น้องรังแกเฉียวเฟยเยียนสองแม่ลูกที่อ่อนแอ
หนานกงชวี่จ้องมองหนานกงไหวนิ่ง เอ่ยเสียงเรียบ “ท่านพ่อ เพื่อบุตรชายนอกสมรสเพียงคนเดียวท่านไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของบุตรชายเชื้อสายหลักเลยหรือ น่าเสียดาย ต่อให้วันนี้เฉียวเชียนหนิงตายไป ไปถึงเขตอิ้งเทียน นายอำเภอคงไม่ทำอันใดฮุยเอ๋อร์ ท่านพ่อ เราไปเขตอิ้งเทียนตัดสินถูกผิดให้ชัดเจนเลยดีหรือไม่ขอรับ”
หนานกงไหวกัดฟัน จ้องหนานกงชวี่อย่างเยือกเย็น เอ่ย “ดีมาก เจ้าปีกกล้าขาแข็งเสียแล้ว” ศีลธรรมจรรยาในอาณาจักรเซี่ยนับว่าไม่เข้มงวด แต่บางอย่างยังจำเป็นต้องมี ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าหนานกงฮุยที่เป็นเชื้อสายหลักเพียงต่อยลูกนอกสมรสคนเดียว ต่อให้ฆ่าเขาตาย จากสถานการณ์ในวันนี้เกรงว่านายอำเภอก็คงยืนอยู่ข้างหนานกงฮุย ยิ่งไปกว่านั้น ยามนี้เฉียวเฟยเยียนอยู่ในจวนฉู่กั๋วกง กลับไม่มีสถานะที่ชัดเจน เพียงยอมรับว่าเฉียวเชียนหนิงเป็นลูกของหนานกงไหว เช่นนั้นเฉียวเชียนหนิงก็มิใช่ลูกนอกสมรสแล้วทว่าเป็นลูกบ่าวรับใช้ ไร้ชื่อไร้สถานะ เป็นได้เพียงภรรยาอุ่นเตียง เฉียวเชียนหนิงก็เปรียบดั่งบ่าวรับใช้ของหนานกงฮุย ที่สำคัญก็คือ…ต่อให้หนานกงฮุยต่อยเฉียวเชียนหนิงจนตาย พวกเขาก็ทำได้เพียงปิดบังเรื่องนี้ ไม่สามารถปล่อยให้เรื่องไปถึงหยาเหมินเขตอิ้งเทียนได้ เพราะการปะปนสายเลือดเชื้อพระวงศ์นั้นมีโทษหนักใครก็รับไม่ไหว ถึงตอนนั้นไม่เพียงแต่เฉียวเชียนหนิง เฉียวเฟยเยียนและหนานกงไหวเองก็จะซวยไปด้วย