ตอนที่ 481 สั่งสอนหวงซุนกลางถนน (3)
หนานกงมั่วขมวดคิ้ว ได้ยินเพียงเสียงจากชั้นล่างที่ดังขึ้นเรื่อยๆ หนานกงมั่วลุกขึ้น เอ่ยว่า “ลงไปดูกันเถิด”
“เจ้าลงไปดูข้างล่างนั่นก่อนดีกว่า” จิ้นจั๋วที่นั่งอยู่ชิดหน้าต่างเอ่ยขัดขึ้นมาเสียก่อน หนานกงมั่วชะงัก พลันสีหน้าเปลี่ยนไป แม้หอเทียนอีจะไม่นับว่าสร้างความวุ่นวายมากที่สุดในจินหลิง แต่ด้านล่างก็มีผู้คนอยู่จำนวนไม่น้อย อย่างไรก็ตาม ยังคงได้ยินเสียงควบม้าใกล้เข้ามา เมื่อมองลงไปด้านล่าง เห็นเพียงร่างคุ้นเคยกำลังโบกแส้ควบม้าวิ่งตรงมา คนเดินผ่านไปมาต่างตกใจกลัวจนต้องหลบทางให้
“หลีกไป หลีกไป!”
ดวงตาของหนานกงมั่วเบิกกว้าง บนทางหลักไม่ไกลนักมีหญิงชราผู้หนึ่งกำลังเดินกะโผลกกะเผลกจูงหลานชายวัยสามสี่ขวบมาด้วยกัน เห็นได้ว่าไม่ได้ยินเสียงจากทางด้านหลัง มองม้าที่วิ่งตรงมา คนรอบข้างต่างก็ร้องออกมา
“หลีกไป!” เห็นคนข้างหน้าแล้วแต่คนบนหลังม้ากลับยังไม่ยอมหยุด กลับสะบัดแส้เส้นยาวในมือของเขา มุ่งตรงเข้าหาหญิงชราด้านหน้า
“โอ้ พระเจ้า!” คนข้างทางร้องอุทาน
เห็นเรื่องน่าเศร้าที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา หลายคนจึงทนมองไม่ได้ แต่กลับเห็นผ้าสีขาวร่วงลงมาจากท้องฟ้าตรงเส้นทางที่ม้าควบมาพอดี เสียงม้าร้องดังและผู้คนต่างตื่นตกใจขึ้นมา ในพริบตาเดียว ผ้าสีขาวรวบเด็กชายอายุสามสี่ขวบผู้นั้นไว้แล้วตวัดไปข้างทาง อีกมือหนึ่งอุ้มหญิงชราขึ้นมาแล้วเหาะหลบไป
จิ้นจั๋วเอื้อมมือไปรับเด็กไว้แล้วเลิกคิ้วขึ้น มองไปยังหญิงสาวในอาภรณ์สีฟ้าที่อุ้มหญิงชราผมขาวไว้ตรงหน้า ดวงตาปรากฏแววประหลาดใจวาบผ่าน
ม้าตัวนั้นตกใจกลัวจึงเกิดพยศขึ้นมาตรงที่นั้น ชายบนหลังม้าพยายามควบคุมสุดกำลัง แต่ยังคงมีบางส่วนของผ้าสีขาวห้อยอยู่บนหัวม้า ม้าที่มองไม่เห็นทางจะเชื่อฟังเขาได้อย่างไร ดูเหมือนเขาจะเสียการทรงตัว หนานกงมั่วพ่นลมหายใจ สะบัดนิ้วเบาๆ แสงสีเงินสามสายวาบผ่านไปที่ม้าอย่างแม่นยำ ม้าที่ดิ้นพล่านในยามนี้กลับล้มลงบนพื้นอย่างสงบ ทุกคนต่างโล่งใจ นึกในใจว่า ‘เกือบไปแล้ว’ มีเพียงคนที่ลงจากหลังม้าเท่านั้นที่โกรธจัด รีบวิ่งไปหาหนานกงมั่วโดยไม่มองอันใดเลย แส้ในมือสะบัดฟาดลงไปตรงหน้า “บังอาจ กล้าดีอย่างไร”
หนานกงมั่วปล่อยหญิงชราที่ยังตระหนกไม่หาย ยกมือขึ้นแล้วคว้าแส้ยาวที่เหวี่ยงเข้าหาตัวนางแล้วเอ่ยเสียงเย็นชา “เซียวเชียนจย่ง ข้าคิดว่าเจ้าต่างหากที่กล้าดี!”
เมื่อได้ยินเสียงของนาง เซียวเชียนจย่งก็ตะลึงงัน “พี่สะใภ้…หนานกงมั่ว ไยจึงเป็นท่าน เหตุใดท่านต้องฆ่าม้าข้าด้วย ท่านรู้หรือไม่ว่าม้าตัวนี้มีราคาเท่าใด นี่คือม้าเหงื่อโลหิตที่แลกด้วยทองพันชั่งยังมิได้!”
หนานกงมั่วเอ่ยเสียงเย็น “ข้ารู้เพียงเจ้าเกือบจะเหยียบคนแก่และเด็กตาย”
ใบหน้าของเซียวเชียนจย่งปรากฏร่องรอยความรู้สึกผิด แต่ไม่นานก็กลับมาเอ่ยไร้ความรู้สึกผิด “ก็แค่คนแก่…”
เพียะ! ยังไม่ทันเอ่ยจบก็ถูกฝ่ามือประทับลงบนใบหน้าอย่างหนักหน่วงและรวดเร็ว
เซียวเชียนจย่งที่เพิ่งอายุสิบสี่ปีจะเคยประสบเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร เขาเป็นบุตรคนสุดท้องของตำหนักเยี่ยนอ๋อง เขาเก่งเรื่องขี่ม้าและยิงธนู ทั้งยังเคยติดตามบิดาของเขาไปรบกับพวกเป่ยหยวนที่หลงเหลืออยู่ บิดามารดารักเขามาก แม้ว่าบิดาของเขาจะสั่งสอนเขามากมาย แต่ก็ช่างไร้ประโยชน์ สตรีผู้นี้กล้าทำให้เขาเสียหน้า ดวงตาของเซียวเชียนจย่งแดงก่ำ ราวกับต้องการกระโจนเข้าไปขย้ำหนานกงมั่วให้แหลกคามืออย่างไรอย่างนั้น หนานกงมั่วจ้องมองเขา เอ่ยเสียงเข้ม “ดีมาก ที่แท้เยี่ยนอ๋องสั่งสอนเจ้ามาเช่นนี้หรือ”
ใบหน้าของเซียวเชียนจย่งชะงักงัน เขาเอ่ยเสียงแข็งว่า “เกี่ยวอันใดกับท่าน ท่านมีสิทธิ์อันใดมาสั่งสอนข้า ท่านคิดว่ามีเสด็จอาคอยหนุนหลังอยู่แล้วข้าจะกลัวท่านหรือ ยังไม่มีใครในโลกนี้ที่กล้าทำข้าเสียหน้า!” แม้แต่พี่ชายใหญ่ที่เป็นถึงผู้สืบทอด เขายังไม่เห็นอยู่ในสายตาเลย นับประสาอันใดกับหญิงผู้หนึ่ง การถูกสตรีหยามหน้าในวันนี้ถือเป็นความอัปยศครั้งใหญ่สำหรับเซียวเชียนจย่ง เซียวเชียนจย่งแผดเสียงร้องแล้ววิ่งเข้าใส่หนานกงมั่ว หนานกงมั่วยิ้มหยัน ขยับตัวหลบเล็กน้อย เซียวเชียนจย่งจึงพุ่งตัวเลยไป หนานกงมั่วก้มลงไปมองชายหนุ่มที่อยู่บนพื้น “สำนึกผิดเสีย แล้วข้าจะถือเสียว่าเรื่องวันนี้ไม่เคยเกิดขึ้น”
“ถุย” เซียวเชียนจย่งสบถ “ไม่มีทาง!”
หนานกงมั่วหัวเราะเสียงเย็น “ดูเหมือนเจ้าจะยังไม่เข็ดนะ” เด็กหนุ่มเย่อหยิ่งเช่นนี้ไม่สามารถใช้เหตุผลกับเขาได้ จัดการสักสองสามยกคงจะเชื่อฟัง
“มีความสามารถอันใดมาลอบกัดคุณชายเช่นข้าหรือ” เซียวเชียนจย่งไม่คิดว่าเขาจะเอาชนะผู้หญิงคนเดียวไม่ได้เว้นแต่หญิงผู้นี้จะลอบกัดเขาเท่านั้น เช่นเดียวกับม้าของเขา เซียวเชียนจย่งรู้สึกโกรธมากขึ้นไปอีกเมื่อนึกถึงม้าที่ตายไปทั้งๆ ที่เขาเพิ่งได้เป็นเจ้าของ เขายันตัวลุกขึ้น พุ่งเข้าหาหนานกงมั่วอีกครั้ง หนานกงมั่วเลิกคิ้ว ถีบเขาออกไปโดยไม่หันมองด้วยซ้ำ ทักษะต่อสู้ในสนามรบเทียบกับหนานกงมั่วที่ร่ำเรียนวิทยายุทธชั้นสูงหลายปีได้หรือ ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าจะไม่ฝึกฝนวิทยายุทธ เซียวเชียนจย่งก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหนานกงมั่ว เป็นเพียงแค่เด็กหนุ่มอายุสิบกว่าปีก็เท่านั้น
“สำนึกผิดและขอโทษหญิงชราเสีย เว้นแต่ว่าเจ้ายังอยากโดนข้าเล่นงานต่อหน้าคนมากมายเช่นนี้” หนานกงมั่วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม นางลงมือกับเขาอย่างหนัก เซียวเชียนจย่งระบมไปทั้งตัว แต่ไม่ถึงกับเจ็บเข้ากระดูก
“ยุ่งไม่เข้าเรื่อง” เซียวเชียนจย่งกัดฟันตวาด
หนานกงมั่วไม่ได้โกรธอันใด เอ่ยยิ้มๆ ว่า “ก็ดี” ของบางอย่างคล้ายผ้าสีขาวปรากฏอยู่ในมือของนาง เซียวเชียนจย่งรู้ได้ทันทีว่านี่ก็คือผ้าที่ทำให้ม้าแสนล้ำค่าของเขาตกใจเมื่อครู่นี้ ได้ยินหนานกงมั่วเอ่ยเพียงว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หากมัดและแขวนเจ้าไว้บนประตูเมือง แล้วเขียนว่าเจ้าเป็นคนควบม้ากระโจนใส่คนแก่และเด็ก เจ้าว่าคนที่เดินผ่านไปผ่านมาจะถุยน้ำลายใส่เจ้าหรือไม่เล่า เรามาลองดูสักหน่อยเป็นอย่างไร”
“กล้าก็ลองดู” สีหน้าเซียวเชียนจย่งเปลี่ยนไปทันใด
หนานกงมั่วยิ้มตาหยี “ขอโทษด้วย ข้าน่ะ…กล้าจริงๆ เสียด้วย ถึงตอนนั้นก็อย่าร้องขอความเมตตาและอย่าเรียกหาพี่ชายเจ้าก็แล้วกัน เพราะมันช่างไม่เข้ากับนิสัยถึงตายก็ไม่ยอมรับผิดอย่างเจ้าเลย อีกอย่างพี่ชายใหญ่และพี่ชายรองของเจ้าก็ยังมิใช่คู่ต่อสู้ของข้า”
“เสด็จพ่อไม่มีวันปล่อยท่านไปแน่!” เซียวเชียนจย่งกัดฟันเอ่ย
หนานกงมั่วเอ่ย “เจ้าน่าจะเป็นห่วงก่อนว่าหากเสด็จพ่อเจ้ารู้ถึงการกระทำของเจ้าแล้วจะทำอย่างไร”
สีหน้าของเซียวเชียนจย่งเปลี่ยนไปกะทันหัน ดวงตาของเขามีความลังเลเล็กน้อย สิ่งที่เยี่ยนอ๋องทำมาโดยตลอดคือรักวัวให้ผูกรักลูกให้ตี ในเมืองโยวโจว อย่าว่าแต่ควบม้าบนทางหลัก แม้เพียงไม่ระวังชนแผงขายของชาวบ้านเข้า เซียวเชียนจย่งก็ต้องยินยอมชดใช้ความเสียหาย มิเช่นนั้นหากมีคนนำเรื่องไปฟ้องถึงหูบิดา เขาจะถูกลงโทษจนลุกจากเตียงแทบไม่ไหวหลายวันแน่ การออกมาครานี้เสด็จพ่อก็สั่งแล้วว่าอย่าก่อเรื่องวุ่นวาย หากเสด็จพ่อรู้เข้าล่ะก็…
แท้จริงแล้วเดิมทีเซียวเชียนจย่งไม่ได้ต้องการก่อเรื่อง เพียงแต่เห็นเหล่าเชื้อพระวงศ์ผู้สืบทอดพวกนั้นวันๆ ไม่ทำอันใดเอาแต่ก่อเรื่องวุ่นวายในจินหลิง เซียวเชียนจย่งนึกเบื่อหน่ายกับการควบคุมของพี่ชายใหญ่ คนอื่นยังทำได้ไยเขาจะทำไม่ได้ เขาเพิ่งได้ม้าชั้นยอดมา แต่กลับถูกพี่ชายใหญ่ตำหนิติเตียนจึงโกรธจัดและเพิ่งควบม้าออกมา อีกทั้งยังมั่นใจในทักษะการขี่ม้าของตนด้วย ใครจะรู้ว่าจู่ๆ หญิงชราที่ไม่ได้ยินเสียงอันใดจะโผล่มาได้ เสียงฝีเท้าม้าออกจะดังยังไม่หลบอีก นางหูหนวกหรืออย่างไร