ตอนที่ 473 ไว้หน้าแล้วกลับไม่รับ (1)
“จวิ้นจู่มาครั้งนี้…เพราะเรื่องอันใดหรือ” เนิ่นนาน นายท่านตระกูลฉินจึงเอ่ยถามออกมา
หนานกงมั่วเลิกคิ้ว มองนายท่านตระกูลฉินด้วยรอยยิ้ม หากนายท่านตระกูลฉินไม่รู้ว่านางมาเพื่ออันใดจะยอมมาพบนางได้เยี่ยงไรกัน เพียงแต่การเป็นผู้นำตระกูลใหญ่ แม้นายท่านตระกูลฉินจะดูสุขุมและสง่างาม แต่ความจริงแล้วความหนาของใบหน้านั้นไม่ใช่คนทั่วไปจะเทียบได้ ดังนั้น หนานกงมั่วไม่เอ่ยเขาก็ไม่รีบร้อน ทำเพียงหัวเราะและมองมายังหนานกงมั่ว ราวกับกำลังมองดูผู้น้อยแสนซน
หนานกงมั่วยักไหล่ ไม่ใส่ใจที่จะยอมถอยหนึ่งก้าว เอ่ยขึ้นอย่างสุขุม “สองวันก่อน…เรื่องในราชสำนักไม่รู้นายท่านฉินมีความคิดเห็นเช่นไร”
นายท่านฉินลูบปลายหนวด ราวกับกำลังสงสัย เอ่ย “ไม่รู้ว่าจวิ้นจู่หมายถึงเรื่องใด”
หนานกงมั่วหลุบตาลง เอ่ยเสียงเบา “แน่นอนว่าเป็น…เรื่องโรคระบาดในหลิงโจว”
ดวงตาของนายท่านฉินวาวขึ้นมา เอ่ย “เรื่องโรคระบาดที่หลิงโจว…ข้าเองก็เป็นห่วงยิ่งนัก เพียงแต่…เวลานี้พิธีขึ้นครองราชย์ของฮ่องเต้พระองค์ใหม่ใกล้เข้ามาแล้ว กลับเกิดเรื่องวุ่นวายแบบนี้ขึ้นเกรงว่า…รอฮ่องเต้พระองค์ใหม่ยื่นมือเข้ามา แน่นอนต้องสืบเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด” นายท่านตระกูลฉินมองหนานกงมั่วนิ่ง ราวกับกำลังเอ่ยถามหนานกงมั่วว่าเรื่องนี้นั้นคุ้มค่าหรือไม่
หนานกงมั่วเอ่ยเสียงเรียบ “เรื่องเหล่านี้…ไม่ว่าจะรู้หรือไม่ ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร อย่างไรก็ต้องมีคนมาทำ ไม่ใช่หรือเจ้าคะ”
นายท่านฉินยิ้ม “จวิ้นจู่เป็นห่วงประชาชน ข้านับถือ”
หนานกงมั่วถอนหายใจ มองไปยังนายท่านตระกูลฉิน เอ่ย “ข้าคิดว่าในเมื่อนายท่านฉินยอมที่จะพบข้า แน่นอนคงไม่คิดอยากจะปะทะคารมกับข้าหรอกใช่หรือไม่” รอยยิ้มบนใบหน้าของนายท่านฉินชะงักไป มองหนานกงมั่วเนิ่นนานก่อนจะถอนหายใจออกมา เอ่ย “จุดประสงค์ของจวิ้นจู่ ข้าเข้าใจ เพียงแต่สำหรับตระกูลขุนนางอดีตฮ่องเต้นั้นเป็นดั่งหนามยอกอก ฮ่องเต้พระองค์ใหม่แม้ไม่ได้เอ่ยอันใดแต่ได้รับอิทธิพลมาจากอดีตฮ่องเต้ คิดว่าคงไม่ได้มองพวกเราดีกว่ากันเท่าใดนัก ทว่าตอนนี้ยังไม่มีอิสระก็เท่านั้น แต่ว่าหากพวกเราลงมือก่อน คิดว่าฮ่องเต้พระองค์ใหม่และผู้สำเร็จราชการแทนก็คงไม่เกรงใจ” นึกถึงราชโองการที่เห็นก่อนหน้านี้ นายท่านตระกูลฉินพลันเหงื่อตกอย่างไม่อาจห้ามได้ ในใจคิดว่าตนเองโชคดี หากไม่ใช่เพราะอดีตฮ่องเต้สวรรคตไปกะทันหัน คิดว่าตอนนี้คนที่ตายก็คงเป็นตระกูลขุนนางเช่นพวกเขา จากจุดนี้ ตระกูลฉินและตระกูลขุนนางอื่นๆ ในจินหลิงคงต้องขอบคุณเซียวฉุน
หนานกงมั่วก้มหน้าดื่มชา ก่อนจะเอ่ย “เรื่องที่หลิงโจว นายท่าน…ไม่รู้สึกละอายใจบ้างเลยหรือ”
สีหน้าของนายท่านฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย เอ่ยเสียงเข้ม “ข้าไม่เข้าใจความหมายของจวิ้นจู่”
หนานกงมั่วเลิกคิ้ว “เซียวฉุนปิดบังมายี่สิบกว่าปีเป็นเรื่องที่น่าตกใจ แต่ว่าตระกูลใหญ่สิบตระกูลในจินหลิงอย่างน้อยมีเจ็ดแปดตระกูลที่จับตามองจินหลิงอยู่สินะ นายท่านฉินไม่รู้จริงๆ หรือว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นที่หลิงโจว หรือว่าอยากปล่อยให้เรื่องนี้ใหญ่ขึ้น จากนั้นค่อยดึงหวงจั่งซุนลงจากบัลลังก์”
“จวิ้นจู่ระวังวาจาด้วย” ฉินจื่อซวี่เอ่ยเสียงเข้ม
“จื่อซวี่” นายท่านฉินเอ่ยห้ามบุตรชาย มองไปยังหนานกงมั่ว เอ่ยราบเรียบ “จวิ้นจู่เอ่ยเช่นนี้…เกินไปสักหน่อย แม้ตระกูลฉินไม่ได้เป็นตระกูลที่ดีนัก แต่ก็ไม่กล้าทำเรื่องบ้าคลั่งถึงเพียงนั้น”
หนานกงมั่วเม้มริมฝีปาก เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “นายท่านฉินและคุณชายใหญ่กังวลเกินไปแล้ว ข้ายังไม่ได้บอกว่าตระกูลฉินจะทำ แต่ตระกูลฉินรู้สถานการณ์แต่ไม่รายงาน…นั่นเป็นความจริงใช่หรือไม่”
เนิ่นนาน ฉินจื่อซวี่จึงถอนหายใจออกมา เอ่ย “จวิ้นจู่ได้รับข่าวเป็นอย่างดี เพียงแต่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอันใดกับตระกูลฉิน เรื่องในหลิงโจวนั้นยกให้ตระกูลอื่นจับตามองเอาไว้ อย่างไรในเมืองจินหลิงเราก็มีเรื่องมากมายต้องทำ ตอนที่ข้าและท่านพ่อได้รับข่าวก็…”
“ข้ารู้ ดังนั้นข้าจึงมาหาตระกูลฉิน ไม่ใช่ตระกูลเหลียนและตระกูลหยาง” หนานกงมั่วเอ่ย หากตระกูลฉินปิดบังข่าวสารในจินหลิงเพื่อให้ร้ายเซียวเชียนเยี่ย หนานกงมั่วคงไม่เลือกที่จะร่วมมือกับตระกูลฉิน
นายท่านฉินมองหนานกงมั่ว เอ่ย “ความในใจของจวิ้นจู่ข้าเข้าใจ แต่ในเมื่อข้านั่งอยู่ในตำแหน่งนี้ ไม่คิดถึงตระกูลก็คงเป็นไปไม่ได้ เรื่องนี้ขอจวิ้นจู่โปรดอภัยด้วย อย่างไร…หากพลาดแม้แต่ก้าวเดียว สิ่งที่ต้องจ่ายก็คือตระกูลฉินนับร้อยชีวิต” เห็นว่าหนานกงมั่วพยักหน้า นายท่านฉินจึงเอ่ยต่อ “จวิ้นจู่มาที่นี่ ต้องการให้ตระกูลฉินช่วยเรื่องโรคระบาดเมืองหลิงโจวหรือ ได้ยินว่าเว่ยซื่อจื่อยังอยู่ที่หลิงโจว จวิ้นจู่เป็นห่วงซื่อจื่อหรือ”
หนานกงมั่วเอ่ย “แม้ว่าฮ่องเต้พระองค์ใหม่และผู้สำเร็จราชการแทนถูกบังคับด้วยวาจาประชาชนจึงเข้าไปจัดการโรคระบาดในหลิงโจว แต่ว่า…ความคิดของฝ่าบาทคิดว่านายท่านฉินเองก็เข้าใจ ส่วนผู้สำเร็จราชการแทน…ผู้สำเร็จราชการแทนอาจจะมีไม้ตาย แต่น่าเสียดายกลับไม่คิดมีใจช่วยประชาชนเรื่องโรคระบาด ข้าพึ่งได้รับข่าว โรคระบาดกำลังระบาดไปทั่วทุกพื้นที่ในหลิงโจว ยามนี้ไม่ว่าจะเป็นหมอหรือยาล้วนไม่เพียงพอ”
“ความหมายของจวิ้นจู่คือ” นายท่านฉินขมวดคิ้ว
หนานกงมั่วเอ่ย “เดิมข้าเองก็ไม่กล้ารบกวนตระกูลฉิน เพียงแต่…ยามนี้ยาในตลาดถูกคนกว้านซื้อไปจนหมด…” นายท่านฉินขมวดคิ้ว ไตร่ตรองอยู่ชั่วครู่จึงเอ่ย “ตระกูลจูหรือ” หนานกงมั่วพยักหน้า ถอนหายใจ “ตั้งแต่ที่ข้ากลับมาจินหลิง ตระกูลจูก็เริ่มรับซื้อยาหลากหลายชนิดเป็นจำนวนมาก ส่งไปยังหลิงโจว แต่ว่า…”
“จวิ้นจู่เชิญว่ามา”
“ยาพวกนั้นหาซื้ออย่างง่ายดายในหมู่ผู้มีอำนาจและคนมีเงิน ระยะเวลาเพียงสั้นๆ หนึ่งเดือน ในพื้นที่หลิงโจวและรอบๆ หลิงโจวนั้นราคายาสูงขึ้นไปกว่าสิบเท่า ประชาชนทั่วไปกระทั่งหมอยังไม่อาจจ่ายให้ได้ และราชสำนัก…ไม่อาจรวบรวมยาให้เพียงพอได้ในระยะเวลาอันสั้น” หนานกงมั่วเอ่ย
ฉินจื่อซวี่ขมวดคิ้ว เอ่ยด้วยความโกรธ “ตระกูลจูร่ำรวยกว่าใครแล้ว ยังคิดฉวยโอกาสในยามเกิดภัยพิบัติแบบนี้หรือ” นายท่านฉินเอ่ยเสียงหยัน “เมื่อก่อนเพื่อสนับสนุนฮ่องเต้พระองค์ใหม่ ตระกูลจูลงทุนไปไม่น้อย ยามนี้ก็คือยามเรียกเงินคืนใช่หรือไม่” เดิมนายท่านตระกูลฉินก็ดูถูกตระกูลจู น้ำเสียงในตอนนี้จึงไม่ได้ดีไปถึงไหน
“เหลวไหลสิ้นดี” ฉินจื่อซวี่เอ่ยด้วยความแค้นเคืองต่อความไม่เป็นธรรม
นายท่านฉินกลับไม่ได้โกรธแค้นเหมือนฉินจื่อซวี่ เพียงเอ่ยถาม “ยังคงเป็นคำนั้น หากตระกูลฉินช่วยจวิ้นจู่ เป็นผลดีต่อตระกูลฉินอย่างไร หากรู้ หากตระกูลฉินออกหน้า คงเลี่ยงได้ยากที่ฮ่องเต้และผู้สำเร็จราชการแทนจะเห็นว่าตระกูลฉินนั้นเดินเส้นทางเดียวกันกับเว่ยซื่อจื่อ เอ่ยตามตรง ตอนนี้…เว่ยซื่อจื่อยังไม่มีอันใดรับรองให้ตระกูลฉินยอมที่จะเดิมพันทุกอย่างเพื่อเขา”
หนานกงมั่วเลิกคิ้ว “เรื่องนี้เรียกว่าช่วยข้ากับซื่อจื่อได้เยี่ยงไร หรือว่าหลิงโจวไม่ใช่หลิงโจวของอาณาจักรเซี่ยหรือ ประชาชนชาวหลิงโจวไม่ใช่ประชาชนของฝ่าบาทหรือ”
“น่าเสียดาย…ฮ่องเต้พระองค์ใหม่อาจจะไม่คิดเช่นนั้น” นายท่านตระกูลฉินเอ่ย
หนานกงมั่วเอ่ย “หากมีคำมั่นสัญญาของจวิ้นจู่ข้าและซื่อจื่อเล่า นายท่านฉินก็ไม่จำเป็นต้องโกหกข้า เรื่องนี้ขอเพียงจัดการให้เรียบร้อย ตระกูลฉินจะไม่มีอันตรายใดๆ ตระกูลฉินสืบทอดมากว่าหลายร้อยปี หรือว่าไม่รู้ถึงความสำคัญของชื่อเสียง” นายท่านฉินเงียบไปชั่วครู่ เอ่ย “คำมั่นสัญญาของเว่ยซื่อจื่อและจวิ้นจู่…ข้าจำเอาไว้แล้ว”
หนานกงมั่วยิ้มร่า “ขอบคุณนายท่านฉินเจ้าค่ะ”