หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1 – ตอนที่ 479 สั่งสอนหวงซุนกลางถนน (1)

ตอนที่ 479 สั่งสอนหวงซุนกลางถนน (1)

ตอนที่ 479 สั่งสอนหวงซุนกลางถนน (1)
เซียวเชียนชื่อโกรธจนมือสั่น เขาชี้นิ้วไปที่เซียวเชียนจย่งแต่ก็เอ่ยอันใดไม่ออกอยู่ชั่วครู่หนึ่ง พ่อบ้านที่อยู่ด้านข้างกลัวจนแทบอยากหนีไป เซียวเชียนเหว่ยที่ยืนอยู่อีกด้านเอ่ยขึ้นบ้าง “เอาล่ะเจ้าสาม พี่ใหญ่หวังดีต่อเจ้า ใช่ว่าเจ้าจะมิรู้นี่ว่าเสด็จพ่อให้ความสำคัญกับเสด็จลุงมากเพียงใด ทั้งเสด็จลุงและเสด็จอาต่างก็ดีต่อซิงเฉิงจวิ้นจู่มาก ฉะนั้นเราก็ควรเคารพนางเช่นกัน “เซียวเชียนจย่งถอนหายใจเบาๆ ในที่สุดก็ยอมไว้หน้าเซียวเชียนเหว่ย เอ่ยเสียงแผ่ว “ข้าเพียงแค่เอ่ยไปเรื่อยเท่านั้น มิได้มีเจตนาอันใด ไยต้องเอาแต่กล่าวโทษข้าด้วยเล่า”

เซียวเชียนเหว่ยรู้สึกกลืนไม่ค่อยคายไม่ออกอยู่บ้าง “เจ้าพูดจาเสียมารยาทตั้งแต่พบกันครั้งแรก ซิงเฉิงจวิ้นจู่ไปทำอันใดให้เจ้าหรือ เจ้าถึงได้โกรธเคืองนางนัก”

แน่นอนว่าหนานกงมั่วมิได้ทำอันใดให้เซียวเชียนจย่งโกรธเคือง อย่าว่าแต่ไม่เคยพบกัน ก่อนหน้านี้หนานกงมั่วเพิ่งเคยได้ยินชื่อเซียวเชียนจย่งเพียงครั้งเดียวเท่านั้น เซียวเชียนจย่งรู้ดีว่าตนเป็นคนไร้เหตุผล ทำตามอารมณ์ตนเองมาโดยตลอด ยามนี้จึงทำใจยอมรับความผิดของตัวเองต่อหน้าพี่ใหญ่ไม่ได้ ทำได้เพียงเอ่ยอย่างรำคาญว่า “ข้ารู้แล้ว วันหลังหากพบนางอีกข้าจะหลับตาเดินก็แล้วกัน”

เซียวเชียนเหว่ยเอื้อมมือไปตบไหล่เซียวเชียนชื่อเบาๆ เอ่ยยิ้มๆ “พี่ใหญ่ เจ้าสามสำนึกผิดแล้ว เรื่องวันนี้ช่างมันเถิด”

เซียวเชียนชื่อพยักหน้า แอบลอบถอนหายใจอยู่ภายใน เซียวเชียนเหว่ยเห็นว่าเซียวเชียนจย่งยังดูไม่สบายใจนักจึงดึงน้องชายมาข้างๆ ยิ้มพลางเอ่ย “เอาเถิด เมื่อก่อนเจ้าเอาแต่บอกว่าอยากมาเที่ยวที่เจียงหนานมิใช่หรือ รอให้ย้ายพระศพของเสด็จปู่ไปยังสุสานก่อน พี่รองจะพาเจ้าไปเที่ยวเล่นทั่วทุกสารทิศเลย” เซียวเชียนจย่งตาเป็นประกาย พลันดีใจทันที “พี่รอง รับปากแล้วนะ”

“แน่นอน พี่จะผิดคำพูดได้เยี่ยงไร”

เซียวเชียนจย่งคว้าแขนของเซียวเชียนเหว่ยเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เอ่ย “ไปเดินดูกันว่าเรือนเป็นอย่างไรบ้าง จะว่าไปแล้วนี่เป็นครั้งที่สองที่ข้าได้กลับมา จำไม่ค่อยได้แล้ว”

พี่น้องทั้งสองพูดคุยหัวเราะเดินออกไปราวกับพวกเขาลืมเซียวเชียนชื่อไว้ข้างหลังเสียอย่างนั้น เซียวเชียนชื่อยืนอยู่ในสวนดอกไม้ มองดูน้องชายสองคนเดินจากไปพร้อมกัน แววตาปรากฏความขมขื่นและเศร้าโศก พ่อบ้านที่ยืนอยู่ด้านข้างเหลือบมองเขาอย่างระแวดระวัง เอ่ยเสียงแผ่วเบาว่า “ซื่อจื่อ ข้าน้อยจะพาท่านกลับเรือนดีหรือไม่ขอรับ”

เซียวเชียนชื่อพยักหน้าเงียบๆ เดินตามพ่อบ้านไปยังเรือนพักของตนเอง

ทางด้านหลัง หนานกงมั่วเดินออกมาจากพุ่มไม้ มองดูสวนอันว่างเปล่าแล้วขมวดคิ้ว ใบหน้างามแสดงถึงสีหน้าครุ่นคิดบางอย่าง

ระยะนี้เหอเหวินลี่ ผู้ว่าการเขตอิ้งเทียนมีเรื่องปวดหัวไม่หยุดหย่อน คดีของซิงเฉิงจวิ้นจู่เมื่อไม่กี่วันก่อนยังไม่ทันได้สอบสวน ก็ถูกฮ่องเต้พระองค์ใหม่เรียกตัวเข้าวังไปต่อว่าและขอให้ปิดบังเรื่องนี้ไว้ ยามนี้ผู้สืบทอดผู้ปกครองเมืองแต่ละแห่งต่างเข้ามายังเมืองหลวงแล้ว อย่าคาดหวังให้คนเหล่านี้ที่เคยอยู่ในเขตปกครองของตนอย่างอิสระจะอ่อนน้อมถ่อมตนเมื่อเข้ามาอยู่ในเมืองจินหลิง หากเป็นสมัยที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนยังมีพระชนม์ชีพอยู่ยังพอเอ่ยเช่นนั้นได้ ทว่ายามนี้ฮ่องเต้พระองค์ก่อนเพิ่งสวรรคต ฮ่องเต้พระองค์ใหม่ที่ยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์ก็เป็นคนรุ่นราวคราวเดียวกับพวกเขาอีก มีหรือที่บรรดาหวงซุนเหล่านี้จะไว้หน้า เกรงว่าไม่พ้นหนึ่งวันก็คงได้รับข้อพิพาทจากพวกเชื้อพระวงศ์เหล่านี้ไม่น้อยกว่าสามเรื่องเป็นแน่ ตามหลักแล้ว ไม่ว่าจะมีฐานะพิเศษเพียงใด หากก่อเรื่องในระหว่างช่วงพระราชพิธีศพของอดีตฮ่องเต้จะถูกลงโทษหนักแน่นอน แต่ในตอนนี้ฮ่องเต้พระองค์ใหม่ยังไม่ต้องการให้ผู้ปกครองเมืองทั้งหมดไม่พอใจจึงต้องยั้งมือไว้ ด้วยเหตุนี้ทำให้ผู้สืบทอดผู้ปกครองเมืองกำเริบเสิบสานมากขึ้น

เมื่อนึกถึงคดีของซิงเฉิงจวิ้นจู่ที่ไม่สามารถสืบหาเบาะแสได้ เหอเหวินลี่ยกมือตบหน้าผากตัวเอง รู้สึกเพียงเจ็บหน้าผากมากขึ้นเท่านั้น เว่ยจวินมั่วคือใคร เหอเหวินลี่ซึ่งมีมิตรภาพอันแนบแน่นกับลิ่นฉังเฟิงไม่เข้าใจเลยสักนิด อย่ามองว่าหลายปีที่ผ่านมา เว่ยซื่อจื่อผู้นี้มิได้เป็นที่รู้จักในเมืองจินหลิง แต่คนผู้นี้เป็นยอดมือสังหารที่เข่นฆ่าโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย คุณชายในตระกูลขุนนางธรรมดาอาจหาญหากินในยุทธภพด้วยตัวคนเดียว ถึงขั้นลอบก่อตั้งสำนักมือสังหารเชียวหรือ นี่เป็นโทษสถานหนักถึงขั้นตัดหัว หากเกิดอันใดขึ้นจริงๆ แม้แต่องค์หญิงฉังผิงก็คงช่วยเขาไม่ได้ หากเขากลับมาถึงรู้ว่ามีผู้ลอบสังหารซิงเฉิงจวิ้นจู่ แล้วรู้ว่าตน ‘ตั้งใจปกปิด’ ไว้ หากไม่ฉีกเขาทั้งเป็นก็คงน่าแปลกแล้ว

“เหอเหวินลี่! ไสหัวเจ้าออกมาหาข้า!” เหอเหวินลี่ยังไม่ทันคิดหาวิธีได้ น้ำเสียงฉุนเฉียวของลิ่นฉังเฟิงก็ดังมาจากข้างนอก

“โอ๊ย!” ใต้เท้าเหอไม่ทันระวังดึงผมของตัวเองเข้า รีบลุกขึ้นทักทีพลางสบถในใจ

คุณชายฉังเฟิงไม่เกรงใจแม้แต่น้อย เตะประตูเปิดเข้าไปโดยไม่ลังเล พ่อบ้านที่ตามหลังเขามาได้แต่มองอย่างทำอันใดไม่ได้ เหอเหวินลี่เอ่ยขึ้นด้วยความไม่พอใจ “แม้ที่นี่จะมิใช่หยาเหมินเขตอิ้งเทียน แต่ก็เป็นจวนพักของทางการ เจ้าช่วยเกรงใจกันหน่อยได้หรือไม่” คุณชายฉังเฟิงหัวเราะท่าทางน่ากลัว “หากเว่ยจวินมั่วกลับมา เจ้าไปถามเขาสิว่าจะเกรงใจเจ้าหรือไม่ สหาย หากข้าถูกเว่ยจวินมั่วฆ่าตาย แน่นอนว่าเขาคงลากเจ้ามารับผิดต่อไป”

เหอเหวินลี่ลนลาน “พูดจาเลอะเทอะ เว่ยซื่อจื่อจะฆ่าเจ้าได้อย่างไร” เว่ยจวินมั่วและลิ่นฉังเฟิงเป็นเพื่อนรักเพื่อนตายกัน มิตรภาพเช่นนี้ ตราบใดที่ลิ่นฉังเฟิงไม่ทรยศ เว่ยซื่อจื่อก็ไม่มีทางทำอันใดเขา หรือต่อให้เขาจะทรยศจริงๆ เกรงว่าเว่ยซื่อจื่อก็คงยอมไว้ชีวิตเขา อย่างไรก็ตามความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนตายเช่นนี้มิได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แน่นอนว่าลิ่นฉังเฟิงรู้ดีว่าเว่ยจวินมั่วไม่มีทางฆ่าเขา แต่หากทุบตีเขาทุกวัน เขาก็คงทนไม่ไหวเช่นกัน เขานั่งลงอย่างไม่เกรงใจ เอ่ยเสียงเข้ม “ช่างข้าเถิด เรื่องคดีลอบสังหารแม่นางมั่วสืบได้ความอย่างไรบ้าง ผู้ลงมือเป็นใครกัน” ออกไปทำธุระนอกเมืองหลวงสองสามวัน กลับมาก็ได้ยินข่าวว่าจวนเยี่ยนอ๋องถูกมือสังหารบุกรุก ในตอนนั้นตกใจมากเสียจนหัวใจเกือบหยุดเต้น หากแม่นางมั่วเป็นอันใดไป เจ้าเว่ยจวินมั่วนั่นจะไม่เสียสติไปหรือ เหอเหวินลี่ส่ายหัว ตอบว่า “คดีนี้ไม่มีทางสืบได้”

“ไม่มีทางสืบได้หมายความเยี่ยงไร” ลิ่นฉังเฟิงเลิกคิ้วขึ้น “เจ้าเป็นผู้ว่าการเขตอิ้งเทียน ภายในเขตอิ้งเทียนมีเรื่องที่เจ้าสืบไม่ได้ด้วยหรือ”

เหอเหวินลี่กลอกตา “ผู้ว่าการเขตอิ้งเทียนจะทำอันใดได้ อันที่จริงข้าก็เป็นเพียงขุนนางระดับสามเท่านั้น แค่อิฐในเมืองจินหลิงพังลงมาแม้เพียงก้อนเดียวก็เล่นงานตำแหน่งที่สูงกว่าข้าได้” แล้วเหตุใดคนถึงบอกว่าสวรรค์สูงฮ่องเต้ห่างไกล[1]เล่า การอยู่ใกล้ฮ่องเต้มากเกินไปมิใช่เรื่องดี คนส่วนใหญ่ต่างอิจฉาข้าราชการในเมืองหลวง แต่ความจริงแล้ว ข้าราชการในเมืองหลวงจะไปมีอิสระเสรีอย่างข้าราชการท้องถิ่นได้อย่างไร มีผู้คนต่างจับตามองอยู่ทุกหนแห่ง ไม่เพียงแต่ต้องระวังประเด็นเรื่องทุจริตรับสินบน แม้แต่จะเป็นข้าราชการที่ซื่อสัตย์ก็มิใช่สิ่งที่จะทำได้ตามใจต้องการ หากเขากลับยังหนักแน่นยืดหยัด เกรงว่าความยืนหยัดนี้ของเขาคงไม่มีประโยชน์อันใด ต้องถูกทำลายสิ้นลงไปอยู่ดี

ลิ่นฉังเฟิงเลิกคิ้ว “มีคนขัดขวางหรือ”

เหอเหวินลี่มองเขาด้วยสายตาเอือมระอา ลิ่นฉังเฟิงขมวดคิ้ว ลูบคางแล้วเอ่ยว่า “เซียวเชียนเยี่ยหรือ”

เหอเหวินลี่กลอกตา เจ้าใจกล้าบ้าบิ่นก็อย่าเอาข้าไปเกี่ยวด้วย เมื่อก่อนเคยเรียกชื่อก็ช่างมัน แต่ยามนี้คนผู้นั้นกำลังจะได้ขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้แล้ว

ลิ่นฉังเฟิงเอ่ยลอดไรฟัน “รนหาที่จริงๆ!”

เหอเหวินลี่ยิ้มหยันแล้วจึงเอ่ย “อีกไม่นานเขาจะได้เป็นผู้ปกครองประเทศ อาณาจักรเซี่ยทั้งหมดจะเป็นของเขา ต้องการสังหารจวิ้นจู่เรียกว่ารนหาที่หรือ ข้าว่าเจ้ามากกว่าที่รนหาที่” ลิ่นฉังเฟิงรู้ดีว่าเหอเหวินลี่เป็นห่วงตน แม้ความกังวลของข้าราชการคร่ำครึจะแปลกพิกลอยู่เสมอ แต่เขาก็ไม่ได้โกรธ เพียงลูบคางแล้วเอ่ยแย้ง “ยังไม่ทันครองราชย์ก็คิดฆ่าแม่นางมั่วเสียแล้ว ความอดทนคงไม่ต่ำถึงขั้นนั้นหรอกหรือไม่ หรือสถานการณ์ของเขาตอนนี้สบายเกินไปแล้วหรือ” เหอเหวินลี่เอ่ยเบาๆ “เห็นได้ชัดว่ามิใช่เพราะซิงเฉิงจวิ้นจู่ทำอันใดให้เขาไม่พอใจ แต่คงเป็นเพราะซิงเฉิงจวิ้นจู่รู้ความลับบางอย่างของเขาไม่ใช่หรือ” ดูจากท่าทีอดทนอดกลั้นของคนผู้นั้นแล้ว เขาไม่มีทางลงมือกับซิงเฉิงจวิ้นจู่เพียงเพราะนางเคยทำผิดต่อเขาอย่างแน่นอน ยามนี้ในจินหลิงมีผู้สืบทอดจวิ้นอ๋องเหล่านั้นอยู่ และยังมีผู้สำเร็จราชการแทนที่ปรากฏตัวกะทันหันด้วย มีคนไหนที่ไม่เทียบเท่ากับตบหน้าซิงเฉิงจวิ้นจู่หรือ

[1] สวรรค์สูงฮ่องเต้ห่างไกล สถานที่ห่างไกล อำนาจจากศูนย์กลางไปไม่ถึง

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

Status: Ongoing

นิยายรักย้อนยุค ว่าด้วยการแก้แค้นของหมอหญิงมือสังหาร และแต่งงานกับบุรุษสุดประหลาด!

เมื่อมารดาสิ้นใจและตนถูกไล่ให้มาอยู่หมู่บ้านบรรพบุรุษ เพราะความลำบากและคับแค้นใจจึงทำให้ หนานกงชิง คุณหนูคนโตแห่งตระกูลหนานกงจากโลกนี้ไป

ร่างของนางกลับถูกแทนที่ด้วยวิญญาณของ หนานกงมั่ว นักฆ่าสาวมือฉกาจแห่งเอเชีย เมื่อได้รับชีวิตใหม่หนานกงมั่วก็ได้กราบอาจารย์ เรียนวิชาแพทย์ ใช้ชีวิตอิสระเสรีตามที่ตนหวัง พร้อมรับใบสั่งสังหารคนบ้างเป็นครั้งคราว… จนเมื่อราชโองการพระราชทานสมรสมาถึงชีวิตของนางก็ถึงคราวพลิกผัน!

เล่าลือกันว่าจวิ้นอ๋องว่าที่สามีของนาง เว่ยจวินมั่ว แม้จะมียศสูงศักดิ์แต่เพราะดวงตาแปลกประหลาดสีม่วงและการคลอดก่อนกำหนดทำให้ชาติกำเนิดของเขาตกเป็นขี้ปากคนไปทั่ว อาจเพราะแบบนี้การสมรสนี้จึงตกมาถึงตัวนาง แม้คนทั่วไปไม่ยินดีแต่นางดูๆ แล้วกลับคิดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท