ตอนที่ 487 พระราชพิธีราชาภิเษก (1)
หนานกงมั่วพยักหน้าแล้วจึงเอ่ย “มีแน่นอน ให้คนนำไปไว้ในห้องพวกเจ้าแล้ว เดิมทีว่าจะไม่ให้น้องเล็ก แต่ว่า…ให้ก็แล้วกัน เชียนจย่งจะได้ไม่รู้ว่าข้าเป็นพี่สะใภ้ที่ลำเอียง”
แน่นอนว่าย่อมเป็นเรื่องล้อเล่น คนทั้งสามไม่ได้เอาไปใส่ใจ เซียวเชียนเหว่ยขอบคุณด้วยรอยยิ้ม เซียวเชียนชื่อตะลึงครู่หนึ่งแล้วจึงขอบคุณหนานกงมั่วอย่างจริงจังเช่นกัน มองดูสามพี่น้องที่มีนิสัยแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง หนานกงมั่วก็อดลอบถอนหายใจอยู่ภายในไม่ได้ ดูแล้วผู้สืบทอดเยี่ยนอ๋องไม่เพียงแต่อ่อนโยน แต่ยังขี้กังวลและเงียบขรึม คนเช่นนี้…หากอยู่ในระดับล่างก็ไม่เป็นไร แต่หากอนาคตได้เป็นเยี่ยนอ๋อง…ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เซียวเชียนชื่อจะควบคุมน้องชายทั้งสองได้หรือไม่ ตอนนี้ดูเหมือนว่าแม้เซียวเชียนจย่งจะไม่สนใจเซียวเชียนชื่อเท่าใดนัก แต่ระหว่างพี่น้องคงไม่มีแผนสกปรกอันใดต่อกัน หากดูจากอายุของพวกเขาแล้ว ความสัมพันธ์ก็ถือว่าไม่เลวนัก คิดว่าพระชายาเยี่ยนอ๋องคงสั่งสอนมาได้ดีแล้ว แต่ต่อให้พ่อแม่สั่งสอนดีเพียงใด จะมีสักกี่คนที่สามารถรักษาความสัมพันธ์พี่น้องได้จนถึงที่สุดท่ามกลางอำนาจและฐานันดร ในโลกนี้จะมีสักกี่คนที่เต็มใจช่วยเหลือพี่น้องที่ ‘ไม่เก่งเท่าตัวเองด้วยหรือ’
คิดมาถึงเรื่องนี้ หนานกงมั่วก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะพลางส่ายศีรษะ เป็นไปไม่ได้ที่เยี่ยนอ๋องและพระชายาเยี่ยนอ๋องจะไม่เคยคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทว่ายามนี้ยังไม่มีอันใดเกิดขึ้น นางจะกังวลใจไปทำไมกัน
ในวันนี้ ลมพัดแผ่วเบา มีเมฆน้อย ดวงอาทิตย์ก็ส่องแสงเจิดจ้า
อีกไม่ถึงครึ่งเดือนก็จะถึงปีใหม่แล้ว เมืองจินหลิงได้เข้าสู่ฤดูหนาวเป็นที่เรียบร้อย แม้ว่าหนานกงมั่วจะเคยสัมผัสหิมะมาก่อน แต่ความหนาวเย็นในอากาศยังคงทำให้รู้สึกไม่ค่อยสบายสักเท่าใด ทว่าวันนี้ ทั่วทั้งเมืองจินหลิงคล้ายกับจะลืมความเศร้าโศกและฤดูหนาวอันมืดมนแห่งการสวรรคตของฮ่องเต้พระองค์ก่อนไปแล้ว เมื่อฮ่องเต้พระองค์ใหม่เสด็จขึ้นครองบังลังก์ คนทั้งแผ่นดินต่างก็ร่วมเฉลิมฉลอง มีเรื่องราวที่ชาวบ้านรากหญ้าต้องเข้าใจอยู่ไม่มากนัก เพียงแค่เฉลิมฉลองการเสด็จขึ้นครองราชย์ของฮ่องเต้พระองค์ใหม่อย่างมีความสุขและรอการอภัยโทษเพียงเท่านั้น ขณะที่คนบางส่วนแอบครุ่นคิดในใจว่าฮ่องเต้พระองค์ใหม่ที่กำลังจะเสด็จขึ้นครองบัลลังก์จะนำพาอาณาจักรเซี่ยไปในทิศทางใด
แม้จะกล่าวกันว่าฮ่องเต้ผู้ล่วงลับเพิ่งสิ้นพระชนม์ ทุกอย่างจะเรียบง่าย ทว่าการเสด็จขึ้นครองราชย์ของฮ่องเต้พระองค์ใหม่นั้นไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่กล่าวสักเท่าใด เช้าตรู่หนานกงมั่วตามองค์หญิงฉังผิงเข้าวังหลวง เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อผู้อาวุโส ฮ่องเต้พระองค์ใหม่ได้ออกราชโองการในวันก่อนเสด็จขึ้นครองราชย์ให้เสด็จอาทั้งสอง นั่นคือองค์หญิงฉังผิงและองค์หญิงหลิงอี๋ ผู้ซึ่งถือได้ว่าเป็นเสด็จอาที่ยังมีชีวิตอยู่ของฮ่องเต้ ได้รับการแต่งตั้งเป็นต้าจั่งกงจู่ นับแต่นี้ ผู้คนต้องยกย่ององค์หญิงฉังผิงว่าเป็น ‘ฉังผิงต้าจั่งกงจู่’ แล้ว
บุรุษและสตรีมีความแตกต่างกัน ฉะนั้นองค์หญิงฉังผิงจึงทำได้เพียงบอกเซียวเชียนชื่อสามพี่น้องเและเซียวเชียนหนานซึ่งเป็นผู้สืบทอดฉีอ๋องที่เพิ่งมาถึงจินหลิงเมื่อคืนนี้ แล้วพาหนานกงมั่วเข้าวังหลวงเท่านั้น อย่างไรก็ตามเซียวเชียนจย่งถูกกำราบโดยหนานกงมั่วแล้ว หากเขาไม่สร้างปัญหา ระหว่างลูกพี่ลูกน้องทั้งสี่คนคงไม่เกิดปัญหาอันใดขึ้น
เมื่อเข้าไปในวังหลวง ผู้มีหน้าที่ต้อนรับพระญาติฝ่ายหญิงคือพระชายารัชทายาทและพระชายาเย่ว์อ๋องที่ทรงครรภ์ได้หกเจ็ดเดือนแล้ว หรือควรจะเรียกว่าไทเฮาและฮองเฮาเสียมากกว่า
สีหน้าของไทเฮาดูเศร้าและซีดเซียวเล็กน้อย ราวกับว่านางเป็นคนละคนกับพระชายารัชทายาทที่หนานกงมั่วได้พบที่ตำหนักรัชทายาทเมื่อคราแรก ดูเหมือนว่าการเป็นไทเฮาองค์แรกของราชวงศ์เซี่ยที่ยิ่งใหญ่จะไม่ได้ทำให้สตรีผู้นี้มีความสุขนัก ตรงกันข้าม ฮองเฮากลับดูมีน้ำมีนวลขึ้นกว่าที่เคย ด้วยครรภ์ที่ใหญ่และรอยยิ้มอ่อนโยนเหมาะกับใบหน้าของนาง สตรีผู้นี้ดูเหมือนจะเปลี่ยนจากพระชายาจวิ้นอ๋องมาเป็นฮองเฮาได้อย่างสมบูรณ์ในเวลาอันสั้น นางสวมชุดคลุมหงส์ เนื่องจากมีน้ำหนักมากจึงไม่ได้สวมเครื่องประดับมากมายอันใด ทว่าใบหน้าที่ไม่ได้งดงามโดดเด่นของนางยังคงดูมีเกียรติสูงส่ง เชื่อว่าคงไม่มีผู้ใดที่เห็นนางแล้วจะคิดว่าไม่สมควรเป็นฮองเฮา เพียงแต่…เมื่อหนานกงมั่วมองดูดวงตาของฮองเฮาก็เข้าใจทันที ดวงตาของฮองเฮาไร้ซึ่งความเศร้าโศกและความขมขื่นที่เกิดจากความหลายใจของพระสวามีอีกแล้ว มีเพียงความนิ่งสงบอย่างสมบูรณ์แบบ สตรีที่ไม่ได้มีโฉมงามโดดเด่นผู้นี้ได้ละทิ้งความรักต่อสามีแล้ว
“ถวายพระพรไทเฮา ถวายพระพรฮองเฮา”
“น้องห้าลุกขึ้นเถิด ซิงเฉิงจวิ้นจู่ก็ลุกขึ้นด้วย” ไทเฮารีบเอ่ยด้วยรอยยิ้ม ยกมือขึ้นและให้ทั้งสองคนนั่งลงด้านข้าง นอกจากองค์หญิงหลิงอี๋แล้ว ไม่มีผู้ใดในที่นี้ที่ฐานะสูงกว่าองค์หญิงฉังผิง องค์หญิงฉังผิงนั่งลงบนที่นั่งแรกทางด้านขวา หนานกงมั่วเองก็นั่งลงข้างองค์หญิงฉังผิงด้วย
องค์หญิงหลิงอี๋นั่งตรงข้ามกับองค์หญิงฉังผิง เนื่องจากครานี้เวลากระชั้นชิด เหล่าพระชายาชินอ๋องและพระชายาซื่อจื่อแคว้นต่างๆ จึงไม่ได้เดินทางมาด้วย ฉะนั้น ผู้ที่นั่งอยู่นอกจากองค์หญิงทั้งสองและพระสนมรัชทายาทแล้วจึงไม่มีพระราชวงศ์มากมายนัก
ฮองเฮามองหนานกงมั่วซึ่งนั่งอยู่ข้างองค์หญิงฉังผิง สายตาดูค่อนข้างซับซ้อน ยิ้มแล้วเอ่ยเสียงแผ่วเบา “ว่ากันว่าน้องห้ามีความสัมพันธ์อันดีกับลูกสะใภ้เสมือนแม่และลูกสาวอย่างไรอย่างนั้น เมื่อข้าเห็นวันนี้แล้ว ก็เป็นเช่นนั้นจริง น่าอิจฉาเสียจริง”
องค์หญิงฉังผิงยิ้มแล้วจึงเอ่ยตอบ “เด็กคนนี้เชื่อฟังและมีเหตุผล เมื่อจวินเอ๋อร์ไม่อยู่ที่จินหลิงก็มีเพียงนางที่อยู่กับหม่อมฉัน ฮองเฮารวมถึงพระชายาทุกนางในวังต่างก็เชื่อฟังพระองค์เป็นอย่างดี ไทเฮาไม่จำเป็นต้องอิจฉาหม่อมฉันเลยเพคะ” องค์หญิงหลิงอี๋พูดด้วยรอยยิ้ม “พี่ห้าเอ่ยถูกต้องแล้ว พี่สะใภ้ หากเอ่ยเช่นนั้น ฮองเฮาจะน้อยใจเอาได้นะเพคะ” ฮองเฮายิ้มเล็กน้อย มองไปยังไทเฮาแล้วเอ่ยขึ้นบ้าง “นั่นสิเพคะ เสด็จแม่ไม่โปรดลูกสะใภ้หรือเพคะ”
ไทเฮาแตะไปที่มือของฮองเฮา หัวเราะพลางเอ่ย “เจ้าเป็นเด็กดี แล้วข้าจะไม่ชอบเจ้าได้อย่างไร” คำพูดของไทเฮานั้นนับว่าออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ ไม่ว่าในฐานะภรรยา พระชายาจวิ้นอ๋องหรือฮองเฮา ลูกสะใภ้ผู้นี้ก็ทำหน้าที่ได้ดีมาก ใจกว้างและนิสัยดี เมื่อสองปีแรกยังมีความเย่อหยิ่งเช่นคุณหนูอยู่บ้าง แต่หลังจากนางตั้งครรภ์ก็อ่อนน้อมและใจกว้างมากยิ่งขึ้น เมื่อมองหนานกงมั่วและเว่ยจวินมั่ว แล้วมองดูลูกชายและลูกสะใภ้ ไทเฮาก็ยังอดเสียใจไม่ได้ หากฮองเฮามีความสามารถเหมือนอย่างหนานกงมั่ว เรื่องอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้คงจะไม่เกิดขึ้น แต่ไทเฮาก็รู้อยู่ในใจว่าผู้หญิงเช่นหนานกงมั่วคงมิใช่คนที่ลูกชายของนางจะรับมือได้ ดังนั้นฮองเฮาจึงไม่ได้รู้สึกไม่พอใจอันใด
ฮองเฮายิ้มแล้วกล่าวตอบ “ลูกรู้ว่าเสด็จแม่รักลูกมากที่สุดเพคะ”
“เจ้านี่นะ” ไทเฮาอมยิ้ม แตะไปบนหน้าผากของฮองเฮา มองไม่เห็นสายตาอิจฉาริษยาของนางสนมที่นั่งอยู่ข้างๆ ในฐานะพระชายารัชทายาทและไทเฮาองค์ปัจจุบันแล้ว แน่นอนว่านางย่อมไม่เห็นนางสนมของลูกชายอยู่ในสายตา เมื่อตนได้รับความรักจากแม่สามีเช่นฮองเฮาพระองค์ก่อน และได้ยินเรื่องแม่สามีที่โหดร้ายมาไม่น้อย ไทเฮาจึงรู้ถึงความสำคัญของตำแหน่งของฮองเฮา ไม่ว่าจะเป็นภายในตระกูลหรือวังหลวง ตราบใดที่ฮองเฮามิได้ทำผิดพลาด นางก็จะสนับสนุนฮองเฮาอย่างสุดกำลังเพียงผู้เดียวเท่านั้น
แม้แต่ไทเฮาก็เอ่ยชื่นชมด้วยพระองค์เอง พระชายาองค์อื่นๆ ย่อมต้องยกย่องนางเป็นอย่างดีเช่นกัน เมื่อครั้งที่ไทเฮายังเป็นพระชายารัชทายาทก็มีชื่อเสียงเป็นเลิศในหมู่พระชายา บัดนี้เป็นถึงไทเฮาแล้วก็มิได้ลืมตัว แม้แต่ตระกูลของไทเฮาก็ยังสงบเสงี่ยมเจียมตัวเฉกเช่นเมื่อครั้งฮ่องเต้พระองค์ก่อนยังมีพระชนม์ชีพอยู่ ไม่เหมือนหลายตระกูลที่อดดีใจจนเนื้อเต้นไม่ได้ ต้องบอกว่าอดีตฮ่องเต้ได้ใช้ความพยายามอย่างมากในการเลือกภรรยาให้กับลูกหลาน ไม่ว่าจะเป็นไทเฮา ฮองเฮา หรือพระชายาเยี่ยนอ๋อง หรือแม้แต่พระชายาของอ๋องอื่นๆ แทบไม่มีผู้หญิงที่ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าเลย