หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1 – ตอนที่ 465 ลอบสังหาร (1)

ตอนที่ 465 ลอบสังหาร (1)

ตอนที่ 465 ลอบสังหาร (1)
หนานกงมั่วพยักหน้า “แล้วแต่เสด็จแม่จะจัดการเพคะ”

ประคององค์หญิงฉังผิงลงจากรถม้า ทว่าห่างออกไปจากหน้าประตูจวนไม่ไกลพลันมีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น คิ้วสวยของหนานกงมั่วเลิกขึ้นเล็กน้อย ส่งสัญญาณให้องค์หญิงฉังผิงหันไปมอง องค์หญิงฉังผิงเงยหน้า เห็นว่าจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องพาคนมายืนอยู่หน้าประตูจวนรอพวกเขา คิ้วสวยขององค์หญิงฉังผิงเลิกขึ้น “พวกเขามาได้เยี่ยงไร”

หนานกงมั่วกดคิ้วต่ำ เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “บางทีอาจมาเชิญเสด็จแม่กลับไปเพคะ”

องค์หญิงฉังผิงหันกลับไปมองนาง เอ่ยถาม “เจ้าอยากกลับไปหรือ”

หนานกงมั่วตบลงบนหลังมือขององค์หญิงฉังผิง เอ่ยเสียงเบา “เสด็จแม่ หม่อมฉันมีความคิดเดียวกับจวินมั่ว ไม่เสียดายตำแหน่งจวิ้นอ๋องใดๆ แม้เพียงนิด เสด็จแม่ต้องการสิ่งใด พวกเราจะหามาให้ จวินมั่วกตัญญูต่อเสด็จแม่แน่นอนอยู่แล้วเพคะ”

ดวงตาขององค์หญิงฉังผิงพราวระยับขึ้นมา เอ่ยเสียงเบา “ข้ารู้…ข้ารู้ว่าจวินเอ๋อร์นั้นทะนงตน และรู้ว่าเขาเป็นเด็กดี ที่ผ่านมา…เป็นเพราะข้าไม่ยินยอมเท่านั้น เดิมทีคิดว่า…ต่อให้ไม่เอาตำแหน่งจิ้งเจียงจวิ้นอ๋อง จะไม่ยอมให้เขาถูกทำร้ายเมื่อเขาอยู่ในจินหลิงแห่งนี้ แต่ว่าตอนนี้…”

แม้องค์หญิงฉังผิงจะไม่ชอบออกจากเรือน แต่ความสัมพันธ์กับรัชทายาทเรียกว่าไม่เลว องค์รัชทายาทอ่อนโยนและโอบอ้อมอารี เมื่อยังหนุ่มนั้นดูแลน้องสาวเช่นพวกนางเป็นอย่างดี เพียงแต่ตอนนี้เซียวเชียนเยี่ยขึ้นครองบัลลังก์…พ่อลูก พี่น้อง และอาหลาน มันไม่เหมือนเดิมแล้ว

หนานกงมั่วยิ้มบาง เอ่ย “เสด็จแม่ จวินมั่วไม่ต้องการให้เสด็จแม่ทวงคืนตำแหน่งจวิ้นอ๋องกลับมาให้เขาหรอกเพคะ”

องค์หญิงฉังผิงยิ้มร่า ยกมือขึ้นมาแตะหน้าผากของนาง เอ่ย “ช่างเถิด ตอนนี้คิดไปคิดมาก็ไม่มีประโยชน์”

ระหว่างที่ทั้งสองกำลังพูดคุย เว่ยหงเฟยก็เดินเข้ามาใกล้แล้ว “องค์หญิง”

ด้านหลังเว่ยหงเฟยคือเว่ยจวินปั๋วและเว่ยจวินอี้ ส่วนเว่ยจวินเจ๋อนั้นนับตั้งแต่หักขาเขาไปแล้วก็ไม่ค่อยได้ยินข่าวของเขาในจินหลิงเท่าใดนัก คิดว่าตอนนี้ยังคงรักษาอยู่ในจวน

“ลูกถวายพระพรเสด็จแม่” เว่ยจวินปั๋วและเว่ยจวินอี้เอ่ยขึ้นพร้อมเพรียง แม้องค์หญิงจะพาบุตรชายและลูกสะใภ้ย้ายออกมาอยู่ด้านนอก แต่อย่างไรก็ยังไม่หย่าขาดจากเว่ยหงเฟย ยังอยู่ในตำแหน่งพระชายาจิ้งเจียงจวิ้นอ๋อง เป็นมารดาของบุตรทั้งหลายของจิ้งเจียงจวิ้นอ๋อง

องค์หญิงฉังผิงเลิกคิ้ว “พวกเจ้านี่คืออันใด”

เว่ยจวินอี้หลบอยู่ด้านข้างไม่เอ่ยสิ่งใด ในจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องเขานับว่าไม่เป็นที่สะดุดตาไม่มีใครสนใจ เว่ยจวินปั๋วก้าวขึ้นมาด้านหน้า ส่งรอยยิ้มสุภาพไปให้ เอ่ย “เสด็จแม่ เสด็จพ่อตั้งใจมารับเสด็จแม่กลับจวนพ่ะย่ะค่ะ”

องค์หญิงฉังผิงชะงัก ไม่นานจึงยิ้มเย็นออกมา มองไปยังเว่ยหงเฟย “เว่ยหงเฟย ท่านคิดจะทำอันใด” ก่อนหน้านี้ใช่ว่าเว่ยหงเฟยจะไม่เคยมา เพียงแต่องครักษ์จวนเยี่ยนอ๋องขัดขวางเขาเอาไว้ แม้แต่ประตูจวนเขายังเข้าไม่ได้ อย่าว่าแต่เจอองค์หญิงเลย องค์หญิงฉังผิงยังไม่ค่อยออกจากจวนด้วย มาหลายครั้งก็ไม่มาแล้วเมื่อทุกครั้งที่มาได้เห็นเพียงประตูจวนที่ถูกปิด

เว่ยหงเฟยเอ่ย “องค์หญิง ผ่านไปนานแล้วองค์หญิงหายโกรธบ้างหรือไม่ ข้ามารับท่านกลับจวน”

องค์หญิงฉังผิงยิ้มเย็น เอ่ยเสียงเรียบ “ข้าไม่อยากทำให้ท่านต้องเสียหน้า ท่านเองก็อย่าทำตัวให้น่าเบื่อนักเลย ท่านคิดว่า…ข้าพาจวินเอ๋อร์และอู๋สยาออกมาจากจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องแล้วยังจะกลับไปอีกหรือ ส่วนตำแหน่งผู้สืบทอดท่าน หลายปีมานี้ลำบากท่านแล้วที่ต้องคอยปกป้องจวินเอ๋อร์ ท่านเอาคืนกลับไปเถิด จวินเอ๋อร์ของข้าคงไม่มีความจำเป็นต้องใช้มัน” ระหว่างที่เอ่ย องค์หญิงฉังผิงก็กวาดตามองเว่ยจวินปั๋ว รอยยิ้มบนใบหน้าของเว่ยจวินปั๋วชะงักค้าง ใบหน้าแดงขึ้นมา

ความหมายขององค์หญิงฉังผิงนั้นเข้าใจชัดเจน เว่ยจวินมั่วไม่เคยพึ่งพาความสัมพันธ์จากจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋อง ยามนี้ก็เป็นขุนนางขั้นสองแล้ว กลับกันเขาที่เป็นบุตรชายที่เว่ยหงเฟยทะนุถนอมกลับยังแฝงตัวอยู่ในราชสำนักไปวันๆ อยู่เลย

“อู๋สยา เรากลับเข้าไปกันเถิด” ไม่สนใจคนอื่นๆ ที่ยืนอยู่กับจิ้งเจียงจวิ้นอ๋อง องค์หญิงฉังผิงจูงมือหนานกงมั่วเดินมุ่งหน้าเข้าจวน

“ฉังผิง” เห็นองค์หญิงฉังผิงเดินจากไปโดนไร้ซึ่งความอาลัยอารณ์ เว่ยหงเฟยจึงร้องเรียกขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

องค์หญิงฉังผิงหันกลับมา มองเขาด้วยสายตาเฉยชา เว่ยหงเฟยถอนหายใจออกมา “ฉังผิง กลับไปกับข้าเถิด”

รอยยิ้มขององค์หญิงฉังผิงเย็นยะเยือก “กลับไปหรือ ไยต้องกลับไปด้วยเล่า” ช่วงหลายวันมานี้มีเรื่องเกิดขึ้นมากมายรวมไปถึงการเกลี้ยกล่อมจากหนานกงมั่ว เมื่อมองเห็นเว่ยหงเฟยจึงทำให้องค์หญิงฉังผิงเข้าใจความเป็นจริงอย่างชัดแจ้ง จวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋อง ในสายตาของคนทั่วไปอาจเป็นตระกูลยิ่งใหญ่ แต่เมื่ออยู่ในสายตาของเชื้อพระวงศ์กลับเป็นตระกูลที่ไม่มีค่าพอให้เอ่ยถึง ต่อให้ความสัมพันธ์กับฮ่องเต้พระองค์ใหม่ไม่ดีนัก นางก็ยังเป็นองค์หญิงฉังผิง นางยังมีพี่ชายทั้งสองที่มีทหารอยู่ในมือคอยหนุนหลัง บุตรชายและลูกสะใภ้ล้วนฉลาดเฉลียวและเก่งกาจไม่จำเป็นให้นางต้องเป็นห่วง ไยนางจะต้องเฝ้ากอดตำแหน่งจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องเอาไว้ด้วยเล่า เมื่อก่อนนั่นเพราะนางไม่ยินยอมเพียงเท่านั้น ไม่ใช่เพราะว่าตำแหน่งจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องนั้นยิ่งใหญ่อันใด อย่างอื่นไม่ต้องเอ่ยถึง ยามนี้เว่ยหงเฟยอายุเพียงสี่สิบต้นๆ ต่อให้เขายกตำแหน่งจวิ้นอ๋องให้เว่ยจวินมั่ว นั่นก็ไม่รู้คือเมื่อไร ผู้สืบทอดจวิ้นอ๋องแห่งจิ้งเจียงกับบุตรชายขององค์หญิงฉังผิง สถานะไหนสูงส่งกว่ากันไม่บอกก็คงรู้

มองรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าขององค์หญิงฉังผิง ไม่รู้ทำไมเว่ยหงเฟยจึงรู้สึกไม่สงบอยู่ในใจ เขาไม่ได้ไม่มีความรู้สึกต่อองค์หญิง พวกเขาเคยรักกันมากถึงขั้นเป็นกิ่งทองใบหยก เพียงแต่การกำเนิดของเว่ยจวินมั่วส่งผลกระทบกับเข้าอย่างใหญ่หลวง การเป็นบุรุษมักถูกคนมองว่าอาศัยบารมีของภรรยาจนทำให้เขาได้เป็นใหญ่เป็นโตเท่านั้นก็ไม่พอใจแล้ว สถานะของเว่ยจวินมั่วยิ่งทำให้ความสัมพันธ์สามีภรรยาของพวกเขาเยือกเย็นขึ้นไปอีก เขาเคยแม้กระทั่งเสนอให้องค์หญิงฉังผิงทิ้งเว่ยจวินมั่วไป เพียงละทิ้งเว่ยจวินมั่ว เขาจะทำเหมือนไม่มีอันใดเกิดขึ้นทว่ากลับถูกองค์หญิงฉังผิงต่อว่าและไล่เขาออกมา การมีอยู่ของเว่ยจวินมั่วนั้นเป็นดุจหนามแหลมที่คอยทิ่มแทงความสัมพันธ์สามีภรรยาของพวกเขา

มองสีหน้าที่สลับสับเปลี่ยนไปมาบนใบหน้าของเว่ยหงเฟย องค์หญิงฉังผิงยิ้มเย็นอยู่ในใจ ไม่ต้องเดานางก็พอรู้ว่าเว่ยหงเฟยกำลังคิดสิ่งใดอยู่ในใจ เว่ยหงเฟยก็เป็นแบบนี้ แต่ไหนแต่ไรเอาแต่คิดว่าคนอื่นนั้นผิดต่อเขา เรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ขอเพียงเขาไตร่ตรองให้ละเอียดและหากสอบถามกับนางสักนิด บางทีนางอาจจะยอมบอกความจริงทั้งหมดแก่เขา แต่ว่า…ตอนนี้องค์หญิงฉังผิงกลับรู้สึกโชคดีที่ไม่เคยบอกความจริงกับเว่ยหงเฟย มิเช่นนั้นชีวิตน้อยๆ ของจวินเอ๋อร์คงรักษาเอาไว้ไม่ได้

นึกถึงหญิงชราในจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋อง จำความทุกข์ยากเมื่อครั้งแต่งเข้าจวนไปทั้งเปิดเผยและแบบลับๆ จากนั้นหันกลับไปมองใบหน้าลึกซึ้งของเว่ยหงเฟยที่มองมา ในใจองค์หญิงฉังผิงจึงมีเพียงความเฉยชาและไร้ความหมาย

“ฉังผิง เรื่องครั้งที่แล้วเป็นเจ๋อเอ๋อร์ที่ไม่รู้ความ เจ้าย้ายออกมานานแล้ว ยังไม่หายโกรธอีกหรือ ยามนี้จินหลิงกำลังวุ่นวาย เจ้ารีบกลับจวนเถิด ข้าจะได้ไม่ต้องคอยเป็นห่วง” เว่ยหงเฟยเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้ม ทว่าสายตาที่มองไปยังหนานกงมั่วนั้นยังคงมีความเย็นชาและรังเกียจ แน่นอนเขาไม่ได้รังเกียจหนานกงมั่ว แต่รังเกียจในฐานะภรรยาของเว่ยจวินมั่ว หนานกงมั่วยักไหล่ไม่เอ่ยสิ่งใด บิดาของสามีผู้นี้แม้แต่ความจริงใจในการเกลี้ยกล่อมก็ยังไม่มี เขาคิดว่าองค์หญิงฉังผิงเป็นหญิงสาวแรกแย้มไม่รู้ความหรืออย่างไร

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

Status: Ongoing

นิยายรักย้อนยุค ว่าด้วยการแก้แค้นของหมอหญิงมือสังหาร และแต่งงานกับบุรุษสุดประหลาด!

เมื่อมารดาสิ้นใจและตนถูกไล่ให้มาอยู่หมู่บ้านบรรพบุรุษ เพราะความลำบากและคับแค้นใจจึงทำให้ หนานกงชิง คุณหนูคนโตแห่งตระกูลหนานกงจากโลกนี้ไป

ร่างของนางกลับถูกแทนที่ด้วยวิญญาณของ หนานกงมั่ว นักฆ่าสาวมือฉกาจแห่งเอเชีย เมื่อได้รับชีวิตใหม่หนานกงมั่วก็ได้กราบอาจารย์ เรียนวิชาแพทย์ ใช้ชีวิตอิสระเสรีตามที่ตนหวัง พร้อมรับใบสั่งสังหารคนบ้างเป็นครั้งคราว… จนเมื่อราชโองการพระราชทานสมรสมาถึงชีวิตของนางก็ถึงคราวพลิกผัน!

เล่าลือกันว่าจวิ้นอ๋องว่าที่สามีของนาง เว่ยจวินมั่ว แม้จะมียศสูงศักดิ์แต่เพราะดวงตาแปลกประหลาดสีม่วงและการคลอดก่อนกำหนดทำให้ชาติกำเนิดของเขาตกเป็นขี้ปากคนไปทั่ว อาจเพราะแบบนี้การสมรสนี้จึงตกมาถึงตัวนาง แม้คนทั่วไปไม่ยินดีแต่นางดูๆ แล้วกลับคิดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท