ตอนที่ 491 พลั้งมือฆ่าคน (3)
องค์หญิงฉังผิงหน้าซีด ยกมือขึ้นลูบมือของหนานกงมั่วเบาๆ ส่ายศีรษะพลางเอ่ย “แม่ไม่เป็นไร ไม่ต้องเป็นห่วง”
“เกิดอันใดขึ้นเพคะ” หนานกงมั่วกระซิบถาม
องค์หญิงฉังผิงส่ายศีรษะ เห็นได้ชัดว่านางเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้น
ภายในตำหนักยังมีศพเปื้อนเลือดอีกหลายศพนอนอยู่ ที่สะดุดตาที่สุดคือร่างในอาภรณ์สีแดงเข้ม เมื่อมองดูใบหน้าคุ้นเคยซึ่งเปื้อนเลือดไปกว่าครึ่งหน้า หนานกงมั่วจำได้ว่าเป็นองค์ชายในคังอ๋องที่เพิ่งเจอกันครั้งหนึ่งก่อนหน้านี้ นอกจากนี้เซียวเชียนจย่งก็ยืนอยู่ด้านข้าง ในมือถือมีดที่องครักษ์ในวังหลวงใช้ ใบมีดยังเปื้อนรอยเลือด เห็นได้ชัดว่าเขาเพิ่งคว้ามันมาจากมือองครักษ์ไม่ก็เพิ่งหยิบมันขึ้นมาจากพื้นอย่างรีบร้อน เซียวเชียนชื่อและเซียวเชียนเหว่ยนั่งอยู่ด้านข้าง ใบหน้าของพวกเขาไม่สู้ดีนัก ทั้งคู่ต่างมองน้องชายด้วยความกังวล
บนบัลลังก์มังกรด้านบน เซียวเชียนเยี่ยตัวสั่นด้วยความโกรธ ฮองเฮาเองก็หน้าซีดเช่นกัน เป็นไทเฮาที่ช่วยลูบอกปลอบขวัญ นางมองฮองเฮาแล้วจึงเอ่ย “ฮองเฮากลับตำหนักไปพักผ่อนเถิด” ยามนี้ฮองเฮารู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง นางสัมผัสหน้าท้องนูนของตัวเอง ลูกคนนี้สำคัญกับนางยิ่งกว่าสิ่งใด จึงไม่สนใจจะปลอบโยนเซียวเชียนเยี่ย ฮองเฮาถวายความเคารพ “หม่อมฉันขอตัวเพคะ”
ใต้บันไดตำหนัก เซียวฉุนนั่งบนเก้าอี้อย่างมั่นคง มองดูคนทั้งสามแห่งตระกูลสูงศักดิ์ที่สุดในอาณาจักรเซี่ย ริมฝีปากปรากฏรอยยิ้มคลุมเครือ
เซียวเชียนจย่งยังคงเหม่อลอย ใบหน้าไร้เดียงสาของเขายังมีอาการงุนงงสับสน เขาเองก็มิรู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร นักร้องและนักดนตรีที่แสดงในตำหนักอยู่ๆ ก็กลายเป็นฆาตกร ในความสับสนวุ่นวาย เขาหยิบมีดเล่มหนึ่งที่องครักษ์ทำหล่นไว้ขึ้นมา จากนั้น…จากนั้นคุณชายหกในเสด็จลุงคังอ๋องก็ตายด้วยมีดของเขา
“เชียนจย่ง” หนานกงมั่วเดินไปหาเซียวเชียนจย่งแล้วตบบ่าของเขา ในเวลาเดียวกันก็เอื้อมมือไปหยิบมีดจากมือของเขามา
“พี่สะใภ้…” เซียวเชียนจย่งมองหนานกงมั่วอย่างงุนงง
“ไม่ต้องกลัว” หนานกงมั่วปลอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เซียวเชียนจย่งเอ่ยว่า “ข้า…ข้ามิได้ฆ่าเขา ข้าเองก็มิรู้ว่าไยจึง…”
“บังอาจนัก! บังอาจจริงๆ!” เซียวเชียนจย่งยังไม่ทันพูดจบ เซียวเชียนเยี่ยซึ่งนั่งอยู่บนบัลลังก์ก็คำรามออกมาด้วยความพิโรธ หลังจากอดทนอยู่ครู่หนึ่ง เซียวเชียนเยี่ยก็ทนไม่ได้ที่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นในวันขึ้นครองราชย์ของเขา
“ฝ่าบาทใจเย็นก่อนพ่ะย่ะค่ะ!” ทุกคนต่างรีบคุกเข่าลง
เซียวเชียนเยี่ยยิ้มหยัน เหลือบมองเซียวฉุนซึ่งยังมีสีหน้าเรียบเฉยอยู่ “ใจเย็นหรือ เราจะใจเย็นได้เยี่ยงไร”
เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นในวันขึ้นครองราชย์ คนปกติก็ยากจะใจเย็นอยู่ได้ จะว่าไปแล้วเซียวเชียนเยี่ยถือได้ว่าเป็นฮ่องเต้ที่มีอุปสรรคในการขึ้นครองราชย์มาที่สุดแล้ว ไม่มีใครเคยเป็นมาก่อน
“มือสังหารพวกนี้คืออันใดกัน แล้วก็…แล้วก็เชียนจย่ง เจ้าทำอันใดอยู่” เซียวเชียนเยี่ยตวาดเสียงดัง
แท้จริงแล้วสถานการณ์เมื่อครู่นี้โกลาหลมาก ถึงแม้ว่ามือสังหารจะถูกองครักษ์กำจัดทิ้งอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังมีผู้มีอำนาจหลายคนได้รับบาดเจ็บ แทบไม่มีใครทันสังเกตว่าเกิดอันใดขึ้นกันแน่ สิ่งที่ทุกคนเห็นก็คือคุณชายในคังอ๋องตายด้วยคมมีดของคุณชายสามในเยี่ยนอ๋องเพียงเท่านั้น
เรื่องราววุ่นวายเป็นแน่แล้ว ไม่ว่าอย่างไรการที่คุณชายในคังอ๋องตายด้วยคมมีดของเซียวเชียนจย่งนั้นก็เป็นเรื่องจริง หากคังอ๋องเอาเรื่องขึ้นมา ไม่เพียงแต่เซียวเชียนเชียนเยี่ยฮ่องเต้พระองค์ใหม่ผู้นี้ที่ไม่สามารถชดใช้ให้คังอ๋องได้ ทว่าระหว่างคังอ๋องกับเยี่ยนอ๋องเองก็จะเกิดปัญหาขึ้นด้วย เซียวเชียนเยี่ยรู้สึกเจ็บหน้าผากเหมือนหัวแทบจะระเบิดออกมา เขาขมวดคิ้วแล้วเอ่ยเสียงเข้ม “สอบสวนเรื่องคืนนี้ให้กระจ่างโดยเร็ว แล้วก็…กักตัวคุณชายสามในเยี่ยนอ๋องไว้ชั่วคราวก่อน!”
“เดี๋ยวก่อน” เซียวเชียนชื่อยืนขึ้น ยกมือคำนับไปทางเซียวเชียนเยี่ย “ฝ่าบาท เรื่องของน้องกระหม่อมยังตรวจสอบไม่กระจ่าง ขอฝ่าบาทโปรดไตร่ตรอง” เสียงของเซียวเชียนชื่อยังไม่ทันเอ่ยจบ ผู้สืบทอดคังอ๋องที่อยู่ด้านข้างก็ไม่ยอมฟังต่อ ลุกขึ้นยืนทันทีแล้วจึงเอ่ย “สิ่งใดเรียกว่าไม่กระจ่าง เจ้าหกตายด้วยน้ำมือเซียวเชียนจย่งเป็นความจริงที่ทุกคนเห็น
“ผู้สืบทอดคังอ๋องระวังคำพูดด้วย” หนานกงมั่วเอ่ยเบาๆ “ทุกคนที่นี่…ผู้ใดบ้างที่เห็นด้วยตาตนเองว่าคุณชายสามในเยี่ยนอ๋องฆ่าคุณชายหกในคังอ๋อง”
ผู้สืบทอดคังอ๋องยิ้มหยัน ชี้ไปที่มีดในมือของหนานกงมั่ว “ซิงเฉิงจวิ้นจู่พูดเช่นนี้ขณะที่กำลังถือมีดที่เปื้อนเลือดเจ้าหกน้องข้า ไม่รู้สึกผิดบ้างเลยหรือ” แท้จริงแล้วผู้สืบทอดคังอ๋องก็รู้สึกกลัดกลุ้มมากเช่นกัน อุตส่าห์พาพี่น้องมาที่จินหลิงทั้งที ถึงตอนกลับกลับตายไปหนึ่งคนเสียได้ คนที่ไม่รู้คงคิดว่าเขากำจัดศัตรูและต้องการฆ่าพี่น้องของตัวเอง ไม่แน่ว่าแม้แต่เสด็จพ่อของเขาก็อาจคิดเช่นนั้น หากเป็นเขาทำจริงๆ เขาคงทนได้ ทว่านี่มันชัดเจนว่าเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเลย
หนานกงมั่วเอ่ย “เชียนจย่งและคุณชายหกในคังอ๋องไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ไม่มีความโกรธแค้นต่อกัน เหตุใดจึงต้องฆ่าเขาด้วย อีกทั้งยังเต็มไปด้วยขุนนางทั้งราชสำนัก เขาใจร้อนถึงเพียงนั้นเชียวหรือ”
“เขาใจร้อนหรือไม่ ผู้ใดจะไปรู้ได้ ในเมืองจินหลิงแห่งนี้ใครไม่รู้บ้างว่าเหล่าผู้สืบทอดชินอ๋องทำตัวกำเริบเสิบสานมาโดยตลอด” จู่ๆ ก็มีเสียงแปลกประหลาดดังขึ้นในตำหนัก หนานกงมั่วหันศีรษะไปด้านข้าง เห็นหร่วนอวี้จือซึ่งนั่งตรงกลางกลุ่มขุนนางขั้นสี่กำลังจ้องมองพวกนางด้วยสายตามุ่งร้าย หนานกงมั่วยกมุมปากยิ้มเยือกเย็น ช่างรนหาที่ตายจริงๆ!
ครั้งนี้หร่วนอวี้จือไม่ได้โจมตีเพียงเซียวเชียนจย่งคนเดียวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเหล่าคุณชายและผู้สืบทอดผู้ปกครองเมืองที่เดินทางมายังจินหลิงด้วย ยิ่งกว่านั้น เมื่อเปรียบเทียบกับคนที่เย่อหยิ่งพวกนั้นแล้ว คุณชายจวนเยี่ยนอ๋องทั้งสามนี้นับว่ายังควบคุมอารมณ์ได้ดีกว่า ทันใดนั้นมีคนลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “ไต้เท้าผู้นี้หมายความเยี่ยงไร อย่างไรถึงบอกว่าพวกเรากำเริบเสิบสาน ไต้เท้าผู้นี้เป็นขุนนางที่ปรึกษาอย่างนั้นหรือ”
หร่วนอวี้จือไม่กลัวและเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ “ข้าคือเส่าชิงแห่งศาลต้าหลี่ หร่วนอวี้จือ”
ไม่คิดเลยว่าหวงซุนผู้นั้นกลับไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย ไม่หนำซ้ำยังเลิกคิ้วแล้วยิ้มพลางเอ่ย “อ้อ ที่แท้ก็ไต้เท้าหร่วนผู้เกาะแม้กระทั่งหญิงในหอนางโลมนี่เอง เกาะเก่งจริงๆ เสียด้วย ฝ่าบาท แม้ว่าพระองค์จะชอบคนมีความสามารถ แต่จะไม่เลือกเลยเช่นนี้มิได้นะพ่ะย่ะค่ะ” หวงซุนผู้นี้เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนไม่รู้ประสา แต่ในคำพูดของเขาไม่ได้รวมตระกูลฉินเข้าไปด้วยแม้แต่น้อย
ทันใดนั้นบรรดาคุณชายในอ๋องก็ส่งเสียงหัวเราะขึ้นมา แม้แต่ขุนนางผู้มีอำนาจหลายคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็อดก้มหน้าหัวเราะออกมาไม่ได้
“เจ้า…เจ้า…” หร่วนอวี้จือโกรธจนหน้าซีด หวงซุนผู้นั้นไม่ไว้หน้าเลยแม้แต่น้อย ยิ้มหยันพลางเอ่ย “เจ้าว่าอันใดนะ เจ้าเป็นใครถึงได้กล้าโอ้อวดอำนาจต่อหน้าข้า อีกทั้งว่าร้ายคนในราชวงศ์ กล้าดียิ่งนัก”
“พอแล้ว!” เมื่อเห็นว่าเรื่องราวชักจะไปกันใหญ่แล้ว เซียวเชียนเยี่ยก็ตบที่เท้าแขนของบัลลังก์มังกรอย่างพิโรธ เอ่ยอย่างเคร่งขรึม “ทะเลาะอันใดกัน เห็นหัวเราบ้างหรือไม่” หวงซุนเบะปาก หันไปคำนับเซียวเชียนเยี่ยอย่างขอไปที แล้วนั่งลงตามเดิม
“ผู้สำเร็จราชการ ท่านคิดว่าเรื่องนี้ควรจัดการเยี่ยงไร” เซียวเชียนเยี่ยมองเซียวฉุนแล้วเอ่ยถามเสียงเข้ม
เซียวฉุนลูบเคราของเขาเบาๆ เอ่ยตอบด้วยรอยยิ้ม “ทุกอย่างขึ้นอยู่กับฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ” เซียวเชียนเยี่ยสาปแช่งจิ้งจอกเฒ่าในใจ มองเซียวเชียนจย่งแล้วถามว่า “เชียนจย่ง เกิดอันใดขึ้นกันแน่” หากพูดจากใจ เซียวเชียนเยี่ยเองก็ไม่ได้หวังให้เซียวเชียนจย่งฆ่าคุณชายในคังอ๋องจริงๆ ยามนี้ไม่ว่าคังอ๋องหรือเยี่ยนอ๋องเขาก็ไม่ต้องการทำให้ผู้ใดขุ่นเคืองใจทั้งนั้น