หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1 – ตอนที่ 472 การเจรจาต่อรอง ตาต่อตา ฟันต่อฟัน

ตอนที่ 472 การเจรจาต่อรอง ตาต่อตา ฟันต่อฟัน

ตอนที่ 472 การเจรจาต่อรอง ตาต่อตา ฟันต่อฟัน
“ซีเอ๋อร์” หนานกงมั่วมองไปยังฉินซี ใบหน้าที่เคยซูบผอมซีดเซียวยามนี้ยังคงซูบผอม ทว่าสีหน้ากลับมีสีชมพูระเรื่อขึ้นมาบ้าง ไม่ได้ซีดขาวเหมือนที่เคยเป็นมา หนานกงมั่วยื่นมือไปกดดูชีพจรที่ข้อมือของนาง พยักหน้าอย่างพึงพอใจ “ไม่เลว ดูเหมือนช่วงนี้จะดูแลตัวเองเป็นอย่างดี” ฉินซียิ้มร่า เอ่ย “แน่นอน ข้าเองก็รู้สึกว่าตัวเองดีขึ้นมากแล้ว แต่ว่าท่านพ่อ ท่านแม่ และพี่ชายไม่ยอมให้ข้าออกไป”

ฉินจื่อซวี่เอ่ยอย่างจนปัญญา “ร่างกายของเจ้ายังไม่ดี ตอนนี้อากาศเริ่มหนาว จะออกไปข้างนอกได้เยี่ยงไร”

ฉินซีมองเขาตาใส เอ่ยเสียงเบา “ข้าไม่เคยออกไปข้างนอก” มองหนานกงมั่วที่ยืนอยู่ด้านข้าง ฉินซีกะพริบตาปริบ มั่วเอ๋อร์ออกไปข้างนอกได้ตามใจชอบ อิจฉาเหลือเกิน

“ผู้นี้” ฉินซีมองเห็นจิ้นจั๋วที่ยืนอยู่ด้านข้าง ขยับไปอยู่ด้านข้างฉินจื่อซวี่ เอ่ยถามด้วยความสงสัย

ฉินจื่อซวี่เอ่ย “ผู้นี้คือเพื่อนของซิงเฉิงจวิ้นจู่ ท่านจิ้น”

ฉินซีย่อตัวลงเล็กน้อย เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คารวะท่านจิ้น”

ใบหน้าเรียบนิ่งของจิ้นจั๋วพยักหน้าตอบรับ ฉินซีเองก็รับมือคนที่ไม่ไว้หน้าใครเช่นนี้ไม่เก่งนัก ทำได้เพียงจับจูงมือหนานกงมั่ว เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “มั่วเอ๋อร์ เราเข้าไปคุยกันข้างใน”

หนานกงมั่วพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ยอมให้ฉินซีจูงมือเข้าไปในซีอวี้เซวียน หันมายิ้มให้ฉินจื่อซวี่ เอ่ย “คุณชายใหญ่ เดี๋ยวข้ากลับมาเยี่ยมเยียน” ฉินจื่อซวี่เองเข้าใจว่าหนานกงมั่วมีธุระกับเขา พยักหน้าหันมาเอ่ยกับจิ้นจั๋ว “พี่จิ้นมิสู้ไปเดินเล่นกับข้าดีหรือไม่”

ทั้งสองเดินเข้าไปนั่งในซีอวี้เซวียน ฉินซีเอ่ยด้วยความตื่นเต้นดีใจ “มั่วเอ๋อร์ ในที่สุดเจ้าก็มาหาข้าแล้ว”

หนานกงมั่วพยักหน้าพลางจิ้มหัวคิ้วนางด้วยรอยยิ้ม เอ่ย “คิดถึงข้าเพียงนี้เลยหรือ” ฉินซีถอนหายใจ “นอกจากเจ้า ก็ไม่มีใครมาเยี่ยมข้าหรอก อีกทั้ง…ข้าคิดว่าคุยกับเจ้าคงสนุกกว่าคนอื่นๆ” หนานกงมั่วเองก็ถอนหายใจตามไปด้วย “ข้าไปหลิงโจวพึ่งกลับมา ตอนนี้ข้ากลับอิจฉาเจ้ามากกว่า”

ฉินซีพยักหน้า แม้นางไม่ได้ออกไปที่ไหนแต่ใช่ว่านางจะไม่รู้อันใด เอ่ยถามอย่างสนอกสนใจ “ได้ยินว่า…เจ้าไม่ได้บาดเจ็บใช่หรือไม่”

หนานกงมั่วส่ายหน้า ฉินซีถอนหายใจมองหนานกงมั่ว “ยามนี้เมืองจินหลิงมีกระแสคลื่นโหมซัดสาด มั่วเอ๋อร์เจ้าต้องระวังตัวนะ”

“ซีเอ๋อร์ได้ยินสิ่งใดมาหรือ”

ฉินซีส่ายหน้า เอ่ย “อย่างอื่นไม่มี เพียงแต่…หลายวันก่อนซั่นจยาเซี่ยนจู่มาที่จวนหลายต่อหลายครั้ง อีกทั้ง…ยังมีหร่วนอวี้จือ”

“หร่วนอวี้จือหรือ” หนานกงมั่วชะงัก ชื่อนี้ทั้งคุ้นทั้งแปลกหู ใช้เวลาสักพักกว่าจะนึกขึ้นมาได้ ขมวดคิ้วพลางเอ่ย “เขามาทำอันใด” จูชูอวี้มายังบอกได้ว่านางมาจัดการบางอย่างให้แก่เซียวฉุนหรือเซียวเชียนเยี่ย แต่หร่วนอวี้จือมา หนานกงมั่วไม่เชื่อว่าเขาจะมาเพราะเรื่องงาน

ฉินซียิ้มบาง เอ่ย “ไม่ใช่เพราะเรื่องพวกนั้นหรอก เจ้าไม่ต้องกังวล ต่อให้จวนเกาอี้ปั๋วจะรุ่งเรืองดุจดวงอาทิตย์บนท้องฟ้า ตระกูลฉินพวกเราก็ไม่มีวันกลัวพวกเขาหรอก” ตระกูลจูมีเพียงจูชูอวี้ จูชูอวี้ต่อให้เก่งเพียงใดอย่างไรก็เป็นสตรีไม่อาจเข้าร่วมราชสำนัก ต่อให้นางถูกเซียวเชียนเยี่ยและเซียวฉุนให้ความสำคัญเพียงใด ตระกูลจูก็ยังไม่อาจยั่วยุตระกูลใหญ่อย่างตระกูลฉินได้ ฉินซีเป็นบุตรีเชื้อสายหลักที่เป็นที่รักที่สุดของตระกูลฉิน หร่วนอวี้จือคิดจะทำอันใดก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเป็นแน่

หนานกงมั่วเอ่ยเสียงเรียบ “หากต้องการความช่วยเหลือให้รีบบอก” พอดีมีคนไม่ถูกชะตากับหร่วนอวี้จืออยู่ไม่น้อย หนานกงมั่วเองก็ไม่รังเกียจหากได้เหยียบเขาอีกครั้ง อย่างไรก็ตามเรื่องที่เกิดขึ้นกับหร่วนอวี้จือก่อนหน้านี้นั้นนับว่าเลวร้ายแล้ว เลวร้ายมากขึ้นอีกสักนิดคงไม่เป็นไร

“อืม ขอบคุณเจ้านะ”ฉินซียิ้มบางตอบรับ

“ขอบคุณอันใด เรื่องเล็กน้อย” หนานกงมั่วเอ่ย

ทั้งสองพูดคุยกันอยู่ชั่วครู่ จนกระทั่งพ่อบ้านตระกูลฉินมาเชิญหนานกงมั่ว บอกว่านายท่านตระกูลฉินเรียนเชิญ หนานกงมั่วแปลกใจเล็กน้อย นางรู้จักกับฉินจื่อซวี่และฉินซีมาระยะหนึ่งแล้ว กระทั่งสั่งยาให้ฉินซีรักษาอาการป่วย นายท่านตระกูลฉินไม่เคยมาเจอนางด้วยตนเองสักครั้ง ความทรงจำเกี่ยวกับนายท่านฉินมีเพียงเห็นไกลๆ ตามงานเลี้ยงในวังเท่านั้น รู้สึกเพียงว่าเขาเป็นชายวัยกลางคนที่มีความสง่างามเหมือนกับฉินจื่อซวี่ ส่วนความน่าเกรงขามไม่ใช่ฉินจื่อซวี่ที่อายุเพียงเท่านี้จะเทียบได้ จากข่าวคราวที่เคยได้ยินมาบ้าง นายท่านตระกูลฉินผู้มิได้มีชื่อเสียงและอำนาจยิ่งใหญ่มากนักในจินหลิงเป็นคนฉลาดมากคนหนึ่ง อย่างน้อยเขาก็เหมาะสมที่จะเป็นหัวหน้าตระกูลฉิน

ฉินซีเองก็แปลกใจกับเรื่องนี้ หันไปยิ้มให้กับหนานกงมั่วพร้อมเอ่ย “เกรงว่าท่านพ่อคงมีเรื่องสำคัญอยากคุยกับเจ้า ข้าคงไม่ไปเกะกะหรอก”

หนานกงมั่วเองไม่ใส่ใจ พยักหน้าแล้วจึงเอ่ย “เดี๋ยวข้าจะมาคุยกับเจ้าใหม่” เดิมทีนางอยากคุยกับฉินจื่อซวี่ ไม่คิดว่านายท่านตระกูลฉินจะออกหน้าด้วยตนเองช่างทำให้คนประหลาดใจ แบบนี้แน่นอนว่ายิ่งดี อย่างไรเสียแม้ฉินจื่อซวี่จะเป็นผู้สืบทอดคนต่อไปของตระกูลฉิน แต่ยามนี้ยังไม่อาจตัดสินใจทุกอย่างได้ หลายเรื่องยังต้องรอให้นายท่านตระกูลฉินอนุญาต

เดินตามพ่อบ้านตระกูลฉินมาถึงหน้าห้องหนังสือของนายท่านฉิน พ่อบ้านเบี่ยงตัวออกไปด้านข้าง ค้อมตัวเอ่ย “จวิ้นจู่ เชิญด้านใน”หนานกงมั่วพยักหน้า “ขอบคุณ”

เดินเข้ามาด้านใน เห็นว่านายท่านตระกูลฉินนั่งรออยู่ก่อนแล้ว ถัดลงมายังมีฉินจื่อซวี่นั่งอยู่ด้วย ทว่าไม่เห็นเงาของจิ้นจั๋ว หนานกงมั่วเลิกคิ้ว ยังไม่ทันเอ่ยอันใดฉินจื่อซวี่ก็ลุกขึ้น เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “จวิ้นจู่ พี่จิ้นไม่ชอบบรรยากาศในห้องหนังสือจึงออกไปสวนตะวันตกฝึกวรยุทธ์แล้ว” หนานกงมั่วเอ่ยอย่างแปลกใจ “โอ้ ตระกูลฉินมีที่ฝึกวรยุทธ์ด้วยหรือ”

ฉินจื่อซวี่ยิ้มเอ่ย “แม้ตระกูลฉินจะเป็นตระกูลวิชาการ แต่ลูกหลานที่เรียนวรยุทธ์ก็มีไม่น้อย”

“ซิงเฉิงจวิ้นจู่ ก่อนหน้านี้มาเยี่ยมเยียน ข้ามีกิจธุระจึงไม่ได้พบกับจวิ้นจู่ ขอจวิ้นจู่ให้อภัย” นายท่านตระกูลฉินลุกขึ้นเอ่ย หนานกงมั่วย่อตัวเล็กน้อย ยิ้มบางแล้วเอ่ยว่า “นายท่านฉินกล่าวหนักแล้ว เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ของวัยหนุ่มสาว จะกล้ารบกวนนายท่านฉินได้อย่างไร” นายท่านฉินโบกมือ เอ่ย “หากไม่ใช่ว่ามีจวิ้นจู่ช่วยเหลือ บุตรีของข้าคงไม่อยู่สบายมาจนถึงทุกวันนี้ ข้ารู้สึกซึ้งใจยิ่งนัก” หนานกงมั่วยิ้ม “เรื่องเล็กน้อย นายท่านฉินอย่าเก็บมาใส่ใจ”

ทั้งสองพูดคุยกันไม่กี่ประโยค ทว่ากลับเข้าใจความคิดของอีกฝ่าย นายท่านตระกูลฉินกำลังบอกหนานกงมั่ว ตระกูลฉินไม่ถือสาที่หนานกงมั่วเปิดโปงหร่วนอวี้จือ แม้สิ่งที่หนานกงมั่วทำจะเป็นผลประโยชน์ของตระกูลฉิน แต่ก็ทำลายชื่อเสียงของตระกูลฉิน หากหนานกงมั่วไม่รีบร้อนจัดการหร่วนอวี้จือ ตระกูลฉินย่อมมีวิธีจัดการหร่วนอวี้จืออย่างลับๆ ได้

เช่นเดียวกัน หนานกงมั่วก็กำลังบอกตระกูลฉิน นางไม่คิดจะเอาเรื่องที่ผ่านมามาแลกเอาความดีความชอบหรือน้ำใจจากตระกูลฉิน

ดวงตาของนายท่านตระกูลฉินเผยความชื่นชมออกมา เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เชิญจวิ้นจู่นั่งลงคุยกันก่อน”

ไม่นานก็มีคนยกน้ำชาเข้ามาและถอยออกไปเงียบๆ ในห้องหนังสือมีเพียงตระกูลฉินสองคนและหนานกงมั่วอีกหนึ่ง หนานกงมั่วนั่งดื่มชาด้วยท่าทางนิ่งสงบอยู่ในตำแหน่งของแขกผู้มาเยือน เผชิญหน้ากับนายท่านฉินและคุณชายฉินที่น่าเกรงขามก็ยังไม่แสดงท่าทีอ่อนแอใดๆ ออกมา นายท่านฉินมองบุตรชายของตน จากนั้นมองไปยังหนานกงมั่วที่อยู่ด้านข้าง ลอบถอนหายใจอยู่ในใจ บุตรชายของตนนั้นเมื่ออยู่ในรุ่นราวคราวเดียวกันนับว่ายอดเยี่ยม แต่เมื่อเทียบกับซิงเฉิงจวิ้นจู่สตรีผู้นี้แล้วกลับยังห่างไกลอย่างไม่อาจเลี่ยงได้

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

Status: Ongoing

นิยายรักย้อนยุค ว่าด้วยการแก้แค้นของหมอหญิงมือสังหาร และแต่งงานกับบุรุษสุดประหลาด!

เมื่อมารดาสิ้นใจและตนถูกไล่ให้มาอยู่หมู่บ้านบรรพบุรุษ เพราะความลำบากและคับแค้นใจจึงทำให้ หนานกงชิง คุณหนูคนโตแห่งตระกูลหนานกงจากโลกนี้ไป

ร่างของนางกลับถูกแทนที่ด้วยวิญญาณของ หนานกงมั่ว นักฆ่าสาวมือฉกาจแห่งเอเชีย เมื่อได้รับชีวิตใหม่หนานกงมั่วก็ได้กราบอาจารย์ เรียนวิชาแพทย์ ใช้ชีวิตอิสระเสรีตามที่ตนหวัง พร้อมรับใบสั่งสังหารคนบ้างเป็นครั้งคราว… จนเมื่อราชโองการพระราชทานสมรสมาถึงชีวิตของนางก็ถึงคราวพลิกผัน!

เล่าลือกันว่าจวิ้นอ๋องว่าที่สามีของนาง เว่ยจวินมั่ว แม้จะมียศสูงศักดิ์แต่เพราะดวงตาแปลกประหลาดสีม่วงและการคลอดก่อนกำหนดทำให้ชาติกำเนิดของเขาตกเป็นขี้ปากคนไปทั่ว อาจเพราะแบบนี้การสมรสนี้จึงตกมาถึงตัวนาง แม้คนทั่วไปไม่ยินดีแต่นางดูๆ แล้วกลับคิดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท