หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1 – ตอนที่ 492 จวินมั่วกลับเมืองหลวง (1)

ตอนที่ 492 จวินมั่วกลับเมืองหลวง (1)

ตอนที่ 492 จวินมั่วกลับเมืองหลวง (1)
เซียวเชียนจย่งกัดฟันเอ่ยว่า “กระหม่อมมิได้ฆ่าเขา เขาเข้ามาชนกระหม่อมเองพ่ะย่ะค่ะ”

ผ่านไปชั่วครู่ พี่ชายและหนานกงมั่วก็มายืนอยู่ข้างเขา เซียวเชียนจย่งจึงตั้งสติได้และกล่าวอย่างหนักแน่นทันที

เซียวเชียนเยี่ยเลิกคิ้ว “อ้อ แล้วมันเกิดอันใดขึ้น”

เซียวเชียนจย่งก้มหน้าลง พยายามนึกแล้วจึงเอ่ยว่า “กระหม่อมต่อสู้กับมือสังหารผู้หนึ่งจริงๆ แต่ไม่รู้ทำไมอยู่ดีๆ มือสังหารผู้นั้นก็ล้มลงเองโดยไร้เหตุผล จากนั้นพี่ชายก็เข้ามาชน มีดในมือกระหม่อมก็…ยั้งไว้ไม่ทัน…จริงสิ มีคนชนกระหม่อมจากด้านหลังด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”

สีหน้าของทุกคนในตำหนักเปลี่ยนไป หากเป็นเพราะเซียวเชียนจย่งมีเรื่องแค้นเคืองจนลงมือฆ่าคนจริงๆ หรือแม้แต่เป็นเพียงแค่อุบัติเหตุก็ยังพอว่า ทว่าหากมีคนลอบวางแผนเรื่องนี้ก็หมายความได้อย่างเดียวว่าเรื่องนี้ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดเสียแล้ว คุณชายหกในคังอ๋องเป็นเพียงหวงซุนที่ร่าเริงขี้เล่นคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ในยามนี้ เป้าหมายของผู้ที่ต้องการฆ่าเขาย่อมไม่ได้อยู่ที่ตัวเขาเพียงคนเดียวเป็นแน่

เห็นได้ชัดว่าเซียวเชียนเยี่ยก็ครุ่นคิดถึงเรื่องนี้เช่นกัน คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ย “ในเมื่อเชียนจย่งยืนยันว่าตนบริสุทธิ์ ย่อมไม่กลัวที่จะถูกสอบสวน ซิงเฉิงจวิ้นจู่ เสด็จอา ให้เชียนจย่งอยู่ในตำหนักนี้ก่อนชั่วคราว รอจนกว่าการสอบสวนจะกระจ่างชัด แล้วเราจะปล่อยเขาออกไปเอง”

หนานกงมั่วเอ่ย “หากฝ่าบาทยังเชื่อว่าเชียนจย่งบริสุทธิ์ ไยจึงไม่ให้พวกหม่อมฉันพาเขากลับไปก่อนเพคะ หรือมีใครกังวลอีกว่าเขาจะหนีไปเพราะกลัวความผิด”

เซียวเชียนเยี่ยถูกแย้งจนอึกอัก เราพูดเมื่อใดว่าเราเชื่อว่าเขาบริสุทธิ์

“ผู้สืบทอดคังอ๋อง ท่านคิดเยี่ยงไร” หนานกงมั่วหันไปมองผู้สืบทอดคังอ๋อง

ผู้สืบทอดคังอ๋องหันกลับมา ก้มหน้านิ่งคิดครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าในที่สุด ในเมื่อพี่น้องของผู้ตายยินยอมแล้ว เซียวเชียนเยี่ยจึงมิได้คัดค้าน หากเทียบกับคังอ๋องแล้ว เขาไม่ต้องการทำให้เยี่ยนอ๋องขุ่นเคืองใจยิ่งกว่า

งานเลี้ยงที่เดิมทีควรเป็นงานรื่นเริงคึกคักกลับจบลงอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เซียวเชียนจย่งเดินตามหนานกงมั่วด้วยอาการมึนงงสับสน แต่สีหน้าของเด็กหนุ่มก็ยังเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง เขารู้ดีว่าถ้ามิใช่เพราะคำพูดในคืนนี้ของหนานกงมั่ว เขาคงถูกกักตัวไว้ในตำหนักหรือถึงขั้นถูกขังในคุกไปแล้ว

“พี่สะใภ้…” ขณะอยู่ในรถม้า เซียวเชียนจย่งมองไปยังหนานกงมั่วอย่างกระวนกระวาย

หนานกงมั่วยกมือขึ้นลูบหัวเขาแล้วเอ่ย “อย่าเพิ่งใส่อารมณ์ อธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นให้ชัดเจน พยายามไม่ให้ตกหล่นอันใดไป”

“…” สีหน้าของคุณชายเซียวสามนิ่งงัน เจ้านั่นแหละที่ใส่อารมณ์ พวกท่านทุกคนใส่อารมณ์กันหมด

แม้ว่าเขาจะบ่นในใจ แต่เซียวเชียนจย่งก็เล่าเรื่องราวอย่างตรงไปตรงมาอีกรอบ

ที่จริงเขาก็เล่าคล้ายกับที่กล่าวในตำหนักก่อนหน้านี้ ยามนั้นในตำหนักเกิดเหตุโกลาหล เหมือนว่ามือสังหารจะทำร้ายผู้คนไปทั่วโดยไร้เป้าหมาย เซียวเชียนจย่งสามพี่น้องกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ ในหมู่พวกเขานั้น เซียวเชียนชื่อไร้ซึ่งวรยุทธ์ ส่วนเซียวเชียนเหว่ยก็ฝีมือธรรมดาเท่านั้น ทว่าเซียวเชียนจย่งซึ่งมีอายุน้อยที่สุดกลับมีวรยุทธ์สูงสุด ทันทีที่มือสังหารเข้ามา เขาก็คว้ามีดที่พื้นและต่อสู้กับมือสังหาร บรรดาหวงซุนที่มีวรยุทธ์ต่างก็ลงมือเช่นกัน ทว่าก็ย่อมไม่มีใครรู้ว่าไยคุณชายหกในคังอ๋องซึ่งไม่เก่งด้านวรยุทธ์ถึงได้เข้ามาอยู่ในกลุ่มคนอันวุ่นวายนั่นได้ นี่เป็นครั้งแรกที่เซียวเชียนจย่งได้ประลองฝีมือกับนักฆ่า เขาจึงลุกลี้ลุกลนทำอันใดไม่ถูก พอคิดจะจัดการมันด้วยมีดเพียงครั้งเดียว ทว่ามือสังหารกลับล้มลงไปเอง เซียวเชียนจย่งยังไม่ทันจะเก็บมีด คุณชายหกในคังอ๋องก็พรวดเข้ามาอยู่ใต้คมมีดของเขาแล้ว ไร้ซึ่งการตอบสนองใดๆ เขาทำได้เพียงเบิกตาโพลงมองมีดที่แทงเข้าสู่หัวใจของอีกฝ่ายด้วยความตกตะลึง

หนานกงมั่วเลิกคิ้วแล้วเอ่ยถาม “ที่เจ้าบอกว่ามีคนมาชนแขนเจ้า เป็นเรื่องจริงหรือไม่”

เซียวเชียนจย่งกะพริบตา มองหน้านางอย่างไร้เดียงสา

หนานกงมั่วไม่ได้คาดคั้นอันใดอีก เพียงแต่รอคอยอย่างใจเย็น หลังจากนั้นไม่นานเซียวเชียนจย่งก็ยอมก้มศีรษะลงแล้วเอ่ยว่า “ก็ได้ ที่จริง…ไม่ได้มีคนมาชนข้าหรอก แต่…ตอนนั้นข้ารู้สึกเจ็บข้อศอก เดิมที ข้า…น่าจะพอยั้งมือไว้ได้” แม้ว่าจะไม่สามารถยั้งมือได้ทันท่วงที อย่างน้อยก็คงไม่ทำให้ถึงตาย แต่ด้วยความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในตอนนั้น เขาจึงไม่สามารถควบคุมได้ ทำได้เพียงเห็นคนตายไปด้วยมีดของเขาต่อหน้าต่อตา ทว่าหลังจากนั้นกลับไม่มีอันใดผิดปกติ บนข้อศอกไม่มีแม้แต่ร่องรอยใดเลย หากพูดออกไปใครจะเชื่อ ไม่แน่พวกเขาอาจคิดว่าตนกำลังหาข้ออ้างให้ตัวเองเสียมากกว่า

“ใช่อย่างนี้หรือไม่” หนานกงมั่วยกมือขึ้น ดีดนิ้วไปยังข้อศอกซ้ายของเซียวเชียนจย่ง เซียวเชียนจย่งกุมข้อศอกทันที พลางมองไปยังหนานกงมั่วด้วยความตกใจแล้วเอ่ยว่า “เป็นอย่างนี้เลย…แต่ว่า ตอนนั้นข้าน่าจะเจ็บมากกว่านี้ มันเจ็บปวดมาก ข้าไม่สามารถควบคุมได้เลย หากเจ็บเพียงเท่านี้ข้ายังพอทนไหว แต่ความรู้สึกนี้ไม่ผิดแน่”

เซียวเชียนเหว่ยที่คอยฟังอยู่ด้านข้างอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “พี่สะใภ้ นี่คือ…กำลังภายในหรือ”

หนานกงมั่วพยักหน้าเล็กน้อยแล้วจึงเอ่ย “ในวังหลวงมีคนเก่งกาจอยู่มากมาย หากฟังจากที่เจ้าพูด…กำลังภายในของคนผู้นั้นน่าจะเหนือกว่าข้า อย่างน้อยๆ คงไม่ด้อยกว่าข้าเป็นแน่”

“ใครกันแน่ที่ใส่ร้ายเจ้าสาม” เซียวเชียนชื่อกล่าวเสียงเข้ม

หนานกงมั่วไตร่ตรอง เอ่ยว่า “หากเป็นเช่นนั้นพวกเราต้องมาดูกันว่าใครได้ประโยชน์จากเรื่องนี้มากที่สุด”

“เซียวเชียนเยี่ยหรือ” เซียวเชียนจย่งโพล่งออกมา

หนานกงมั่วส่ายหัว “ไม่มีทาง หากทำให้เยี่ยนอ๋องและคังอ๋องเคืองใจในยามนี้ย่อมไม่มีประโยชน์อันใด”

เซียวเชียนจย่งกล่าวต่อ “แต่หากทำให้เสด็จพ่อกับเสด็จลุงคังอ๋องไม่ลงรอยกัน ก็เกิดประโยชน์แล้วมิใช่หรือ” แม้ว่าบุคลิกของเขาออกจะหุนหันพลันแล่นไปบ้าง ทว่าเซียวเชียนจย่งก็ยังพอเข้าใจเรื่องเกี่ยวกับราชวงศ์อยู่บ้าง หนานกงมั่วยิ้มบางแล้วเอ่ยตอบ “คังอ๋องปกครองเมืองทางตะวันตกเฉียงใต้ ส่วนเยี่ยนอ๋องปกครองเมืองอยู่ทางเหนือ ต่อให้พวกเขาไม่ลงรอยกัน แล้วจะส่งผลเยี่ยงไรหรือ คังอ๋องสามารถต่อสู้กับเยี่ยนอ๋องที่อยู่ห่างไกลถึงเพียงนั้นได้หรือ”

เซียวเชียนเหว่ยพยักหน้าแล้วจึงเอ่ย “พี่สะใภ้กล่าวได้ถูกต้อง เลือกเสด็จลุงคังอ๋อง ไม่สู้เสด็จลุงหนิงอ๋องหรือ”

เซียวเชียนจย่งกล่าวว่า “ลูกชายคนโตของเสด็จลุงหนิงอ๋องเพิ่งอายุเพียง 3 ขวบเท่านั้น”

“…”

หนานกงมั่วหลุบตาลงพลางยิ้มแล้วถอนหายใจ “ในเมื่อไม่ใช่ฮ่องเต้พระองค์ใหม่ ก็ต้องเป็นคนที่ทั้งต้องการสร้างความบาดหมางระหว่างผู้ปกครองเมืองกันเอง และระหว่างผู้ปกครองเมืองกับฮ่องเต้พระองค์ใหม่ด้วย”

ดวงตาของเซียวเชียนชื่อฉายแวว “พี่สะใภ้หมายถึง…ผู้สำเร็จราชการแทนใช่หรือไม่”

หนานกงมั่วยิ้มอ่อน ไม่เอ่ยอันใด

เซียวฉุนนับเป็นคนแปลกหน้าในสายตาของเชื้อพระวงศ์เหล่านี้ ที่จริงในความทรงจำของคนจำนวนมากแทบไม่เคยได้ข่าวเกี่ยวกับเสด็จปู่รองผู้นี้เลยด้วยซ้ำ แต่จู่ๆ วันหนึ่งคนผู้นี้ก็ปรากฏตัวขึ้นและกลายเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ซึ่งอยู่ใต้คนเพียงคนเดียวแต่อยู่สูงกว่าคนนับหมื่น นี่คือข้อสงสัยอย่างหนึ่ง ความสงสัยนี้เองที่มาพร้อมกับการดูหมิ่นและความอิจฉาริษยา อย่างไรก็ตามยังมีคนอีกมากมองว่าเซียวฉุนเป็นคนร้ายกาจ เจ้าเล่ห์ เจ้าแผนการ หากไม่เจ้าเล่ห์เพทุบายแล้วอยู่ๆ จะได้ขึ้นเป็นผู้สำเร็จราชการแทนได้อย่างไร พวกเขาไม่เห็นว่าราชโองการของอดีตฮ่องเต้มีคำสั่งให้ช่วยเหลือราชกิจเลยด้วยซ้ำ เหมือนว่าฮ่องเต้พระองค์ใหม่จะถูกใช้เป็นหุ่นเชิดมากกว่า แน่นอนว่าการคาดเดานี้ถูกต้องเป็นส่วนใหญ่

ส่วนหนานกงมั่วที่รู้ความจริงเกือบทั้งหมดแล้ว แน่นอนว่าย่อมไม่บอกเรื่องนี้ให้ใครฟัง ดีต่อเซียวเชียนชื่อสามพี่น้องก็เรื่องหนึ่ง ทว่าอย่างไรการเชื่อใจก็นับเป็นคนละเรื่องกัน แม้แต่เซียวเชียนจย่งที่ดูเหมือนจะหุนหันพลันแล่นและเจ้าแผนการน้อยที่สุด หนานกงมั่วเองก็ไม่ได้เชื่อใจเขาแต่อย่างใด

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

Status: Ongoing

นิยายรักย้อนยุค ว่าด้วยการแก้แค้นของหมอหญิงมือสังหาร และแต่งงานกับบุรุษสุดประหลาด!

เมื่อมารดาสิ้นใจและตนถูกไล่ให้มาอยู่หมู่บ้านบรรพบุรุษ เพราะความลำบากและคับแค้นใจจึงทำให้ หนานกงชิง คุณหนูคนโตแห่งตระกูลหนานกงจากโลกนี้ไป

ร่างของนางกลับถูกแทนที่ด้วยวิญญาณของ หนานกงมั่ว นักฆ่าสาวมือฉกาจแห่งเอเชีย เมื่อได้รับชีวิตใหม่หนานกงมั่วก็ได้กราบอาจารย์ เรียนวิชาแพทย์ ใช้ชีวิตอิสระเสรีตามที่ตนหวัง พร้อมรับใบสั่งสังหารคนบ้างเป็นครั้งคราว… จนเมื่อราชโองการพระราชทานสมรสมาถึงชีวิตของนางก็ถึงคราวพลิกผัน!

เล่าลือกันว่าจวิ้นอ๋องว่าที่สามีของนาง เว่ยจวินมั่ว แม้จะมียศสูงศักดิ์แต่เพราะดวงตาแปลกประหลาดสีม่วงและการคลอดก่อนกำหนดทำให้ชาติกำเนิดของเขาตกเป็นขี้ปากคนไปทั่ว อาจเพราะแบบนี้การสมรสนี้จึงตกมาถึงตัวนาง แม้คนทั่วไปไม่ยินดีแต่นางดูๆ แล้วกลับคิดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท