ตอนที่ 495 ความโกรธของผู้สืบทอดคังอ๋อง (1)
น่าเสียดายที่เว่ยจวินมั่วดูเหมือนจะเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่เกิด เขาเป็นคนไม่คุยโวโอ้อวดหรือยโสโอหัง ทว่าต่อให้เขาจะนั่งคุกเข่าบนพื้นก็ไม่ทำให้คนรู้สึกว่าเขานอบน้อมเลยแม้แต่น้อย
“กระหม่อมเว่ยจวินมั่ว ถวายบังคมฝ่าบาท” เว่ยจวินมั่วประสานมือคำนับอย่างเรียบเฉย
ใบหน้าของเซียวเชียนเยี่ยปรากฏรอยยิ้มอันอบอุ่นแล้วจึงเอ่ย “จวินมั่ว ลุกขึ้นเถิด คราวนี้ลำบากเจ้าแล้ว”
เว่ยจวินมั่วเอ่ยอย่างเรียบเฉย “ฝ่าบาทกล่าวเกินไป กระหม่อมได้รับราชโองการจากฮ่องเต้พระองค์ก่อนให้ไปที่หลิงโจว ยามนี้กระหม่อมจึงกลับเมืองหลวงมาเพื่อถวายรายงานพ่ะย่ะค่ะ” เซียวเชียนเยี่ยเลิกคิ้ว “อ้อ จัดการเรื่องในหลิงโจวได้เหมาะสมเรียบร้อยแล้วหรือ” เดิมทีเขาคิดว่าอย่างน้อยก็น่าจะยืดเวลาให้เว่ยจวินมั่วอยู่ที่หลิงโจวได้อีกสักพัก เว่ยจวินมั่วพยักหน้าเล็กน้อย เอ่ย “คุณชายเสียนเกอนำหมอจากทั่วทั้งหลิงโจวมาช่วย นอกเหนือจากจัดสรรยาสำหรับรักษาโรคระบาดแล้ว ยังมียาและเสบียงจากราชสำนัก รวมถึงจากตระกูลขุนนางใหญ่ในจินหลิงส่งไปยังหลิงโจวอีกด้วย ตอนนี้ทุกอย่างในหลิงโจวเรียบร้อยดีตราบใดที่ไม่เกิดปัญหาขึ้นอีก คงใช้เวลาฟื้นคืนอย่างมากสุดเพียงสองสามเดือนพ่ะย่ะค่ะ”
มองเห็นท่าทางเรียบเฉยของเว่ยจวินมั่วแล้ว อารมณ์ของเซียวเชียนเยี่ยก็ซับซ้อนมากขึ้น เว่ยจวินมั่วจัดการเรื่องในหลิงโจวได้อย่างดี จริงอยู่ว่าเขาส่งคนไม่กี่คนให้ไปช่วยงานเว่ยจวินมั่ว ที่จริงแล้วหวังจะฉกฉวยความสำเร็จ เอาความดีความชอบเข้าตัว แต่กลับคาดไม่ถึงว่าเว่ยจวินมั่วจะจัดการได้อย่างรวดเร็ว สิ่งที่จำเป็นต้องรู้ก็คือ หากเว่ยจวินมั่วรับผิดชอบเรื่องในหลิงโจวได้ด้วยตัวเอง อีกไม่กี่เดือนเมื่อเขากลับมาถึงเมืองหลวง สามารถเลื่อนขั้นได้อย่างน้อยหนึ่งขั้น จริงหรือที่ว่าเว่ยจวินมั่วเห็นลาภ ยศ สรรเสริญเป็นของสกปรก เขาย่อมไม่เชื่อ
“จวินมั่วเหนื่อยมากแล้ว ช่วงนี้ก็พักผ่อนในจวนสักหน่อยเถิด อีกไม่กี่วัน เราจะประทานรางวัลให้เจ้าเมื่อมาเข้าเฝ้า”
เว่ยจวินมั่วไม่ได้คัดค้านอันใด เพียงแค่ประสานมือแล้วเอ่ย “ขอบพระทัยฝ่าบาท” แน่นอนว่าเขารู้ว่าเซียวเชียนเยี่ยกำลังคิดสิ่งใดอยู่ แต่ไม่ใช่ว่าเขามองว่าลาภ ยศ สรรเสริญนั้นเป็นสิ่งสกปรก ทว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจะสละชีวิตเพื่อเซียวเชียนเยี่ยมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ในมุมมองของเว่ยจวินมั่ว ต่อให้เซียวเชียนเยี่ยสามารถเอาชนะเซียวฉุนได้ ก็ยังไม่แน่ว่าบัลลังก์นี้จะมั่นคง
“กระหม่อมทูลลา”
“ไปเถิด”
เมื่อกลับมาถึงจวนเยี่ยนอ๋อง เว่ยจวินมั่วตรงไปที่เรือนขององค์หญิงฉังผิง หนานกงมั่วและคนอื่นๆ พูดคุยอยู่กับองค์หญิงฉังผิงพอดี เมื่อเห็นว่าในที่สุดลูกชายที่ไม่เห็นหน้าหลายเดือนกลับมาแล้ว องค์หญิงฉังผิงจึงมีความสุขมาก นางสำรวจมองร่างกายเว่ยจวินมั่วแล้วพบเพียงว่าเขาผอมลงไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้นก็รู้สึกโล่งใจ นึกสงสารบุตรชายที่ต้องไปลำบากตรากตรำ พลางสั่งให้บ่าวรับใช้รีบเตรียมอาหารบำรุงกำลังมาให้ เห็นทีต้องบำรุงให้ดีสักหน่อย
เซียวเชียนชื่อสามพี่น้องเองก็ออกมาทักทายถามสารทุกข์สุกดิบลูกพี่ลูกน้องของพวกเขาเช่นกัน ทั้งสามคนล้วนเกิดในดินแดนทางเหนือ ตั้งแต่เล็กจนโตพวกเขาได้มาจินหลิงไม่กี่ครั้งเท่านั้น คนที่คุ้นเคยกับเว่ยจวินมั่วมากที่สุดเป็นเซียวเชียนชื่อที่อยู่ในฐานะผู้สืบทอด แต่สำหรับพวกเขาสามคนแล้ว พี่ชายผู้นี้ไม่ได้ถึงกับเป็นคนแปลกหน้า เพราะเสด็จพ่อผู้เก่งกาจและฉลาดหลักแหลมของพวกเขามักชอบพูดถึงหลานชายคนนี้เป็นประจำ ราวกับให้ความสำคัญเสียยิ่งกว่าลูกชายของตนเอง แต่เมื่อนึกถึงเรื่องเกี่ยวกับท่านพี่จวินมั่วที่ได้ฟังมาตลอด พวกเขาทั้งสามคนก็แอบเขียนคำว่า ‘นับถือ’ ไว้ภายในใจเช่นกัน หากพวกเขามีความสามารถเหมือนอย่างพี่ชายบ้าง เสด็จพ่อคงไม่คิดเอาแต่ตีพวกเขาทั้งวันเป็นแน่
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทั้งสามคนไม่คาดคิดก็คือ หากไม่ใช่เพราะมีพี่ชายผู้มากฝีมือเช่นนี้ บางทีเยี่ยนอ๋องฝ่าบาทก็คงไม่ได้เข้มงวดกับพวกเขามากถึงเพียงนั้น ที่จริงแล้วแม้ทั้งสามคนจะไม่ได้เป็นอันดับหนึ่งของบรรดาหวงจื่อหวงซุน แต่พวกเขาก็ไม่ได้ไร้ความสามารถทำสิ่งใดไม่เป็น หากให้สักคนไปอยู่ในตำหนักชินอ๋องตระกูลหนึ่ง เขาก็ยังนับเป็นคุณชายที่มีอนาคต ทว่าน่าเสียดายที่ในสายตาของเยี่ยนอ๋อง ลูกชายทั้งสามนี้ยังคงต้องฝึกฝนอีกไม่น้อย
“คารวะท่านพี่” แม้แต่เซียวเชียนชื่อที่มีฐานะเป็นผู้สืบทอดก็ยังไม่กล้าวางท่าเป็นผู้สืบทอดชินอ๋องต่อหน้าเว่ยจวินมั่วเลย ในทางกลับกันเซียวเชียนชื่อคุ้นเคยกับเว่ยจวินมั่วมากที่สุด ย่อมรู้จักพี่ชายผู้นี้ดีที่สุด ยิ่งไปกว่านั้น นิสัยส่วนตัวของเขาก็ไม่ใช่คนที่วางมาดต่อหน้าคนอยู่แล้ว
“คารวะท่านพี่” เซียวเชียนเหว่ยและเซียวเชียนจย่งเอ่ยพร้อมกัน เซียวเชียนจย่งมองเว่ยจวินมั่วอย่างสงสัย ในความทรงจำของเขา พี่ชายผู้นี้มีวิทยายุทธ์ยอดเยี่ยม แต่ดูเหมือนว่ายามนี้…พี่ชายผู้นี้กลับดูไม่โหดร้ายวางอำนาจเท่าที่เขาเห็นในยามนั้นแล้ว เพียงแต่เซียวเชียนจย่งไม่แน่ใจว่าวิทยายุทธ์ของท่านพี่นั้นก้าวหน้าหรือถดถอยลงกันแน่ อย่างไรก็ตามด้วยเพราะเขาเพิ่งได้รับการสั่งสอนจากหนานกงมั่วอย่างหนักมา เขาจึงไม่ได้เอ่ยถึงความคิดอยากประลองฝีมืออีก พี่ชายที่สามารถแต่งงานกับพระชายาจอมโหดเช่นนี้ ย่อมโหดร้ายมากกว่านางเป็นแน่แท้
หากหนานกงมั่วรู้ว่าเขาคิดอันใดอยู่ คงจะบอกความจริงของยุทธภพที่สืบทอดมาจนถึงทุกวันนี้แก่เขาอย่างแน่นอน อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่ามีคนหลายแบบในโลกนี้ที่เราไม่สามารถหาเรื่องด้วยได้ หนึ่งคือคนเฒ่าชรา สองคือเด็ก และสามคือสตรี แน่นอนว่าเว่ยจวินมั่วไม่ได้อยู่ในสามแบบนี้ ทว่ามีคนอีกแบบหนึ่งที่ไม่ควรหาเรื่องด้วยอย่างเด็ดขาด นั่นคือ คนที่มองไม่ออกว่าเขามีวิทยายุทธ์หรือไม่ กลับไปสู่เรื่องพื้นฐาน นี่ไม่ใช่สิ่งที่ยอดฝีมือทุกคนจะทำได้ อย่างน้อยๆ ก็มีหนานกงมั่วคนหนึ่งแล้วที่ทำไม่ได้ นางเป็นได้เพียงยอดฝีมือระดับสองหรือสามเท่านั้น
เว่ยจวินมั่วพยักหน้าเล็กน้อย บอกให้พวกเขานั่งลง จากนั้นจึงดึงหนานกงมั่วให้มานั่งลงข้างกัน หลังจากมองไปที่เซียวเชียนจย่งครู่หนึ่งก็เอ่ยว่า “เมื่อคืนนี้…”
“ท่านพี่ ข้าผิดไปแล้ว” เซียวเชียนจย่งรู้สึกเย็นวาบบนหัว พลันเอ่ยออกมาอย่างรวดเร็ว
เว่ยจวินมั่วเลิกคิ้ว “อ้อ เจ้าผิดตรงไหนหรือ”
“ข้า…ข้า…” เขาเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองผิดตรงไหน เขาไม่ควรลงมือใช่หรือไม่ ทว่าในสถานการณ์เช่นนั้นเขาไม่สามารถอดทนได้หรอก เขาไม่ควรฆ่าคุณชายในคังอ๋องใช่หรือไม่ ก็ใช่ ทว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าใครเลยแม้แต่น้อย ใครรู้บ้างว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร หลังจากครุ่นคิดอย่างหนักอยู่พักหนึ่ง เซียวเชียนจย่งทำได้เพียงก้มหน้าแล้วเอ่ย “อย่างไรเสียข้าก็ผิดไปแล้ว ท่านพี่ลงโทษข้าเถิดขอรับ”
ในที่ที่ไม่มีใครมองเห็น นิ้วของหนานกงมั่วตบแขนของเว่ยจวินมั่วเบาๆ เพื่อส่งสัญญาณให้เขาหยุด เมื่อคืนเซียวเชียนจย่งคงจะนอนไม่หลับมาตลอดทั้งคืนแล้ว ยามนี้ใต้ดวงตาของเขาดำคล้ำ เว่ยจวินมั่วมองนางแล้วจึงเอ่ย “ช่วงนี้อยู่แค่ในจวนเท่านั้น ไม่อนุญาตให้ออกไปไหนเด็ดขาด แล้วก็หาเอาตำราพิชัยสงครามในห้องหนังสือมาคัดลอกด้วย”
เซียวเชียนจย่งหดคอ เอ่ยถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ “เล่มไหน กี่รอบขอรับ”
“ทุกเล่มที่มี ทำจนกว่าเจ้าจะออกจากจินหลิง เมื่อถึงเวลาที่ต้องกลับ ก็นำกลับไปเป็นของขวัญให้เสด็จพ่อเจ้าด้วย พอดีเลย…ใกล้ถึงวันเกิดเสด็จลุงแล้วไม่ใช่หรือ” เว่ยจวินมั่วเอ่ย
“เอ่อ” เซียวเชียนจย่งกำและแบมือในอากาศสองรอบด้วยความลังเล สงสัยว่าเมื่อถึงคราที่ออกจากจินหลิง มือขวาของเขาจะหักไปแล้วหรือไม่
“เจ้าไม่เห็นด้วยหรือ ถ้าเช่นนั้น…เจ้าจะไปจัดการเรื่องที่จวนคังอ๋องเองหรือ” เว่ยจวินมั่วถาม
เซียวเชียนชื่อรีบปิดปากน้องชายของเขาแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เช่นนั้นคงต้องรบกวนท่านพี่แล้วขอรับ” ข้ากับเจ้าสองจะคอยดูเจ้าสามเอง เว่ยจวินมั่วพยักหน้ารับ ทำเหมือนเชื่อในคำสัญญาของเซียวเชียนชื่อ
“จวินเอ๋อร์ ไม่เป็นไรจริงหรือ” องค์หญิงฉังผิงถามอย่างเป็นห่วง แม้ว่าเซียวเชียนจย่งเป็นหลานชายที่นางห่วงใยและรักมากเช่นกัน แต่สุดท้ายแล้วลูกชายของตัวเองก็ต้องสำคัญที่สุด “เสด็จพี่คังอ๋องอารมณ์ค่อนข้างรุนแรง เกรงว่าเรื่องนี้คงไม่จบง่ายๆ ให้แม่เขียนจดหมายไปเกลี้ยกล่อมพี่สะใภ้ก่อนดีหรือไม่”