ตอนที่ 497 ความโกรธของผู้สืบทอดคังอ๋อง (3)
เว่ยจวินมั่วส่งสายตาสื่อว่าโง่เง่าให้เขา คร้านเกินกว่าจะพูดเรื่องไร้สาระกับเขาต่อ ผู้สืบทอดคังอ๋องยักไหล่ เอ่ย “เอาเถิด เรื่องเพียงแค่นี้ย่อมไม่มีปัญหาอันใด แต่…ท่านยังวางแผนจะอยู่ในจินหลิงต่อหรือ ข้าได้ยินมาว่าความสัมพันธ์ของท่านกับเซียวเชียนเยี่ยไม่ค่อยดีนัก พูดตามตรงแล้วคนสารเลวอย่างท่าน…ไปที่ไหนก็ไม่มีใครต้อนรับ รีบกลับบ้านไปหาหลุมฝังตัวเองเถิด” แน่นอนว่านี่เป็นคำพูดล้อเล่นเพียงเท่านั้น ทว่าผู้สืบทอดคังอ๋องก็มิได้พูดอันใดผิด คนอย่างเว่ยจวินมั่วไม่ได้เกิดมาเป็นรองผู้ใด แม้ว่าเขาจะถ่อมตนอยู่เงียบๆ มาสิบกว่าปี แต่เมื่อปรากฏตัวก็ดึงดูดสายตาผู้คนได้อย่างง่ายดาย ขุนนางเช่นนี้สร้างแรงกดดันให้องค์จักรพรรดิอย่างมาก หากไม่ระวังให้ดีเกรงว่าจะมีคุณความดีมากเสียจนฮ่องเต้สั่นคลอน ไม่มีฮ่องเต้องค์ใดจะสบายใจใช้ขุนนางเช่นนี้ ด้วยเหตุนี้คนอย่างเว่ยจวินมั่วนั้นหากไม่หดหู่ไปชั่วชีวิตก็คงเหมือนทะยานขึ้นฟ้าและไม่มีใครสามารถหยุดได้
“ยุ่งไม่เข้าเรื่อง” เว่ยจวินมั่วเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ
“ออกไป!” ท้ายที่สุดผู้สืบทอดคังอ๋องก็อดโมโหไม่ได้
เว่ยจวินมั่วไม่ใส่ใจ ลุกขึ้นแล้วจูงหนานกงมั่วออกไปโดยไม่แม้แต่จะกล่าวลา ทางด้านหลังได้ยินเสียงผู้สืบทอดคังอ๋องโยนถ้วยน้ำชาแว่วมาอย่างไม่น่าแปลกใจ
“ความสัมพันธ์ของท่านกับผู้สืบทอดคังอ๋องดีอยู่หรือไม่” หนานกงมั่วถามอย่างสงสัย เว่ยจวินมั่วส่ายศีรษะ “ก็ทั่วไป รู้จักกันตอนเด็กๆ ต่อมาก็บังเอิญเคยช่วยชีวิตเขาไว้เท่านั้น” เพียงแค่ดีกว่าคนทั่วไปเล็กน้อย ทว่าหากเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของตัวเอง ทั้งสองคนก็ปฏิบัติต่อกันเฉกเช่นคนนอก
จะว่าไปเว่ยจวินมั่วแทบจะรู้จักกับผู้สืบทอดผู้ปกครองเมืองทั้งหมด แต่ไม่ถึงขั้นคุ้นเคยรู้ใจ ตอนเป็นเด็กชื่อเสียงของเว่ยจวินมั่วเป็นที่เลื่องลือในกลุ่มนี้ เด็กๆ นั้นไร้เดียงสาที่สุดแต่ก็โหดร้ายที่สุดด้วย นับประสาอะไรกับบรรดาเชื้อพระวงศ์ ทุกครั้งที่ผู้สืบทอดผู้ปกครองเมืองเหล่านี้เข้ามาในเมืองหลวง ย่อมอดไม่ได้ที่จะกลั่นแกล้งเว่ยจวินมั่วซึ่งมีภูมิหลังไม่ค่อยดีและนิสัยเงียบขรึม ส่วนเรื่องใครรังแกใครในที่สุดทุกคนรู้ดีแก่ใจเป็นพอ อย่างไรเสียเมื่อเติบโตขึ้นผู้สืบทอดผู้ปกครองเมืองต่างพากันตีตัวออกหากจากผู้สืบทอดจวิ้นอ๋องผู้นี้ มองโดยผิวเผินคงเพราะไม่เต็มใจจะคบหากับเว่ยซื่อจื่อผู้ที่ไม่รู้แม้กระทั่งว่าใครเป็นบิดาที่แท้จริง แต่ส่วนตัวแล้วเป็นเพราะสาเหตุใดย่อมไม่จำเป็นต้องบอกให้คนนอกรู้
ผู้สืบทอดคังอ๋องผู้นี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น เดิมทีเขาก็ไม่ต่างจากผู้สืบทอดคนอื่นๆ ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือครั้งหนึ่งเขาถูกอนุของเสด็จพ่อและน้องชายรังแก ด้วยความที่ยังเด็กและตื่นกลัวจึงหนีออกไปและถูกไล่ตามสังหาร บังเอิญได้รับการช่วยเหลือจากเว่ยซื่อจื่อที่กำลังไล่ล่าคนอื่นอยู่เช่นกัน คนหนึ่งกำลังถูกไล่ล่า อีกคนกำลังไล่ล่าคนอื่น ความแตกต่างระหว่างพวกเขาทำให้หลังจากนั้นเมื่ออยู่ต่อหน้าเว่ยจวินมั่ว ผู้สืบทอดคังอ๋องจึงอยู่ในตำแหน่งที่ด้อยกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเห็นลูกพี่ลูกน้องในวัยสิบหกซึ่งเด็กกว่าเขาเพียงหนึ่งปีในเวลานั้นสับเจ้ามือสังหารที่ไล่ล่าเขาเสียยับเยินด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก หัวใจของผู้สืบทอดคังอ๋องนั้นแตกสลายไปแล้ว เขาอยากวิ่งกลับไปถามเสด็จอาที่จินหลิงเหลือเกินว่า เสด็จอา ไยท่านถึงได้เลี้ยงสัตว์ประหลาดเช่นนี้ได้
อย่างไรก็ตาม ประสบการณ์ครั้งนี้ทำให้มุมมองของผู้สืบทอดคังอ๋องเปลี่ยนแปลงไป เดิมทีในฐานะหวงซุนแล้ว นอกจากสู้ศึกภายในกับน้องชายและเหล่าอนุของเสด็จพ่อแล้ว เขายังสามารถทำอันใดได้มากมายหรือ นับแต่นั้นมาผู้สืบทอดคังอ๋องก็เริ่มเส้นทางขโมยไก่คลำสุนัข[1]โดยไม่คิดกลับหลัง กระทั่งเติบโตขึ้นเป็นคนที่ต่างออกไปท่ามกลางเหล่าเชื้อพระวงศ์
หนานกงมั่วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ผู้สืบทอดคังอ๋องผู้นี้ดูน่าสนใจทีเดียว” ทำให้เว่ยจวินมั่วบอกว่าเขาเป็นคนฉลาดได้ แสดงว่าย่อมมิใช่ธรรมดาอย่างแน่นอน ดังนั้นในราชวงศ์จึงมีผู้มากพรสวรรค์มากมาย แต่น่าเสียดายที่…ฮ่องเต้ผู้ล่วงลับกลับเลือกคนที่ไม่เหมาะสมเป็นที่สุด แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่สามารถตำหนิฮ่องเต้พระองค์ก่อนได้ ใครใช้ให้เซียวเชียนเยี่ยกลายเป็นคนชอบธรรมที่สุดกันเล่า เมื่อตัดอุปสรรคทั้งหลายออกไป เป็นเรื่องยากสำหรับคนที่ไม่เคยถูกฝึกในการเป็นกษัตริย์ที่แท้จริง ทว่าใครจะบอกได้ว่าผู้ที่ปีนออกมาจากกองซากศพและคาวเลือดนั้นจะเป็นคนที่เหมาะสมที่สุด
เว่ยซื่อจื่อถอนหายใจ ชัดเจนว่าไม่ได้ใส่ใจ
หนานกงมั่วเม้มริมฝีปากแล้วยิ้ม หันไปมองดูใบหน้างดงามของเขาด้วยรอยยิ้ม “ไม่พอใจหรือ”
“เปล่า” เว่ยซื่อจื่อเอ่ยตอบเบาๆ
“เปล่าจริงหรือ”
“เปล่า”
“เปล่าก็ดี ข้ารู้สึกถูกชะตาผู้สืบทอดคังอ๋องกว่าเซียวเชียนเยี่ยเป็นไหนๆ ท่านเห็นด้วยหรือไม่”
“…” เว่ยจวินมั่วหันหลังเดินกลับไป หนานกงมั่วไม่เข้าใจ “ท่านจะไปไหนกัน”
“เปลี่ยนใจแล้ว ข้าจะกลับไปฆ่าเขา”
“…” หนานกงมั่วเผลอหัวเราะออกมา เมื่อมองไปยังชายที่เดินอยู่ข้างหน้าก็อดปิดปากอมยิ้มไม่ได้ จากนั้นก็กระโจนขึ้นหลังของใครบางคน หากคนธรรมดากล้าทำท่าทางอันตรายเช่นนี้ สิ่งที่ได้รับย่อมเป็นกระบี่จื่อเซียวที่เอวของเว่ยซื่อจื่อเป็นแน่ หากแต่คราวนี้เว่ยจวินมั่วไม่ได้มองย้อนกลับไปด้วยซ้ำ เพียงยื่นมือออกมารับตัวนางที่กระโดดลงมาบนหลังตัวเอง หนานกงมั่วเกาะอยู่บนหลัง เอาแขนโอบรอบคอเขาแล้วหัวเราะเสียงต่ำพลางเอ่ย “เว่ยจวินมั่ว บอกตรงๆ ว่าหึงแล้วจะตายหรือ”
เว่ยจวินมั่วหันกลับมามองนางครั้งหนึ่งก่อนจะเดินต่อไป
หนานกงมั่วรีบเอื้อมมือไปปิดตาของเขา “ข้าแค่ล้อเล่น ข้าจะรู้สึกสนใจเขาได้อย่างไรกัน มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นคนเจ้าเล่ห์… นี่ ท่านยังไม่หยุดอีกหรือ”
“เมื่อครู่เดินผิดทาง” เว่ยซื่อจื่อเอ่ยอย่างเฉยเมย
“…” เมื่อมองต้นคอยาวของเขา ซิงเฉิงจวิ้นจู่รู้สึกมันเขี้ยว ช่างน่ากัดให้จมเขี้ยวเสียจริงๆ
“เว่ยซื่อจื่อและซิงเฉิงจวิ้นจู่รักกันดีเหลือเกิน” มีคนสองคนเดินออกมาจากรถม้าที่จอดอยู่ด้านข้าง จูชูอวี้มองไปยังชายหญิงรูปงามทั้งสองที่เดินห่างออกไปไกลเรื่อยๆ เอ่ยพลางถอนหายใจเบาๆ
หร่วนอวี้จือที่ยืนอยู่ข้างจูชูอวี้พ่นลมหายใจออกมา สายตาที่มองไปยังจูชูอวี้เต็มไปด้วยความอ่อนโยนและศรัทธา “เซี่ยนจู่สมควรมีคนที่ดีกว่าเว่ยซื่อจื่อ” จูชูอวี้ถอนหายใจและส่ายหน้า เอ่ยว่า “ในโลกนี้…จะยังมีผู้ชายที่ดีกว่าเว่ยซื่อจื่ออีกสักกี่คน” ต่อให้มีคนรูปงามหล่อเหลา มีอำนาจ มีฐานะที่ดีกว่าเว่ยซื่อจื่อ แต่…จะมีใครที่รักเดียวใจเดียวเช่นเขาอีก ผู้ชายในโลกนี้มีแต่คนทรยศ นี่คือสิ่งที่นางเข้าใจมานานแล้ว แต่ก็อดรู้สึกอิจฉาริษยาหนานกงมั่วที่มีความสุขไม่ได้ เห็นนางได้ในสิ่งที่ตนเองปรารถนาแต่ไม่อาจได้เป็นเจ้าของไป
ได้ยินเช่นนี้ ดวงตาของหร่วนอวี้จือก็ฉายแววเกลียดชัง กล่าวว่า “ที่เว่ยซื่อจื่อดีต่อซิงเฉิงจวิ้นจู่ก็เพียงเพราะรูปร่างหน้าตาที่สวยงามของนางและเพราะหนานกงไหวเท่านั้น รอให้ผ่านไปสักสองปีก่อนเถิด คงจะรับนางสนมเหมือนๆ กัน” จะบอกว่าเว่ยจวินมั่วรักเดียวใจเดียวเพียงหนานกงมั่วหรือ หร่วนอวี้จือไม่มีวันเชื่อ บุรุษปรารถนาความก้าวหน้าเพราะเหตุใด ไม่ใช่เพราะต้องการอำนาจและปรารถนาสุรานารีหรอกหรือ หากอยู่กับสตรีเดียวไปชั่วชีวิต ต่อให้เป็นนางฟ้านางสวรรค์ อย่างไรก็ต้องรู้สึกเบื่อหน่ายอยู่วันยังค่ำ แม้ว่าตอนนี้เขาจะสนใจจูชูอวี้ แต่ก็ไม่เคยคิดว่าจะมีเพียงนางผู้เดียวไปตลอดชีวิต การมีสตรีงามประดับข้างกายไม่ใช่เพียงความสง่างามและรสนิยม แต่ยังเป็นหน้าเป็นตาของบุรุษด้วย ทว่าหากมีเพียงสตรีนางเดียวไปชั่วชีวิต คนที่ไม่รู้จะมองว่ากลัวภรรยาเอาได้
ดวงตาของจูชูอวี้ปรากฏร่องรอยเอือมระอา แต่ก็ปกปิดไว้ได้อย่างรวดเร็ว เอ่ยว่า “ข้ากลับคิดว่า…เว่ยซื่อจื่อจะรักเดียวใจเดียวต่อซิงเฉิงจวิ้นจู่ไปตลอดชีวิตมากกว่า”
———————————————-
[1] ขโมยไก่คลำสุนัข พฤติกรรมลักขโมย