หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1 – ตอนที่ 499 หย่าหรือหนังสือหย่า(2)

ตอนที่ 499 หย่าหรือหนังสือหย่า(2)

ตอนที่ 499 หย่าหรือหนังสือหย่า(2)
นางถอนหายใจ “ดูเหมือนว่าคงมีเพียงเสด็จแม่เท่านั้นที่รู้ว่าความจริงเป็นอย่างไร”

เว่ยจวินมั่วกล่าวว่า “เสด็จแม่ไม่อยากบอก ก็ไม่จำเป็นต้องถาม”

หนานกงมั่วพยักหน้า นึกถึงคำพูดขององค์หญิงฉังผิงและสีหน้าท่าทางของนางในขณะนั้น แน่ใจมากขึ้นแล้วว่าจะต้องมีความลับที่ไม่มีใครรู้ อิงจากนิสัยขององค์หญิงฉังผิงแล้ว หากนางทำผิดต่อเว่ยหงเฟยจริงๆ เป็นไปไม่ได้ที่นางจะไม่ยอมรับ ยิ่งไม่มีทางอาฆาตพยาบาทเช่นนี้

“เรียนซื่อจื่อ จวิ้นอ๋องแห่งจิ้งเจียงมารอพบซื่อจื่อที่หน้าประตูเจ้าค่ะ” หมิงฉินกล่าวรายงานอยู่ด้านนอกประตู

เว่ยจวินมั่วเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย หนานกงมั่วกล่าวอย่างนิ่งขรึม “ดูเหมือนว่าจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องจะรู้สึกเสียใจอีกแล้ว ก่อนหน้านี้ก็ปรารถนาให้เสด็จแม่กลับไป ไม่แน่ว่ายามนี้…เขาอาจคิดยอมถอยให้แล้ว” ไม่จำเป็นต้องพูด เว่ยจวินมั่วก็เข้าใจว่ายอมถอยที่หนานกงมั่วพูดนั้นหมายถึงอะไร เขาลุกขึ้นเอ่ยว่า “เจ้าพักผ่อนอีกสักหน่อยเถิด ข้าจะออกไปดูเอง”

หนานกงมั่วพยักหน้า พลิกตัวและคลุมหน้าด้วยผ้าห่ม นางไม่อยากไปทนฟังคำพูดน่าเบื่อของเว่ยหงเฟยอีกแล้ว

รอจนเว่ยจวินมั่วออกไป หมิงฉินและสาวใช้อื่นๆ ก็ยกข้าวของต่างๆ เข้ามา จือซูดึงผ้าม่านที่หน้าต่างขึ้นแล้วยิ้มพลางเอ่ย “ตั้งแต่ซื่อจื่อกลับมานับวันคุณหนูก็ยิ่งเกียจคร้าน โชคดีที่องค์หญิงเมตตาเอ็นดู หากเป็นเรือนอื่นป่านนี้ลูกสะใภ้ต้องไปปรนนิบัติเตรียมอาหารเช้าให้แม่สามีแล้วเจ้าค่ะ”

หนานกงมั่วย่นคอ ในที่สุดก็คลานออกจากผ้าห่ม ปล่อยให้บ่าวสองสามคนแต่งตัวให้ สองวันที่ผ่านมานางเกียจคร้านขึ้นไม่น้อย ก่อนหน้านั้นนางทำทุกอย่างด้วยตัวเองมาตลอด ยามนี้เว่ยจวินมั่วกลับมาจึงผลักทุกอย่างไปให้เขาหมด

หนานกงมั่วนั่งหน้ากระจก เล่นกับเครื่องประดับภายในกล่องพลางเอ่ยถามว่า “ไยจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องถึงมาเช้าเช่นนี้”

“คุณหนูมิได้ห้ามไม่ให้เขาเข้ามาหรือเจ้าคะ ได้ยินคนเฝ้าประตูบอกว่าจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องมาเป็นประจำ คิดว่าคงอยากรับองค์หญิงกลับไป ยามนี้รู้ข่าวว่าซื่อจื่อกลับมาแล้วแน่นอนว่าต้องรีบมาในทันที” หนานกงมั่วเป็นสตรี เว่ยหงเฟยทะเลาะกับหนานกงมั่วไปก็ไม่ได้ประโยชน์อันใด แต่ตราบใดที่เว่ยจวินมั่วยังคงเป็นบุตรในนามของเว่ยหงเฟยอยู่ เว่ยหงเฟยก็ยังต้องพูดจาดีๆ ด้วย “คุณหนูอยากไปดูหรือไม่เจ้าคะ” อารมณ์ของซื่อจื่อไม่ค่อยดีนัก ไม่แน่ว่าเขาอาจจะเตะจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องออกไปเลยก็ได้ แม้ว่าจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องจะเป็นฝ่ายมาหาเอง ทว่าจะเป็นการดีต่อพวกเขามากกว่าหากไม่สร้างศัตรูในจินหลิงเพิ่มขึ้นอีกในยามนี้

หนานกงมั่วยกมือขึ้นแล้วประดับเครื่องประดับหยกสีม่วงไว้บนศีรษะพลางเอ่ย “เขารู้ว่าต้องทำอย่างไร ไม่เกิดอันใดขึ้นหรอก”

ข้อเท็จจริงได้พิสูจน์แล้วว่าเว่ยจวินมั่วไม่ได้น่าเชื่อถือเสมอไป เพราะหลังจากนั้นไม่นานก็เห็นหุยเสวี่ยและเฟิงเหอ สาวใช้สองคนรีบวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามารายงาน “คุณหนู แย่แล้วเจ้าค่ะ ซื่อจื่อทำร้ายจิ้งเจียงจวิ้นอ๋อง”

หนานกงมั่วเลิกคิ้ว “เกิดอันใดขึ้น”

หุยเสวี่ยส่ายหน้าพลางเหนื่อยหอบ ใบหน้าเล็กดูสับสนอยู่เช่นกัน ซื่อจื่อและจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องเข้าไปพูดคุยกันในห้องหนังสือ ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาคุยเรื่องอันใดกัน ได้ยินเพียงเสียงดังปัง จากนั้นจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องก็ถูกเว่ยซื่อจื่อโยนออกมากจากห้องหนังสือ ดูสภาพแล้ว หากพ่อบ้านไม่เข้ามาห้าม เกรงว่าคงจะฆ่ากันตายเป็นแน่ พ่อบ้านรู้ดีว่าเขาไม่สามารถหยุดซื่อจื่อได้ จึงรีบขยิบตาส่งสัญญาณให้พวกนางมาตามพระชายาซื่อจื่อไปช่วย

“คงจะมีบางอย่างเกิดขึ้นจริงๆ ไปดูกันเถิด” แม้ว่าจะพูดเช่นนั้น หนานกงมั่วกลับไม่ได้รีบร้อนอันใด หากเว่ยจวินมั่วต้องการเอาชีวิตเว่ยหงเฟยจริงๆ นับประสาอะไรกับแค่พ่อบ้าน ต่อให้องครักษ์ทั้งจวนเข้าไปห้ามก็ไม่เห็นหนทางจะหยุดเขาได้

บ่าวรับใช้ที่เดินตามหลังเห็นว่าพระชายาซื่อจื่อดูไม่รีบร้อน ภายในใจก็เริ่มรู้สึกโล่งอก

ทันทีที่เดินเข้าไปยังเรือนด้านหน้าก็ได้ยินเสียงดังอึกทึกครึกโครมมาจากด้านใน หนานกงมั่วอดขมวดคิ้วไม่ได้ ชายที่ดูท่าทางเหมือนองครักษ์ก็ปรากฏตัวต่อหน้านางอย่างเงียบๆ เมื่อหนานกงมั่วเห็นก็รู้ทันทีว่าเขาเป็นคนของวังจื่อเซียว “เกิดอันใดขึ้น”

องครักษ์กล่าวอย่างนอบน้อม“พระชายาซื่อจื่อ คนของจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องมาบอกว่าซื่อจื่อทำร้ายจิ้งเจียงจวิ้นอ๋อง จากนั้นผู้สำเร็จราชการก็มา จากนั้นก็…”

“ทำร้ายจนบาดเจ็บจริงหรือ” หนานกงมั่วถาม

องครักษ์เผยรอยยิ้มเย้าหยอก “จะเป็นไปได้อย่างไรขอรับ” หากซื่อจื่อต้องการทำร้ายคนจริงๆ เว่ยหงเฟยคงไม่เหลือแม้แต่กระดูกหรือแม้แต่โอกาสให้ได้ร้องเอะอะเช่นนี้ไม่ใช่หรือ

หนานกงมั่วรู้สึกขบขัน “โลกนี้ช่างแปลกประหลาดนัก นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เห็นคนออกอุบายเพื่อจะเข้ามาในจวนเช่นนี้”

เดินเข้ามาถึงก็ได้ยินคนในตระกูลเว่ยกล่าวประณามเว่ยจวินมั่วเสียงดัง เห็นได้ชัดว่าพอมีเซียวฉุนหนุนหลัง คนตระกูลเว่ยก็มีความกล้าหาญเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว สาวใช้ช่วยประคององค์หญิงฉังผิงยืนอยู่ด้านหน้าของเว่ยจวินมั่ว มองไปยังจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องซึ่งมีเว่ยจวินปั๋วประคองอยู่อย่างเย็นชา เซียวฉุนยืนอยู่ข้างๆ ยิ้มพลางลูบเครา เอ่ย “ฉังผิง ต่อให้ความสัมพันธ์ของเจ้ากับหงเฟยจะเย็นชาสักเพียงใด จวินมั่วก็ไม่ควรลงมือทำร้ายผู้อาวุโสกว่า ราชวงศ์เซี่ยปกครองด้วยกตัญญูรู้คุณ หากเรื่องนี้ถูกแพร่ออกไปจะเป็นเยี่ยงไรเล่า

องค์หญิงฉังผิงรู้มานานแล้วว่าการสวรรคตของฮ่องเต้พระองค์ก่อนมีส่วนเกี่ยวข้องกับเซียวฉุนอย่างแน่นอน จึงไม่หลงเหลือความเคารพต่อเสด็จลุงผู้นี้ เอ่ยอย่างเย็นชา “เสด็จลุง นี่เป็นเรื่องภายในตระกูลของหม่อมฉันเพคะ”

ดวงตาของเซียวฉุนเป็นประกาย พูดด้วยรอยยิ้ม “เป็นเรื่องภายในก็จริง แต่ในเมื่อเจ้าเองก็เรียกข้าว่าเสด็จลุง เช่นนั้นเสด็จลุงเช่นข้ายิ่งไม่ต้องเอ่ยสักประโยคสองประโยคอย่างยุติธรรมหรือไง”

องค์หญิงฉังผิงยิ้มหยันแล้วจึงเอ่ย “เช่นนั้นเสด็จลุงก็เพียงแค่ต้องเอ่ยอย่างยุติธรรมด้วย” นางไม่ใส่ใจท่าทีของเซียวฉุน หันไปเอ่ยวาจากับเว่ยหงเฟยอย่างเคร่งขรึม “เว่ยหงเฟย ท่านต้องการสิ่งใดโปรดเอ่ยมาตามตรง หรือท่านคิดว่าเสด็จพ่อสวรรคตไปแล้ว ข้าและจวินเอ๋อร์จะยอมให้ท่านรังแกได้ง่ายๆ” เดิมทีเว่ยหงเฟยก็มีความคิดเช่นนี้จริงๆ แต่ตราบใดที่เยี่ยนอ๋องและฉีอ๋องยังอยู่ เขาคงไม่กล้ายอมรับ ใบหน้าของเขาปรากฏร่องรอยความเศร้าพลางเอ่ยเสียงเข้ม “ฉังผิง ข้าแค่อยากรับเจ้ากลับไป เจ้ากลับไปพร้อมข้าเถิด เจ้ายังคงเป็นพระชายาจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องและเขาก็ยังคงเป็นผู้สืบทอดจวิ้นอ๋องแห่งจิ้งเจียงอยู่” แม้ว่าจะเอ่ยเช่นนั้น แต่แท้จริงแล้วเว่ยหงเฟยแทบไม่อยากเรียกชื่อจริงของเว่ยจวินมั่วด้วยซ้ำ จึงเรียกด้วยตำแหน่งของเขาแทน

องค์หญิงฉังผิงอดหัวเราะพลางโกรธด้วยไม่ได้ เหนื่อยเหลือเกินกับการถูกเว่ยหงเฟยคอยกวนใจมาโดยตลอด หากไม่ใช่เพราะเสด็จพ่อของนางไม่อนุญาต นางคงจะหย่าร้างกับเขาไปนานแล้ว สามีภรรยาที่รักกันมาแต่วัยเด็กสามารถเดินมาถึงขั้นนี้ได้ก็นับว่าวิเศษมากแล้ว

“เว่ยหงเฟย ท่านพูดออกมาตรงๆ เถิด ข้ากับจวินเอ๋อร์ยังเหลืออันใดให้ท่านหลอกใช้อีก” องค์หญิงฉังผิงเอ่ยถามอย่างหมดความอดทน

สีหน้าของเว่ยหงเฟยเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาพูดด้วยเสียงเศร้าสลดกว่าเดิม “ฉังผิง เจ้าคิดกับข้าเช่นนั้นหรือ”

องค์หญิงฉังผิงยิ้มเยาะ ไม่ได้เอ่ยสิ่งใด

เว่ยจวินปั๋วก้าวขึ้นไปด้านหน้า กล่าวกับองค์หญิงฉังผิงด้วยความเคารพ “เสด็จแม่ เสด็จพ่อตั้งใจมารับท่านและพี่ใหญ่กลับไป เรื่องทุกข์ใจก่อนหน้านี้ ขอเสด็จแม่โปรดเห็นแก่ทุกคนที่เป็นครอบครัวเดียวกัน โปรดลืมไปเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

“หุบปาก!” องค์หญิงฉังผิงตะคอกอย่างรุนแรง “ข้ามิใช่มารดาของเจ้า แม่ของเจ้าคือผู้หญิงของจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องผู้นั้น หากแม้แต่แม่ของตัวเองยังไม่รู้จักก็รีบกลับบ้านไปให้หมอตรวจเสีย” สีหน้าของเว่ยจวินปั๋วไม่สู้ดีนัก เขารู้จักองค์หญิงฉังผิงมาไม่ใช่เพียงปีหรือสองปี เสด็จแม่ผู้สูงส่งพระองค์นี้ไม่เคยเสแสร้งใส่ใจเชื้อสายรองอย่างพวกเขาเลย ไม่แม้แต่จะพูดอันใดกับพวกเขาเลยสักนิด คนเช่นนี้รับมือได้ไม่ยาก ตราบใดที่ไม่ยั่วโมโหนาง นางก็จะไม่สร้างปัญหาให้ลำบาก ทว่ากลับไม่เคยตะคอกอย่างรุนแรงเช่นนี้มาก่อน ท่ามกลางผู้คนในเรือนแห่งนี้ เว่ยจวินปั๋วอับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ใด

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

Status: Ongoing

นิยายรักย้อนยุค ว่าด้วยการแก้แค้นของหมอหญิงมือสังหาร และแต่งงานกับบุรุษสุดประหลาด!

เมื่อมารดาสิ้นใจและตนถูกไล่ให้มาอยู่หมู่บ้านบรรพบุรุษ เพราะความลำบากและคับแค้นใจจึงทำให้ หนานกงชิง คุณหนูคนโตแห่งตระกูลหนานกงจากโลกนี้ไป

ร่างของนางกลับถูกแทนที่ด้วยวิญญาณของ หนานกงมั่ว นักฆ่าสาวมือฉกาจแห่งเอเชีย เมื่อได้รับชีวิตใหม่หนานกงมั่วก็ได้กราบอาจารย์ เรียนวิชาแพทย์ ใช้ชีวิตอิสระเสรีตามที่ตนหวัง พร้อมรับใบสั่งสังหารคนบ้างเป็นครั้งคราว… จนเมื่อราชโองการพระราชทานสมรสมาถึงชีวิตของนางก็ถึงคราวพลิกผัน!

เล่าลือกันว่าจวิ้นอ๋องว่าที่สามีของนาง เว่ยจวินมั่ว แม้จะมียศสูงศักดิ์แต่เพราะดวงตาแปลกประหลาดสีม่วงและการคลอดก่อนกำหนดทำให้ชาติกำเนิดของเขาตกเป็นขี้ปากคนไปทั่ว อาจเพราะแบบนี้การสมรสนี้จึงตกมาถึงตัวนาง แม้คนทั่วไปไม่ยินดีแต่นางดูๆ แล้วกลับคิดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท