หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1 – ตอนที่ 502 คลื่นใต้น้ำ (1)

ตอนที่ 502 คลื่นใต้น้ำ (1)

ตอนที่ 502 คลื่นใต้น้ำ (1)

“องค์หญิง พู่กันกับแท่นหมึกมาแล้วเพคะ” บ่าวรับใช้ที่เพิ่งออกไปพลันกลับมาพร้อมกับพู่กัน กระดาษ และแท่นหมึกอย่างเหนื่อยหอบ องค์หญิงฉังผิงไม่รีบร้อน รอคำตอบของเว่ยหงเฟยอย่างใจเย็น

“ไม่มีทาง” เว่ยหงเฟยกัดฟันเอ่ย

หนานกงมั่วเลิกคิ้วแล้วยิ้มเบาๆ “ดูเหมือนว่าจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องจะไม่ได้ต้องการเก็บเสด็จแม่ไว้ด้วยใจจริงนะเพคะ ไม่เช่นนั้น…เรื่องที่ราชบุตรเขยคนอื่นทำได้ ไยจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องกลับทำไม่ได้เล่า”

เว่ยหงเฟยจ้องไปยังหนานกงมั่วอย่างโกรธเคือง “ข้าเป็นถึงจวิ้นอ๋อง” เขาเหมือนกับราชบุตรเขยคนอื่นเสียที่ไหน ราชบุตรเขยคนใดที่ได้รับแต่งตั้งเป็นจวิ้นอ๋องบ้าง เว่ยหงเฟยลืมไปว่า เขาได้รับตำแหน่งจวิ้นอ๋องมิใช่เพราะคุณงามความดีอันสูงส่ง ทว่าเป็นเพราะกินบุญเก่าจากบิดาตัวเองและองค์หญิงฉังผิงต่างหาก

“ฮ่าๆ” หนานกงมั่วแสร้งหัวเราะ แม้ว่าจะไม่เข้าใจความหมาย แต่กลับยิ่งทำให้ไฟโกรธในใจเพิ่มมากขึ้นไปอีก

องค์หญิงฉังผิงขมวดคิ้วเล็กน้อย กล่าวอย่างเฉยเมย “อู๋สยา ไม่จำเป็นต้องเอ่ยวาจากับเขาอีก”

องค์หญิงฉังผิงรับพู่กันมาจุ่มหมึกในแท่นที่บ่าวรับใช้ถือแล้วเขียนลงในกระดาษหลายบรรทัด เขียนเสร็จภายในหนึ่งลมหายใจซึ่งเห็นได้ชัดว่าไม่มีความลังเลเลยสักนิด แล้วรับเอาตราประทับจากมือของสาวใช้อีกคนหนึ่งประทับลงบนหนังสือขอหย่าด้วยความหนักแน่น

วางพู่กันและแท่นหมึกลงแล้ว นางก็โยนหนังสือขอหย่าใส่หน้าเว่ยหงเฟย องค์หญิงฉังผิงกล่าวอย่างเย็นชา “พาคนของท่านออกไปเถิด หากข้าเห็นคนของจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องในจวนเยี่ยนอ๋องแห่งนี้อีก อย่าหาว่าข้าไร้ความปรานี”

เว่ยหงเฟยจับหนังสือขอหย่าในมือแน่น จ้องมององค์หญิงฉังผิงแล้วจึงเอ่ย “ฉังผิง เจ้าต้องการเช่นนี้จริงหรือ…”

องค์หญิงฉังผิงไม่คิดฟังสิ่งที่เขาต้องการจะเอ่ยเลยสักนิด บ่าวรับใช้ประคองนางหันหลังเดินกลับไปยังเรือนด้านใน

“ฉังผิง! บิดาของเด็กคนนี้เป็นใครกันแน่ เจ้ายอมแตกหักกับข้าแล้วยังปกป้องเขาอีกหรือ” เว่ยหงเฟยตะโกนอย่างไม่ยอม

“ไม่เกี่ยวกับท่าน” องค์หญิงฉังผิงทิ้งคำพูดให้เพียงสี่คำเท่านั้น แล้วเดินเข้าไปในเรือนด้านในอย่างช้าๆ เหลือเพียงความว่างเปล่า เว่ยหงเฟยรู้สึกเหม่อลอย ยามนี้รู้สึกอย่างชัดเจนแล้วว่าตนได้สูญเสียองค์หญิงฉังผิงไปแล้ว นี่คือชายาที่เขาเคยสาบานว่าจะหวงแหนและดูแลไปจนแก่เฒ่า

คิดมาถึงตรงนี้ แววตาที่เว่ยหงเฟยจ้องมองเว่ยจวินมั่วจึงปรากฏแววขุ่นเคืองและโกรธแค้นมากขึ้น หากไม่ใช่เพราะ…หากไม่ใช่เพราะไอ้มารผจญนี่…

หนานกงมั่วเลิกคิ้วมองเว่ยหงเฟยด้วยความสนใจ อยากเห็นท่าทีต่อไปของเขา ทั้งรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่เว่ยหงเฟยยังคงมีความกล้าเผชิญหน้ากับเว่ยจวินมั่วอยู่ จะว่าไปในโลกนี้ก็มักมีคนแบบนี้อยู่เสมอ เวลาที่ควรกล้าหาญกลับขี้ขลาด แต่เวลาที่ควรยอมแพ้กลับอาจหาญอย่างไม่น่าเชื่อ อีกอย่างคนแบบนี้ก็มีอยู่ไม่น้อยเสียด้วย ใครทำให้เว่ยหงเฟยมั่นใจว่าเว่ยจวินมั่วจะไม่ทำอันใดเขา หรือว่าอารมณ์โกรธทำให้สมองเลอะเลือนไปเสียแล้ว

“โยนออกไป” เว่ยจวินมั่วดึงหนานกงมั่วหันหลังแล้วเดินกลับเข้าไปในเรือนของตัวเอง แม้แต่หางตาก็ไม่เหลือบมองจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องสองพ่อลูกแม้แต่น้อย หลังจากเดินไปสองก้าว เว่ยจวินมั่วก็ชะงักแล้วเอ่ยอย่างเฉยเมย “ข้าคืนให้” ไม่รู้ว่าว่าตราหยกถูกโยนออกมาจากที่ใด มันพุ่งตรงไปหาเว่ยจวินปั๋วพอดิบพอดี เว่ยจวินปั๋วรีบเอื้อมมือออกไปหยิบมัน เมื่อรับมาแล้วกลับพบว่าเป็นป้ายห้อยเอวที่เป็นของผู้สืบทอดจวิ้นอ๋องแห่งจิ้งเจียง แม้ว่าตนวาดฝันว่าวันหนึ่งจะได้ครอบครองสิ่งนี้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งนับไม่ถ้วน ทว่าก็ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้รับมาในสถานการณ์เช่นนี้ ราวกับว่าโยนเศษขยะใส่อย่างไรอย่างนั้น แน่นอนว่าย่อมไม่ใช่ความรู้สึกที่ดีแม้แต่นิดเดียว

เห็นร่างของทั้งสองก้าวเดินจากไปแล้ว สีหน้าของเว่ยจวินปั๋วยิ่งสลับซับซ้อนมากขึ้น

องครักษ์จวนเยี่ยนอ๋องไม่มีความปรานีแม้แต่น้อย ไม่รอให้สองพ่อลูกเอ่ยอันใด พวกเขาคว้าตัวคนทั้งคู่แล้วโยนออกไปนอกประตู สุดท้ายทั้งสองจึงทำได้เพียงเดินจากไปท่ามกลางสายตาตกใจและนึกสงสัยของผู้คนที่ผ่านไปมา

หากถามถึงสิ่งที่ถูกพูดถึงอย่างสนุกปากมากที่สุดในจินหลิงช่วงนี้ เรื่องแรกก็ต้องเป็นข่าวที่ตระกูลใหญ่หลายตระกูลก้าวหน้าอย่างรวดเร็วหลังการขึ้นครองราชย์ของฮ่องเต้พระองค์ใหม่ หลังจากที่ฮ่องเต้พระองค์ใหม่เสด็จขึ้นครองบัลลังก์ นอกจากพระชายาเอกองค์เดิมที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นฮองเฮาแล้ว หนานกงซูคุณหนูรองจวนฉู่กั๋วกงก็ได้รับแต่งตั้งเป็นเสียนกุ้ยเฟย คุณหนูรองจวนเกาอี้ปั๋วเองก็ได้รับแต่งตั้งเป็นซูกุ้ยเฟยเช่นกัน จวนเอ้อกั๋วกงกับจวนฉู่กั๋วกงนั้นไม่เท่าใด แต่จวนเกาอี้ปั๋วนี่สิ เนื่องจากมีกุ้ยเฟยขึ้นมาจึงกลายเป็นชนชั้นสูงตระกูลใหม่ นอกเหนือจากโอรสในพระครรภ์ของฮองเฮา ต้องรู้ว่าในตอนนี้พระครรภ์ของซูกุ้ยเฟยยังมีทายาทอีกคนของฮ่องเต้อยู่ ตราบใดที่เกิดมาอย่างปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นโอรสหรือธิดา ซูกุ้ยเฟยย่อมเป็นที่โปรดปรานยิ่งกว่าเดิม ยิ่งไปกว่านั้น เห็นได้ชัดและง่ายดายว่าฮ่องเต้พระองค์ใหม่นั้นโปรดจวนเกาอี้ปั๋วมากกว่าใครในตอนนี้

ส่วนอีกเรื่องหนึ่งก็คือเรื่องที่องค์หญิงฉังผิงขอหย่าพระสวามี ไม่รู้ว่าเรื่องราวในจวนเยี่ยนอ๋องในวันนั้นลุกลามเหมือนไฟลามทุ่งไปได้อย่างไร ในเวลาไม่ถึงวันทุกคนในเมืองหลวงต่างรู้เรื่องนี้กันหมดแล้ว ในที่สุดองค์หญิงฉังผิงก็หย่าร้างกับราชบุตรเขยจิ้งเจียงจวิ้นอ๋อง คนจำนวนไม่น้อยเห็นว่าองค์หญิงฉังผิงทำเช่นนี้นั้นไม่เคารพคุณธรรมของสตรี แต่ก็มีผู้คนปรบมือชื่นชมและตำหนิจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องว่าไร้ยางอายเช่นกัน องค์หญิงฉังผิงไม่ค่อยออกไปข้างนอกจึงไม่ค่อยได้รับผลกระทบมากนัก ในทางกลับกันจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องกลับถูกสายตาแปลกๆ และขี้ปากผู้คนโจมตีจนไม่กล้าออกไปไหน

พริบตาเดียวก็ถึงปีใหม่แล้ว หลังการฉลองปีใหม่ พระศพขององค์ฮ่องเต้ผู้ล่วงลับก็ถูกส่งไปยังพระราชวังใต้ดิน

เป็นเวลากว่าหนึ่งเดือนแล้วที่เว่ยจวินมั่วกลับมายังเมืองหลวง แต่เซียวเชียนเยี่ยกลับไม่เคยเรียกให้ไปเข้าเฝ้าเลย เอ่ยอย่างนุ่มนวลเพียงว่าทำงานหนักมานานแล้ว ปล่อยให้พักผ่อนที่จวนให้เพียงพอ ทว่าช่วงเวลาหยุดพักนี้ไม่ได้ถูกกำหนด หากฮ่องเต้ไม่บอกก็เท่ากับพักได้อย่างไม่มีกำหนด แน่นอนว่าหนานกงมั่วและเว่ยจวินมั่วต่างก็เข้าใจความคิดของเซียวเชียนเยี่ยดี พวกเขาไม่ได้เดินเส้นทางเดียวกับเซียวเชียนเยี่ย ตอนนี้เซียวเชียนเยี่ยกำลังยุ่งอยู่กับการต่อสู้ลับๆ กับเซียวฉุนอยู่ ย่อมไม่ต้องการให้เว่ยจวินมั่วเข้าไปแทรกแซง นอกจากนี้ถึงแม้ว่าเรื่องในหลิงโจวก่อนหน้านี้จะถูกนำออกมาพูดให้ภายนอกรู้ แต่ในจินหลิงมีใครบ้างที่สืบข่าวไม่เก่ง ตอนที่เขาอยู่ที่หลิงโจว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปราบกบฏหรือบรรเทาภัยพิบัติของเว่ยซื่อจื่อก็น่าทึ่งพอกัน ซึ่งความสำเร็จในการควบคุมหลิงโจวทั้งหมดนั้นแทบจะอยู่ในมือเขาผู้เดียว สามารถปราบกลุ่มกบฏและควบคุมโรคระบาดไว้ได้ หากไม่ได้รับรางวัลก็ไม่รู้จะเอ่ยอย่างไร ทว่าเซียวเชียนเยี่ยไม่มีทางยอมให้เว่ยจวินมั่วมีอำนาจมากไปกว่านี้แล้ว

ประโยคเดียวสั้นๆ ก็คือ เว่ยซื่อจื่อถูกทิ้งเสียแล้ว

เว่ยจวินมั่วไม่ได้สนใจเรื่องนี้ แม้ว่าเขาจะดำรงตำแหน่งราชการขั้นสอง แต่ก็ถือว่าได้รับการเลื่อนตำแหน่งเร็วมาก เขาเคยเข้าเฝ้าจริงๆ จังๆ เพียงไม่กี่ครั้ง เรื่องประเภทที่ต้องตื่นเช้าไปยืนฟังกลุ่มคนที่พูดเรื่องอันใดไม่รู้ทุกวันเขาย่อมไม่นึกสนใจแม้แต่น้อย เขาอยู่เรือนกับชายาเสียดีกว่า มองดูสถานการณ์ในจินหลิงยามนี้แล้ว อยู่มุมมืดนั้นสะดวกกว่าที่สว่างเป็นไหนๆ มิใช่หรือ

ณ ศาลาริมน้ำในจวนเยี่ยนอ๋อง เว่ยจวินมั่วและเซียวเชียนชื่อนั่งเล่นหมากล้อมอยู่ตรงข้ามกัน หนานกงมั่วที่นั่งอยู่ด้านข้างก็อ่านหนังสืออย่างสบายใจ เซียวเชียนเหว่ยนั่งดูหมากล้อมอยู่อีกด้านหนึ่ง ส่วนเซียวเชียนจย่งนั้น…เมื่อวานเพิ่งถูกผู้ส่งสารของเยี่ยนอ๋องให้รางวัลด้วยไม้ไผ่ไปยกหนึ่ง ตอนนี้จึงยังนอนคร่ำครวญอยู่บนเตียง

“ท่านพี่ คิดว่าตอนนี้ฝ่าบาทกำลังทำสิ่งใด” วางหมากลงแล้ว เซียวเชียนชื่ออดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “อีกไม่นานก็จะสิบห้าค่ำแล้ว พระศพของเสด็จปู่ก็ถูกฝังเรียบร้อยแล้ว แต่ฝ่าบาทก็ยังไม่อนุญาตให้พวกเรากลับเสียที” หลังจากเคลื่อนพระศพของฮ่องเต้องค์ก่อนแล้วก็มีผู้สืบทอดยื่นหนังสือขอทูลลากลับเมืองแล้ว ทว่าเซียวเชียนเยี่ยอ้างว่าเหล่าพี่น้องไม่ได้พบหน้ากันมานานหลายปีจึงควรอยู่ใกล้ชิดสนิทสนมกันเอาไว้ ทุกคนต่างแอบถอนหายใจ ฮ่องเต้ใช้เวลาทั้งวันในราชวังไปกับการต่อสู้กับเซียวฉุนอย่างสนุกสนาน มีเวลามาเชื่อมความสัมพันธ์กับผู้สืบทอดเหล่านี้เสียที่ไหน เผลอๆ แทบไม่ได้เห็นหน้ากันสามวันห้าวันเสียด้วยซ้ำ

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

Status: Ongoing

นิยายรักย้อนยุค ว่าด้วยการแก้แค้นของหมอหญิงมือสังหาร และแต่งงานกับบุรุษสุดประหลาด!

เมื่อมารดาสิ้นใจและตนถูกไล่ให้มาอยู่หมู่บ้านบรรพบุรุษ เพราะความลำบากและคับแค้นใจจึงทำให้ หนานกงชิง คุณหนูคนโตแห่งตระกูลหนานกงจากโลกนี้ไป

ร่างของนางกลับถูกแทนที่ด้วยวิญญาณของ หนานกงมั่ว นักฆ่าสาวมือฉกาจแห่งเอเชีย เมื่อได้รับชีวิตใหม่หนานกงมั่วก็ได้กราบอาจารย์ เรียนวิชาแพทย์ ใช้ชีวิตอิสระเสรีตามที่ตนหวัง พร้อมรับใบสั่งสังหารคนบ้างเป็นครั้งคราว… จนเมื่อราชโองการพระราชทานสมรสมาถึงชีวิตของนางก็ถึงคราวพลิกผัน!

เล่าลือกันว่าจวิ้นอ๋องว่าที่สามีของนาง เว่ยจวินมั่ว แม้จะมียศสูงศักดิ์แต่เพราะดวงตาแปลกประหลาดสีม่วงและการคลอดก่อนกำหนดทำให้ชาติกำเนิดของเขาตกเป็นขี้ปากคนไปทั่ว อาจเพราะแบบนี้การสมรสนี้จึงตกมาถึงตัวนาง แม้คนทั่วไปไม่ยินดีแต่นางดูๆ แล้วกลับคิดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท