ตอนที่ 503 คลื่นใต้น้ำ (2)
นับตั้งแต่เว่ยจวินมั่วสามารถแก้ปัญหาของเซียวเชียนจย่งได้อย่างง่ายดาย เซียวเชียนชื่อก็รู้สึกนับถือพี่ชายผู้นี้มากขึ้น หากมีเรื่องสงสัยในใจก็เต็มใจจะเอ่ยถาม แม้ว่าพี่ชายผู้นี้จะดูเย็นชาอยู่บ้าง แต่เซียวเชียนชื่อรู้สึกสบายใจเมื่ออยู่กับเขามากกว่าน้องชายทั้งสอง เซียวเชียนเหว่ยได้ยินคำถามของเซียวเชียนชื่อ จึงละสายตาจากกระดานไปมองหน้าเว่ยจวินมั่วแทน
เว่ยจวินมั่วจับตัวหมากแล้วจึงเอ่ยเบาๆ “ไม่ต้องกังวล เขาเพียงรู้สึกกังวลใจเช่นเดียวกับเซียวฉุนเท่านั้นเอง”
เซียวเชียนชื่อรู้สึกโล่งอก ถอนหายใจพลางเอ่ย “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ข้านึกว่า…” นึกว่าเซียวเชียนเยี่ยต้องการจับคนเหล่านี้ไว้เป็นตัวประกันในจินหลิงเสียอีก
“ยามนี้ยังไม่ต้องกังวลเรื่องนี้” เว่ยจวินมั่วเดินหมากแล้วเอ่ยอย่างใจเย็น เซียวเชียนเยี่ยสู้กับเซียวฉุนตอนนี้นับว่าสายเกินไปแล้ว ตอนนี้เขาจะทำอันใดเสด็จปู่รองและผู้ปกครองเมืองเหล่านี้ได้ แต่หากรอถึงตอนที่จัดการเซียวฉุนได้ก็อาจไม่จำเป็นแล้ว เว่ยจวินมั่วเงยหน้าขึ้นมองพวกเขา เอ่ยว่า “หากผ่านไปอีกเดือน แล้วยังไม่ยอมปล่อยพวกเจ้าไปก็ให้เสด็จลุงส่งจดหมายมารายงานฮ่องเต้ว่าพระชายาเยี่ยนอ๋องป่วยหนัก”
เซียวเชียนชื่อตะลึง เอ่ย “ท่านพี่หมายความว่า…พวกเขาจะตัดสินแพ้ชนะได้ภายในเดือนเดียวหรือ ท่านพี่คิดว่าจะเป็นฝ่ายใดขอรับ”
“เจ้าลองทายดูสิ” เว่ยจวินมั่วเอ่ย
เซียวเชียนชื่อขมวดคิ้ว เอ่ยตอบ“เสด็จปู่รองใช่หรือไม่ เขาต้องมีความลับของเซียวเชียนเยี่ยอยู่ในมือ ไม่เช่นนั้นคนที่ไม่สนใจราชสำนักมากว่ายี่สิบปีอยู่ๆ จะกลายเป็นผู้สำเร็จราชการแทนได้เยี่ยงไร เซียวเชียนเยี่ยเพิ่งขึ้นครองราชย์คงไม่คิดหวังให้ใครชี้นิ้วสั่งเขาหรอก ย่อมเป็นเหตุให้เขาหวาดกลัว”
เว่ยจวินมั่วพยักหน้า เอ่ย “เจ้าลืมไปอย่างหนึ่ง”
“อันใดหรือขอรับ” เซียวเชียนชื่อขมวดคิ้ว พยายามนึกถึงสิ่งที่เขาพลาดไป
เว่ยจวินมั่วเดินหมากตัวหนึ่งและสามารถเอาชนะเซียวเชียนชื่อได้ทั้งกระดาน “เซียวเชียนเยี่ยต่างหากที่เป็นฮ่องเต้”
เซียวเชียนชื่อไม่เข้าใจอยู่บ้าง เซียวเชียนเหว่ยที่อยู่ด้านข้างก็รู้สึกงุนงงเช่นกัน
ทางด้านข้าง หนานกงมั่วยิ้มร่า เอ่ยเบาๆ “ไม่ว่าเซียวฉุนจะเตรียมพร้อมมากมายเพียงใดหรือมีพลังอำนาจแข็งแกร่งกว่านี้ ถึงท้ายที่สุดแล้วผู้ชนะก็ยังเป็นเซียวเชียนเยี่ยอยู่วันยังค่ำ เขาเป็นฮ่องเต้ที่ถูกต้องตามหลักทำนองคลองธรรม แม้ว่าตอนนี้จะเป็นเพียงหุ่นเชิด แต่เวลาเซียวฉุนต้องการประกาศคำสั่งใดออกมาหรือต้องการมอบตำแหน่งราชการให้ใครก็ยังต้องผ่านเขาอยู่ดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไยเขาจึงไม่ทำเองเล่า ยิ่งไปกว่านั้นเซียวฉุนมีอำนาจมากจริงหรือ ที่แห่งนี้คือจินหลิง ไยมังกรผู้แข็งแกร่งถึงไม่อาจสยบงูพิษได้เล่า การเลือกเซียวเชียนเยี่ยเท่ากับเซียวฉุนเดินหมากผิดตั้งแต่แรกแล้ว”
น่าเสียดายที่เซียวฉุนไม่มีสิทธิเลือก เพราะไพ่ในมือของเขาช่างแย่เสียเหลือเกิน ที่เดินมาถึงวันนี้ได้ก็มิใช่เพราะมีพลังอำนาจมากหรือมีกองกำลังเกรียงไกรในมือ แล้วก็มิใช่เพราะฉลาดหรือคาดเดาได้ยาก ทว่าเป็นเพราะเขาจู่โจมฉับพลันเมื่ออีกฝ่ายเผลอต่างหาก เซียวฉุนคงไม่เข้าใจ เขาใช้เวลายี่สิบปีในการคิดหาวิธีการปลงพระชนม์ฮ่องเต้พระองค์ก่อน ทว่าไม่ได้คิดว่าจะครอบครองอาณาจักรนี้อย่างไร ดังนั้นเขาจึงสังหารฮ่องเต้พระองค์ก่อนและรัชทายาทได้สำเร็จ ทว่าเรื่องต่อจากนั้นกลับไร้ประสิทธิภาพโดยสิ้นเชิง
“แล้วเซียวฉุนควรไปทางไหนถึงจะถูกขอรับ” เซียวเชียนเหว่ยถามอย่างสงสัย
หนานกงมั่วเหลือบมองเซียวเชียนเหว่ยด้วยรอยยิ้ม เอ่ย “ไม่ว่าจะไปทางไหนก็ไม่ถูก เพราะผิดมาตั้งแต่ต้น มิใช่ว่าเขาไม่รู้ถึงข้อเสียของการเลือกเซียวเชียนเยี่ย แต่เขามีเพียงทางเลือกนี้ข้อเดียว ไม่สิ ทนทุกข์ทรมานเป็นผิงชวนจวิ้นอ๋องในมุมมืดไปตลอดชีวิตก็อาจมีชีวิตที่ดีกว่า” กำลังทหารเกือบทั้งหมดในอาณาจักรเซี่ยที่ยิ่งใหญ่ล้วนอยู่ในมือของฮ่องเต้พระองค์ก่อนและเหล่าชินอ๋อง จวิ้นอ๋องอย่างเซียวฉุนไม่มีอำนาจทางทหาร อีกทั้งผู้ปกครองเมืองส่วนใหญ่ที่มีกำลังทหารในมือนั้นก็ไม่ได้อายุน้อยกว่าเซียวฉุนมากนัก มีความสามารถไม่เป็นรองเซียวฉุน หากเซียวฉุนอยากลองดีกับพวกเขา สุดท้ายแล้วก็ไม่แน่ว่าใครจะได้ลองดี อีกทั้งฮ่องเต้พระองค์ก่อนเองก็เป็นจักรพรรดิที่แข็งแกร่งและเลือดเย็น กว่าเซียวฉุนจะยัดคนเข้าตำแหน่งสำคัญๆ บางตำแหน่งได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว ยื่นมือเข้ามายุ่งเกี่ยวในราชสำนักยิ่งทำได้ยากขึ้นไปอีก เหตุผลที่สำเร็จได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวก็เพราะเขาไม่เคยใช้ประโยชน์จากคนเหล่านี้มาก่อน ไม่เช่นนั้นคงถูกฮ่องเต้พระองค์ก่อนจับได้นานแล้ว อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้หนานกงมั่วประหลาดใจมากที่สุดคือเซียวฉุนทำอย่างไรให้ผู้บัญชาการทหารรักษาพระองค์ของฮ่องเต้พระองค์ก่อนทรยศได้ ถึงตอนนี้นางก็ยังคิดเรื่องนี้ไม่ออก
เซียวเชียนเหว่ยขมวดคิ้วแล้วจึงเอ่ย “หากเป็นเช่นนั้น ผู้สำเร็จราชการเดินหมากผิดขั้นร้ายแรงเลยไม่ใช่หรือขอรับ”
“ใช่แล้ว” หนานกงมั่วเอ่ยตอบ เซียวฉุนไม่ฆ่าเซียวเชียนเยี่ยตอนนี้ก็มีแต่รอให้เซียวเชียนเยี่ยโต้กลับในสักวัน หากฆ่าเซียวเชียนเยี่ยตอนนี้ สิ่งที่เขาต้องเผชิญก็คือกองทัพต่อต้านของบรรดาผู้ปกครองเมืองทั่วทุกแห่ง นอกจากนี้เซียวฉุนก็แก่เกินไปและไม่มีผู้สืบทอดที่โดดเด่นเหนือใคร ต่อให้มีพวกไร้จุดยืนที่ต้องการเดินตามเขาก็ยังต้องคิดให้รอบคอบ
“ตอนนี้ดูเหมือนว่าเอ้อกั๋วกง ฉู่กั๋วกง เกาอี้ปั๋ว รวมถึงขุนนางพลเรือนส่วนใหญ่ในราชสำนักก็ยืนข้างฮ่องเต้กันหมด ส่วนจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องยังไม่แน่นอนนัก… เซียวฉุนคงคิดว่าความลับเล็กน้อยเพียงเท่านั้นจะสามารถควบคุมเซียวเชียนเยี่ยไปได้ตลอดชีวิตกระมัง” หนานกงมั่วเลิกคิ้วขึ้น
ใบหน้าของเซียวเชียนเหว่ยปรากฏความสงสัย “ความลับหรือ พี่สะใภ้รู้หรือขอรับ”
หนานกงมั่วเหลือบมองเขาด้วยรอยยิ้มแล้วไม่เอ่ยสิ่งใด เซียวเชียนเหว่ยเองก็รู้ตัวจึงไม่เอ่ยถามต่อ หันกลับไปมองกระดานหมากล้อมอีกครั้ง เซียวเชียนชื่อถูกเว่ยจวินมั่วรุกจนพ่ายแพ้ติดต่อกัน ฤดูหนาวเช่นนี้ยังไม่สามารถห้ามเหงื่อที่ขับออกมาบนหน้าผากได้ หลังจากกัดฟันและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็ต้องยอมรับความพ่ายแพ้จนได้ เว่ยจวินมั่วขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ไม่ได้เอ่ยอันใด เอื้อมมือออกไปหยิบหมากรุกกลับมาเก็บเข้ากล่องข้างมือ เห็นได้ชัดว่าเซียวเชียนชื่อไม่มีอารมณ์เล่นหมากล้อมอีกต่อไปแล้ว “ท่านพี่ พวกเราควรเขียนจดหมายถึงเสด็จพ่อตอนนี้เลยหรือไม่ขอรับ”
“อย่าเพิ่งเอ่ยมากไป เสด็จลุงย่อมจะเข้าใจเองเมื่อถึงเวลา ส่งจดหมายไปใช่ว่าจะปลอดภัย” อย่างน้อยเรื่องของวังจื่อเซียวที่อยู่ในมือของเขาก็ไม่ใช่ความลับสำหรับเซียวเชียนเยี่ยหรือเซียวฉุนแล้ว ดังนั้นแม้ว่าจะให้คนของวังจื่อเซียวส่งจดหมายก็รับประกันไม่ได้ว่าจะราบรื่น
เซียวเชียนชื่อพยักหน้า “ขอบคุณท่านพี่ที่แนะนำขอรับ”
“เรียนซื่อจื่อ คุณชายฉังเฟิงมาที่นี่ขอรับ” องครักษ์ด้านนอกประตูเอ่ยรายงาน
“ลิ่นฉังเฟิงหรือ” เว่ยจวินมั่วเลิกคิ้ว “ให้เขาเข้ามา”
เซียวเชียนชื่อและเซียวเชียนเหว่ยลุกขึ้นขอตัวออกไปอย่างรู้มารยาท ไม่นานคุณชายฉังเฟิงก็ค่อย ๆ เดินเข้ามา เมื่อเห็นห้องอันอบอุ่นที่ไร้ซึ่งลมหนาวอยู่ตรงหน้าเขา พลันคุณชายฉังเฟิงก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมา “ข้าอุตส่าห์เดินทางฝ่าลมหนาวข้างนอกมา พวกเจ้ากลับนั่งกันสบายใจทีเดียว” หนานกงมั่วอมยิ้ม สั่งให้คนไปนำชามาพลางเอ่ยตอบ “ลำบากคุณชายฉังเฟิงแย่ นั่งลงดื่มชาก่อนเถิด”
ลิ่นฉังเฟิงถอนหายใจเบาๆ “ค่อยดีหน่อย”
เว่ยจวินมั่วเอ่ยกับหนานกงมั่วว่า “ไม่ต้องสนใจเขาหรอก เขาเองก็สนุกเหมือนกัน”
หนานกงมั่วยิ้มร่า เอ่ยว่า “คุณชายฉังเฟิงอุตส่าห์ร้อนใจรีบมาเอาความดีความชอบ เราก็ไม่ควรทำเขาเสียหน้ามิใช่หรือ”
คุณชายฉังเฟิงกัดฟัน สามีภรรยาคู่นี้ช่างเป็นคนดีนัก!
ลิ่นฉังเฟิงถอนหายใจแล้วจึงเอ่ย “หลายวันมานี้พวกเจ้าเอาแต่พักผ่อน ไม่รู้หรือว่าข้างนอกโกลาหลพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือหมดแล้ว”
เฟิงเหอยกชาเข้ามาแล้ววางลงตรงหน้าลิ่นฉังเฟิง ลิ่นฉังเฟิงโบกมือให้นางถอยออกไป เอ่ยอย่างจริงจัง “ปีใหม่นี้ช่างวิเศษจริงๆ แต่น่าเสียดายที่เจ้าสองคน…ช่างเถอะ ต้องแยกห่างกันชั่วคราวจึงรักใคร่กันกว่าเดิม ข้าเข้าใจแล้ว” หนานกงมั่วถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “มีเรื่องสนุกอันใดหรือ พวกเรารอฟังอยู่”