ตอนที่ 506 ลูกสาวตัวดี (2)
หนานกงมั่วเอ่ย “เพราะเหตุใดหรือ”
เฉียวเย่ว์อู่หัวเราะแล้วจึงเอ่ย “ก็เพราะว่าท่านแม่ของข้าตั้งครรภ์เจ้าค่ะ”
“เย่ว์อู่” เฉียวเฟยเยียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แหลมสูงและตื่นตระหนก สีหน้าอ่อนโยนกลับกลายเป็นดุร้ายและร้อนรน
เฉียวเย่ว์อู่หันกลับไปมองมารดาของตนด้วยสีหน้าไร้เดียงสา “ท่านแม่ ไยจึงต้องตะโกนเสียงดังด้วย ระวังน้องตกใจนะเจ้าคะ”
“น้องอันใดกัน ไม่มี” เฉียวเฟยเยียนเอ่ย
เฉียวเย่ว์อู่กะพริบตา เอ่ย “ไม่มีหรือ จะไม่มีได้เช่นไรเจ้าคะ ข้าได้ยินท่านแม่เอ่ยกับท่านลุงหนานกง บอกว่าท่านตั้งครรภ์ได้สามเดือนแล้ว หากไม่แต่งงาน น้องก็จะกลายเป็นเด็กที่ไม่มีพ่อเหมือนข้ากับพี่ใหญ่” เบิกตากว้างมองบุตรีตรงหน้า เฉียวเฟยเยียนอยากจะสลบไปให้รู้แล้วรู้รอด “เจ้า…เจ้า…”
“องครักษ์ พาคุณหนูกลับ” เฉียวเชียนหนิงประคองเฉียวเฟยเยียน เอ่ยสั่งด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
เฉียวเย่ว์อู่จ้องมองคนที่จะเดินเข้ามาจับตัวเองตาเขม็ง แล้ววิ่งไปหลบหลังหนานกงมั่วอย่างชาญฉลาด “พี่ใหญ่ ท่านทำอันใด ท่านแม่มีน้อง เราไม่ควรดีใจหรือเจ้าคะ ข้าบอกกับพี่สาว เพื่อให้นางดีใจกับเราไงเจ้าคะ หากพี่สาวรู้ว่ามีน้อง ก็จะไม่ขัดขวางงานแต่งของท่านลุงหนานกงกับท่านแม่ พี่สาว ใช่หรือไม่เจ้าคะ”
หนานกงมั่วมองเฉียวเย่ว์อู่ด้วยความสนใจ เอ่ยอย่างเรียบเฉย “ถึงแม้ข้าไม่ขัดขวาง ท่านแม่ของเจ้าอยากเข้ามาในจวนฉู่กั๋วกง ยังต้องใช้เวลาเป็นสิบเดือน ถึงตอนนั้น…น้องชายของเจ้าก็คงจะครบเดือนแล้ว ใช่หรือไม่เฉียวฮูหยิน”
เฉียวเฟยเยียนหน้าซีด เดิมทีพวกนางไม่ได้จะเผยแพร่เรื่องนี้ แค่จัดงานแต่งเองที่เรือน จากนั้นก็เขียนชื่อพวกนางสามแม่ลูกลงบนบันทึกประจำตระกูลก็พอแล้ว แต่ตอนนี้เฉียวเย่ว์อู่เอะอะโวยวายเช่นนี้ ถึงแม้จะไม่จัดงานอันใด เพียงเขียนชื่อลงบนบันทึกประจำตระกูล ก็ต้องรอเป็นสิบเดือน ถึงตอนนั้นคง…
“จวิ้นจู่อย่าฟังนางเอ่ยเหลวไหลเลยเจ้าค่ะ ข้า…ข้าไม่ได้…”
หนานกงมั่วเลิกคิ้ว ยิ้มแล้วจึงเอ่ย “เฉียวฮูหยินอยากจะบอกว่า ท่านไม่ได้ตั้งครรภ์เช่นนั้นหรือ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าคงจับชีพจรท่านดูได้ใช่หรือไม่”
เฉียวเฟยเยียนจะกล้าให้นางจับชีพจรตัวเองได้เช่นไร จึงไม่เอ่ยตอบอันใด ดูเหมือนเฉียวเย่ว์อู่จะไม่ยอมปล่อยนางไป ปรบมืออย่างพออกพอใจแล้วจึงเอ่ย “ใช่ๆๆ ให้พี่สาวช่วยตรวจให้ท่านแม่ ได้ยินมาว่าฝีมือรักษาโรคของพี่สาวไม่เลวเลยทีเดียว”
“หุบปาก ยังไม่พาคุณหนูกลับไปอีก” เฉียวเชียนหนิงเอ่ยเสียงดัง
บ่าวรับใช้สองสามคนไม่กล้ารอช้าอีก รีบเดินเข้าไปจับเฉียวเย่ว์อู่ นางไม่ได้ขัดขืน กลับมองเฉียวเชียนหนิงอยู่นาน เอ่ย “พี่ใหญ่ หากท่านได้เป็นผู้สืบทอดฉู่กั๋วกง ท่านคงจะดีใจมากใช่หรือไม่ พวกท่านล้วนแต่มีความสุข แต่…แต่พวกท่านเคยคิดถึงข้าหรือไม่ เพื่อความสุขของพวกท่านแล้ว ข้าต้องเสียสิ่งใดไปบ้าง ในเมื่อข้าเจ็บปวดเช่นนี้ เช่นนั้นทุกคนก็ตายไปด้วยกันเถิด”
“พอได้แล้ว เอ่ยเหลวไหลอันใด” เฉียวเชียนหนิงเอ่ย เขาเหลือบมองหนานกงมั่วที่อยู่ด้านข้าง เอ่ยว่า “ช่วงนี้น้องสาวข้าสมองไม่ค่อยดี จวิ้นจู่โปรดอย่าถือสาขอรับ”
หนานกงมั่วยิ้มบางๆ เอ่ย “ข้าคิดว่า…สมองมองของนางนับว่าดีไม่น้อย แล้วยังเอ่ยได้ว่าไม่เลว”
สายตาของเฉียวเชียนหนิงจมลึกลง เขามองหนานกงมั่วเงียบๆ หนานกงมั่วไม่ใส่ใจ เดินผ่านเฉียวเชียนหนิงไปช้าๆ “หึๆ สิ่งใดทำให้เจ้าคิดว่าตนมีคุณสมบัติพอจะยึดตำแหน่งของพี่ใหญ่ได้ ถึงแม้เขาไม่ต้องการ มันก็ไม่มีทางเป็นของเจ้า”
มองดูแผ่นหลังของหนานกงมั่วที่เดินออกไปไกลๆ แล้ว สีหน้าของเฉียวเชียนหนิงก็มืดมนขึ้นเรื่อยๆ
“เชียนหนิง…” เฉียวเฟยเยียนน้ำตาคลอเบ้ามองลูกชายตัวเอง เฉียวเชียนหนิงก้มหน้าลงแล้วเอ่ยกระซิบ “ท่านแม่ไม่ต้องห่วง เรื่องเหล่านี้ ท่าน…พ่อ จะจัดการเองขอรับ” เฉียวเฟยเยียนพยักหน้าแล้วเอ่ยทั้งน้ำตา “แม่ไม่รู้…ว่าอู่เอ๋อร์เกลียดแม่มากเพียงนี้…” เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น เฉียวเฟยเยียนจะมองไม่ออกได้เช่นไรว่าเฉียวเย่ว์อู่ตั้งใจ บุตรีทำเช่นนี้กับตน เป็นใครก็ต้องเสียใจ
“อู่เอ๋อร์เพียง…คิดไม่ได้ขอรับ…” เฉียวเชียนหนิงไม่รู้ว่าจะปลอบใจท่านแม่เช่นไร จึงเอ่ยตะกุกตะกัก
“ล้วนแต่เป็นเพราะหนานกงซู!” เฉียวเฟยเยียนกัดฟัน หากมิใช่เพราะหนานกงซู ความสัมพันธ์ของพวกนางสองแม่ลูกจะเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร หากมิใช่เพราะหนานกงซูทำร้ายอู่เอ๋อร์… หญิงใจดำอำมหิต แต่เฉียวเฟยเยียนที่เอาแต่เคียดแค้นกลับลืมไปว่า เมื่อเทียบกับเฉียวเย่ว์อู่ ลูกที่หนานกงซูสูญเสียไปนั้นไร้เดียงสากว่าเสียอีก
เฉียวเชียนหนิงเตือนเฉียวเฟยเยียนเบาๆ “ท่านแม่ ยามนี้หนานกงซูเป็นกุ้ยเฟยในวังหลวง เราทำอันใดนางไม่ได้ขอรับ”
“ข้ารู้” เฉียวเฟยเยียนพยักหน้าแล้วจึงเอ่ย “หญิงที่ให้กำเนิดลูกไม่ได้…ข้าอยากรู้นักว่าฝ่าบาทจะทนนางได้นานเพียงใด วันหนึ่ง…วันหนึ่งข้าจะแก้แค้นให้อู่เอ๋อร์ด้วยตัวเอง”
“คุณหนู เฉียวเย่ว์อู่จะทำอันใดหรือเจ้าคะ” ระหว่างเดินอยู่บนถนน จือซูอดเอ่ยถามไม่ได้ เดิมทีพวกนางคิดว่าเฉียวเย่ว์อู่จะมาหาเรื่องคุณหนู ทว่านอกจากเอ่ยวาจาแปลกๆ ก็ไม่ทำอันใด ส่วนคำพูดเหล่านั้น ก็ล้วนแล้วแต่ทำอันใดคุณหนูไม่ได้ แต่เฉียวเฟยเยียนกลับมีท่าทีอับอาย ถูกลูกสาวตัวเองทำเช่นนั้นก็เพราะว่าบาปกรรม
หนานกงมั่วหันกลับมายิ้มแล้วเอ่ย “มองไม่ออกหรือ เฉียวเย่ว์อู่กำลังแก้แค้นเฉียวเฟยเยียน”
“แก้แค้นหรือ เฉียวเฟยเยียนมิใช่มารดาผู้ให้กำเนิดเฉียวเย่ว์อู่หรือเจ้าคะ แล้วอีกอย่างเฉียวเฟยเยียนก็ดีกับบุตรีไม่น้อยเลย” หมิงฉินเอ่ยบ้าง
หนานกงมั่วเอ่ยตอบ “เฉียวเย่ว์อู่และหนานกงซูไม่ได้เป็นศัตรูคู่แค้นกัน ที่ทำให้หนานกงซูสูญเสียลูกไปนั้นเพื่อใคร ต่อมาเฉียวเย่ว์อู่ช่วยนางไว้ไม่ทันจึงถูกหนานกงซูทำร้าย ยามนี้นางทำอันใดหนานกงซูไม่ได้ นางจะไม่แค้นคนที่เป็นต้นเหตุได้เช่นไร”
“แม่ลูกแท้ๆ เป็นเช่นนี้ช่างน่าสงสารเจ้าค่ะ” หมิงฉินถอนหายใจ
หนานกงมั่วเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “เจ้าไม่ต้องห่วง หญิงที่ดูอ่อนแออย่างเฉียวเฟยเยียน ที่จริงแล้วนางแข็งแกร่งจะตาย เรื่องแค่นี้ทำอันใดนางไม่ได้หรอก เกรงว่าตอนนี้นางคงกำลังคิดว่าจะแก้แค้นหนานกงซูเช่นไร”
หมิงฉินส่ายหน้า “ยุ่งเหยิงจริงๆ โชคดีที่พวกเราออกมาแล้วเจ้าค่ะ”
จือซูก็พยักหน้าแล้วจึงเอ่ย “ถูกต้อง โชคดีที่ตอนนั้นพวกเราออกมากับคุณหนู แต่ว่าสงสารคุณชายใหญ่นะเจ้าคะ คิดไม่ถึงว่านายท่านจะโหดเหี้ยมเช่นนี้” จะให้ลูกชายของเฉียวเฟยเยียนมาสืบทอดตำแหน่งบรรดาศักดิ์ วางแผนทำให้เฉียวเชียนหนิงเป็นลูกชายนอกสมรสของนายท่าน แต่ให้ลูกชายนอกสมรสมาเหยียบหัวลูกชายของชายาเอกเช่นนี้ คิดไม่ถึงว่าฉู่กั๋วกงที่มีชื่อเสียงจะเป็นคนเช่นนี้ หนานกงมั่วไม่สนใจ หนานกงไหวเป็นคนเช่นไรไม่เกี่ยวกับนาง อย่างมากก็แค่เหยียบย่ำหนานกงไหวตอนที่เขาซวย หากหนานกงไหวไม่มาหาเรื่องนาง นางก็ขี้เกียจจะรับมือกับเขา
จวนฉู่กั๋วกงเกิดวุ่นวายขึ้นเพราะสิ่งที่เฉียวเย่ว์อู่ทำบนถนน เฉียวเฟยเยียนร่ำไห้อยู่ในอ้อมแขนของหนานกงไหว เฉียวเชียนหนิงยืนเงียบอยู่ข้างๆ ทว่าเฉียวเย่ว์อู่กลับดูสงบที่สุด นั่งมองเฉียวเฟยเยียนตั้งแต่หัวจรดเท้าอยู่ข้างๆ อย่างเฉยเมย สีหน้าของนางราวกับกำลังดูนักแสดงที่ทำการแสดงบนเวที มองดูเฉียวเฟยเยียนที่เอาแต่ร้องไห้