หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1 – ตอนที่ 510 ความลับในกล่องไม้จันทน์สีเขียว (1)

ตอนที่ 510 ความลับในกล่องไม้จันทน์สีเขียว (1)

ตอนที่ 510 ความลับในกล่องไม้จันทน์สีเขียว (1)

เซียวเชียนเยี่ยตกใจ เอ่ย “เหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหัน ศิษย์เองก็…ยามนี้มีท่านอาจารย์กลับมาช่วยเหลือ เราโล่งใจขึ้นไม่น้อย สำหรับเรื่องของผู้สำเร็จราชการแทน… อาจารย์ไม่ต้องห่วง ในเมื่อเสด็จปู่มอบประเทศชาติให้เราเป็นผู้ดูแล เราไม่มีทางให้อำนาจราชวงศ์ตกไปอยู่ในมือของผู้อื่น”

ทุกคนพยักหน้าชื่นชมฮ่องเต้

หันหมิ่นยิ้มแล้วเอ่ย “ฝ่าบาทไม่ต้องกังวลพ่ะย่ะค่ะ แม้กระหม่อมจะออกไปจากเมืองหลวงหลายปี แต่ก็ยังมีลูกศิษย์และสหายเก่าในเมืองจินหลิง ไม่มีทางปล่อยให้เซียวฉุนประสบความสำเร็จแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”

เซียวเชียนเยี่ยรีบขอบคุณพวกเขา อิทธิพลของเหล่าอาจารย์ผู้เฒ่า ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเขาแล้ว เพียงลากออกมาคนหนึ่งก็มีลูกศิษย์เต็มบ้านเต็มเมือง ด้วยเหตุนี้ เรื่องแรกที่เขาทำหลังจากขึ้นครองบัลลังก์ก็คือการเรียกพวกเขากลับมา

ในห้องทรงอักษร ขุนนางและฮ่องเต้พูดคุยกันอย่างมีความสุข ที่จวนผู้สำเร็จราชการแทนนอกวังหลวง เซียวฉุนเองก็รู้ข่าวเรื่องนี้แล้ว เขาไล่องครักษ์ออกไป เซียวฉุนหันไปมองทางวังหลวงแล้วหัวเราะเย้ยหยันด้วยสีหน้าทะมึน

“ท่านอ๋อง เรื่องนี้…ย่อมจะส่งผลไม่ดีนักต่อท่านอ๋อง” ในห้องหนังสือ จูชูอวี้เอ่ยเบาๆ

เซียวฉุนหัวเราะหยัน “ชายเฒ่าเหล่านั้นจะทำอันใดได้”

“คนเหล่านั้นอายุเยอะก็จริง แต่ขุนนางนักปราชญ์ในราชสำนัก ล้วนแต่มีความสัมพันธ์กับพวกเขา ในราชสำนัก…เกรงว่าท่านอ๋องจะเอ่ยอันใดไม่ได้เจ้าค่ะ”

เซียวฉุนเอ่ย “เจ้าคิดว่า ตอนนี้ข้ากับเซียวเชียนเยี่ยยังต้องต่อสู้กันในราชสำนักเช่นนั้นหรือ”

จูชูอวี้ขมวดคิ้ว “หรือว่าท่านอ๋องจะ… “

“เขาบังคับข้าเอง” เซียวฉุนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ในเมื่อเซียวเชียนเยี่ยอยากจะต่อสู้กับข้าเพียงนี้ เช่นนั้นทุกคนก็ตัดขาดกันเสียเถิด”

“…ท่านอ๋องทำเช่นนี้ เพื่ออันใดเจ้าคะ”

เซียวฉุนยิ้มอย่างเหิมเกริม “หรือข้ายังจะทำอย่างอื่นได้อีกเช่นนั้นหรือ ไม่ว่าอย่างไร..ไม่ว่าทำสิ่งใดบัลลังก์ก็ไม่มีวันเป็นของข้า”

ในเดือนแรกของปีใหม่ ดูเหมือนทุกอย่างจะสงบสุข แต่คนที่อ่อนไหวมักจะมีลางสังหรณ์ว่าจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น และแล้วคนที่เย่อหยิ่งก็ยิ่งเย่อหยิ่งมากขึ้น คนที่ถ่อมตนก็ถ่อมตนมากกว่าเดิม

ยามดึก จวนฉู่กั๋วกง

ในห้องหนังสือ หนานกงไหวนั่งครุ่นคิดอยู่หลังโต๊ะหนังสือตามลำพัง มีเสียงฝีเท้าดังอยู่นอกประตูแผ่วเบา จากนั้นก็มีเสียงของเฉียวเฟยเยียนดังขึ้นมา เห็นได้ชัดว่านางจะเข้ามาแต่ถูกองครักษ์หน้าประตูห้ามเอาไว้ หนานกงไหวขมวดคิ้ว เอ่ยเบาๆ “เข้ามาเถิด” ประตูห้องหนังสือถูกเปิดออก เฉียวเฟยเยียนยกชามซุปเดินเข้ามา “ท่านพี่หนานกงเจ้าคะ”

หนานกงไหวเลิกคิ้วขึ้น มองนางแล้วจึงเอ่ยอย่างอ่อนโยน “ดึกเพียงนี้แล้วไยจึงไม่นอนเล่า”

เฉียวเฟยเยียนวางของในมือลงบนโต๊ะ เอ่ยกลั้วหัวเราะเบาๆ “ข้ารู้สึกหิวเล็กน้อย มองมาเห็นห้องหนังสือยังเปิดไฟอยู่ รู้ว่าท่านยังไม่นอน จึงอยากนำอะไรมาให้ท่านทานสักหน่อย ไม่ว่าจะมีเรื่องอันใดก็ต้องดูแลร่างกายให้ดีนะเจ้าคะ” เห็นสายตาที่เป็นห่วงของนาง สีหน้าของหนานกงไหวพลันอบอุ่นขึ้นไม่น้อย ยื่นมือออกไปดึงนางเข้ามา วางมือลงบนหน้าท้องที่ยังเรียบแบนของนาง ยิ้มแล้วจึงเอ่ย “ยามนี้เจ้ามิใช่ตัวคนเดียวแล้ว ต้องดูแลตัวเองให้ดี” เฉียวเฟยเยียนมีสีหน้าเขินอาย เอนตัวอยู่ในอ้อมแขนของหนานกงไหวแล้วเอ่ยเบาๆ “ข้ารู้เจ้าค่ะ ข้าจะดูแลลูกของเราให้ดี ท่านพี่หนานกง ข้า…ไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งข้าจะได้ให้กำเนิดลูกคนต่อไปของท่าน ครั้งนี้…ในที่สุดลูกก็จะได้เติบโตขึ้นมากับท่านพ่อของเขา”

นึกถึงเฉียวเชียนหนิงกับเฉียวเย่ว์อู่ที่ไม่รู้เรื่องราวเมื่อสิบกว่าปีก่อน หนานกงไหวยิ่งรู้สึกผิดมากกว่าเดิม เพียงคิดว่านางต้องตั้งครรภ์ลูกสองคนอยู่ในดินเเดนอันไกลโพ้นคนเดียว เขาก็เกลียดตัวเองที่ตอนนั้นไม่มีอำนาจ แต่กลับลืมไปว่าตอนที่เฉียวเฟยเยียนตั้งครรภ์นั้น นางเป็นพระชายาของหวาหนิงจวิ้นอ๋อง อยู่ในจวนหวาหนิงจวิ้นอ๋องที่สูงส่ง เกรงว่านางคงมีชีวิตที่ดีกว่ายามนี้เสียอีก

“ครั้งนี้ ข้าจะต้องอยู่กับเจ้าและลูก เดิมทีล้วนแต่เป็นความผิดของข้า ข้าทำผิดต่อเจ้าและลูกแล้ว” หนานกงไหวลูบนางแผ่วเบา

เฉียวเฟยเยียนเอ่ย “ไม่ใช่เจ้าค่ะ ข้ารู้ว่าท่านพี่หนานกงไม่มีทางเลือก เป็นข้าที่มีสถานะต่ำต้อยเอง…”

“เหลวไหล” หนานกงไหวเอ่ย “หลังจากสิ้นสุดช่วงไว้ทุกข์ของอดีตฮ่องเต้ ข้าจะแต่งงานกับเจ้าอย่างเป็นทางการ ให้เจ้าเป็นฉู่กั๋วกงฮูหยินที่ถูกต้อง”

“เจ้าค่ะ” เฉียวเฟยเยียนพยักหน้า ดวงตาของนางแดงก่ำ “ข้ารู้สึกมีความสุขเหลือเกิน ไม่คิดไม่ฝันว่าพวกเราจะมีวันนี้…” ช่วงไว้ทุกข์อดีตฮ่องเต้ยังเหลืออีกสิบเดือน เฉียวเฟยเยียนแอบเกลียดที่อดีตฮ่องเต้สวรรคตผิดเวลา แต่ในขณะเดียวกัน นางเองก็รู้ว่าหากอดีตฮ่องเต้ไม่สวรรคต เกรงว่าหนานกงไหวคงจะแต่งงานกับนางไม่ได้ อดีตฮ่องเต้มิใช่เซียวเชียนเยี่ย ไม่จำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากหนานกงไหว บางทีเขาอาจกำลังรอให้หนานกงไหวทำผิด จากนั้นก็ยึดอำนาจและอิทธิพลของเขา

ไม่ไกลจากนอกประตู เฉียวเย่ว์อู่ยืนมองห้องหนังสือที่อยู่ไม่ไกลตรงมุมมืดใต้ชายคา แสงเทียนในห้องหนังสือสะท้อนภาพคนสองคนกำลังอิงแอบปรากฏขึ้นบนหน้าต่าง มองดูแล้วช่างรักกันเสียจริง ไม่ไกลจากประตูห้องหนังสือ มีองครักษ์สองคนยืนอยู่ ทำให้ไม่มีใครเข้าใกล้ได้

ผ่านมาหลายวันแล้ว เฉียวเย่ว์อู่คิดหาวิธีเข้าไปในห้องหนังสือโดยไม่ดึงดูดความสนใจจากคนอื่น ทว่าองครักษ์เฝ้าห้องหนังสือกลับผลัดกันเฝ้าทุกสิบสองชั่วยาม หากไม่ได้รับอนุญาตจากหนานกงไหวใครก็เข้าไปไม่ได้ นึกถึงตอนทานอาหารเย็นที่ได้รับข่าวจากคนของหนานกงชวี่ เฉียวเย่ว์อู่สงบสติอารมณ์ ในเมื่อหนานกงชวี่บอกว่าวันนี้มีโอกาส…เช่นนั้นนางต้องได้สิ่งของที่หนานกงชวี่ต้องการ หลังจากแก้แค้นหนานกงซูได้แล้ว นางก็จะนำตั๋วเงินและโฉนดที่ดินแล้วเดินทางออกไปให้ไกลจากจินหลิง ไปเริ่มต้นใหม่ในที่ที่ไม่มีใครรู้จักนาง

นอกลาน มีเสียงฝีเท้าสับสนวุ่นวายดังขึ้นมา เฉียวเย่ว์อู่กัดฟันแล้วรีบวิ่งตรงไปทางประตูห้องหนังสือ

“ท่านแม่! ท่านแม่!”

องครักษ์หน้าประตูกำลังจะห้ามนาง เฉียวเฟยเยียนที่อยู่ข้างในได้ยินเสียงนางแล้ว จึงรีบออกจากอ้อมแขนของหนานกงไหว แล้วเดินออกมาที่ประตูอย่างรวดเร็ว “อู่เอ๋อร์หรือ”

เห็นเฉียวเฟยเยียนเปิดประตู เฉียวเย่ว์อู่ก็รีบพุ่งเข้าไปอย่างไม่ลังเล จนเกือบชนเฉียวเฟยเยียนล้มลงกับพื้น “โอ๊ย”

หนานกงไหวเดินเข้ามา ยื่นมือออกไปประคองเฉียวเฟยเยียนจะล้มลง เอ่ยอย่างไม่พอใจ “เกิดอันใดขึ้น”

เฉียวเย่ว์อู่ร้องไห้ พุ่งเข้าไปในอ้อมแขนของเฉียวเฟยเยียน “ท่านแม่เจ้าคะ…ฮือๆ…”

เฉียวเฟยเยียน ตกใจอยู่ชั่วครู่ นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นเฉียวเย่ว์อู่ก็ไม่เคยใกล้ชิดกับนางอีกเลย จึงรีบเอ่ยถาม “อู่เอ๋อร์…เจ้าเป็นอันใด”

เฉียวเย่ว์อู่ดึงแขนเสื้อของเฉียวเฟยเยียนแล้วเอ่ยพลางสะอึกสะอื้น “ฮือๆ ท่านแม่เจ้าคะ ข้าฝันร้ายเจ้าค่ะ ข้ากลัว…ฮือๆ…” เฉียวเฟยเยียนลูบหลังบุตรีเบาๆ แล้วจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ฝันอันใด ไม่ต้องกลัวไป ความฝันมิใช่เรื่องจริง” เห็นบุตรีใกล้ชิดกับตัวเองเช่นนี้ เฉียวเฟยเยียนก็ใจอ่อน เพราะนางคือบุตรีที่ตัวเองรักและเอ็นดูมาสิบกว่าปี แล้วยังต้องเจอกับเรื่องเช่นนั้น ความผิดปกติของนางในระยะนี้ย่อมมิใช่เรื่องแปลกอันใด

“มันคือเรื่องจริงเจ้าค่ะ” เฉียวเย่ว์อู่เอ่ย “มันคือเรื่องจริง หนานกงซู…หนานกงซู…ฮือๆ…”

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

Status: Ongoing

นิยายรักย้อนยุค ว่าด้วยการแก้แค้นของหมอหญิงมือสังหาร และแต่งงานกับบุรุษสุดประหลาด!

เมื่อมารดาสิ้นใจและตนถูกไล่ให้มาอยู่หมู่บ้านบรรพบุรุษ เพราะความลำบากและคับแค้นใจจึงทำให้ หนานกงชิง คุณหนูคนโตแห่งตระกูลหนานกงจากโลกนี้ไป

ร่างของนางกลับถูกแทนที่ด้วยวิญญาณของ หนานกงมั่ว นักฆ่าสาวมือฉกาจแห่งเอเชีย เมื่อได้รับชีวิตใหม่หนานกงมั่วก็ได้กราบอาจารย์ เรียนวิชาแพทย์ ใช้ชีวิตอิสระเสรีตามที่ตนหวัง พร้อมรับใบสั่งสังหารคนบ้างเป็นครั้งคราว… จนเมื่อราชโองการพระราชทานสมรสมาถึงชีวิตของนางก็ถึงคราวพลิกผัน!

เล่าลือกันว่าจวิ้นอ๋องว่าที่สามีของนาง เว่ยจวินมั่ว แม้จะมียศสูงศักดิ์แต่เพราะดวงตาแปลกประหลาดสีม่วงและการคลอดก่อนกำหนดทำให้ชาติกำเนิดของเขาตกเป็นขี้ปากคนไปทั่ว อาจเพราะแบบนี้การสมรสนี้จึงตกมาถึงตัวนาง แม้คนทั่วไปไม่ยินดีแต่นางดูๆ แล้วกลับคิดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท