หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1 – ตอนที่ 517 ความสัมพันธ์ที่สิ้นหวัง (1)

ตอนที่ 517 ความสัมพันธ์ที่สิ้นหวัง (1)

ตอนที่ 517 ความสัมพันธ์ที่สิ้นหวัง (1)

“ข้าจะออกไปดู” เว่ยจวินมั่วเอ่ย

“ข้าไปด้วย” หนานกงมั่วเอ่ย

เว่ยจวินมั่วพยักหน้า ทั้งสองเดินจูงมือกันออกมาจากห้องโถง เสียงหนานกงมั่วดังขึ้นมาจากด้านนอกประตู “หลิ่ว ฝากดูแลจวนเยี่ยนอ๋องด้วย”

“เจ้าค่ะ พระชายา”

วังหลวงในยามค่ำคืน ไม่มีความรู้สึกอ้างว้างเหมือนแต่ก่อน เงยหน้าขึ้นก็เห็นองครักษ์วังหลวงและองครักษ์ของแต่ละตำหนักยืนถือดาบอยู่ทุกหนทุกแห่ง ในห้องทรงอักษร เซียวเชียนเยี่ยนั่งมองดูผู้คนข้างล่างอยู่บนบัลลังก์มังกรด้วยสีหน้าสงบนิ่ง มีเพียงมือที่โคลงถ้วยน้ำชาอยู่แสดงให้เห็นถึงความวิตกกังวลของเขา

“หนานกงไหวยังไม่มาหรือ” ผ่านไปครู่หนึ่ง เซียวเชียนเยี่ยก็เอ่ยอย่างเคร่งขรึม

ด้านล่าง หัวหน้าขันทีตอบกลับอย่างระมัดระวัง “กราบทูลฝ่าบาท ฉู่กั๋วกง…ยังไม่มาพ่ะย่ะค่ะ”

เซียวเชียนเยี่ยยิ้มหยันแล้วจึงเอ่ย “ดูเหมือนว่าจะกล่าวได้ถูกต้อง หนานกงไหวร่วมมือกับเซียวฉุนจริงๆ”

เอ้อกั๋วกง หยวนชุนที่นั่งอยู่ด้านล่างขมวดคิ้ว เอ่ย “ด้วยนิสัยของหนานกงไหว ไม่มีทางร่วมมือกับเซียวฉุนแน่นอน มีการเข้าใจผิดอันใดหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” ถึงแม้เขาจะไม่ค่อยสนิทสนมกับหนานกงไหว และบุตรีของตัวเองรวมถึงหลานชายที่ยังไม่คลอดจะตกอยู่ในเงื้อมมือของศัตรู หยวนชุนก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ย หนานกงไหวไม่ใช่คนโง่ ไม่มีทางมองไม่ออกว่าการต่อสู้ครั้งนี้ไม่ว่าจะชนะหรือแพ้ เซียวฉุนก็ไม่มีทางมีจุดจบที่ดี

เซียวเชียนเยี่ยหัวเราะเย้ยหยันแล้วจึงเอ่ย “หรืออาจถูกจับจุดอ่อนจึงต้องยอมจำนน” ถึงแม้จะเตรียมการไว้แล้ว ทว่าต้องบอกว่าการทรยศของหนานกงไหวทำให้เซียวเชียนเยี่ยผิดหวัง หนานกงไหวและหยวนชุนนั้นเหมือนกัน เป็นขุนนางแม่ทัพที่มียศศักดิ์ในกองทัพ

“ฝ่าบาท ตอนนี้พวกเราจะทำเช่นไร ไทเฮา ฮองเฮา แล้วยังมีพระสนม ล้วนแต่…” มีคนเอ่ยขึ้นมาด้วยความกังวล เซียวฉุนจับตัวคนของทั้งวังหลังไป หากเกิดอันใดขึ้น เช่นนั้นก็จะกลายเป็นเรื่องฉาวโฉ่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของราชวงศ์นับตั้งแต่ก่อตั้งอาณาจักรเซี่ยที่ยิ่งใหญ่

“คนของสำนักหอธาราก็ไม่มีทางออกหรือ” เซียวเชียนเยี่ยขมวดคิ้ว

“องครักษ์สายลับของอดีตฝ่าบาทล้วนแต่ร่วมมือกับเซียวฉุน แม้แต่นักฆ่าของสำนักหอธาราก็…” ต้องรู้ว่า ความสามารถขององครักษ์สายลับของอดีตฮ่องเต้ไม่ได้แย่ไปกว่านักฆ่าทั่วไป ไม่เช่นนั้น อดีตฮ่องเต้คงจะถูกสังหารไปตั้งนานแล้ว ทว่าตอนนี้องครักษ์สายลับกลับหักหลังฮ่องเต้ ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของราชวงศ์ แต่พวกเขากลับต้องขอความช่วยเหลือจากมือสังหารทั่วไป นับเป็นการดูถูกเหยียดหยามอย่างหนึ่ง

เซียวเชียนเยี่ยเงียบ เห็นได้ชัดว่าสถานการณ์ตอนนี้คือทั้งสองฝ่ายไม่ยอมอ่อนข้อต่อกัน แต่สถานการณ์นี้จะต้องพังทลายในที่สุด หากยื้อไปถึงยามเช้า ใครก็ต้องอับอาย และคนที่สามารถทำลายสถานการณ์เช่นนี้ได้ก็คือคนนอก ในเมืองจินหลิง ผู้ที่มีความสามารถเช่นนี้มีเพียงคนเดียว นั่นก็คือเว่ยจวินมั่ว ทว่าเซียวเชียนเยี่ยไม่อยากขอความช่วยเหลือจากเว่ยจวินมั่ว

ดูเหมือนจะเป็นความเกลียดชังที่มีมาตั้งแต่กำเนิด ตั้งแต่แรกเริ่ม เซียวเชียนเยี่ยก็ไม่ชอบลูกพี่ลูกน้องที่สุขุม พูดน้อย และสีหน้าไร้อารมณ์ผู้นั้น ราวกับว่าวันหนึ่งเขาจะทำสิ่งใดที่เป็นอันตรายต่อตัวเอง

หยวนชุนมองเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเซียวเชียนเยี่ย ขมวดคิ้วแล้วจึงเอ่ย “ฝ่าบาทมีวิธีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

เซียวเชียนเยี่ยเหลือบมองหยวนชุนนิ่งๆ หยวนชุนรู้สึกหวาดกลัว ไม่เข้าใจว่าตัวเองเอ่ยอันใดผิดไป แต่ฮ่องเต้พระองค์ใหม่เพิ่งจะครองบัลลังก์ได้เพียงเดือนกว่า นิสัยของเขานั้นเริ่มคาดเดายากขึ้นเรื่อยๆ

ผ่านไปครู่หนึ่ง เมื่อหยวนชุนพยายามจะเอ่ยบางอย่างอีก ก็ได้ยินเซียวเชียนเยี่ยเอ่ยว่า “ส่งคนออกไป เรียกเว่ยจวินมั่วเข้ามาในวังหลวง”

จวนเยี่ยนอ๋องอยู่ไม่ไกลจากวังหลวง ดังนั้นผู้ที่นำราชโองการไปจึงกลับมาอย่างรวดเร็ว แต่ผลลัพธ์กลับไม่เป็นเหมือนที่หวัง เพราะว่า…เว่ยจวินมั่วและหนานกงมั่วไม่อยู่ที่จวน

ได้ยินเช่นนี้ เซียวเชียนเยี่ยก็มีสีหน้าไม่พอใจ ยิ้มหยัน “ไม่อยู่ที่จวนหรือ”

ผู้ที่นำราชโองการไปก้มหน้าลงแทบจะติดพื้น “กราบทูลฝ่าบาท องค์หญิงฉังผิงเอ่ยเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ”

เซียวเชียนเยี่ยเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เวลาเช่นนี้ ไม่อยู่ที่จวนแล้วเขาจะไปอยู่ที่ใด เห็นได้ชัดว่า…” เห็นได้ชัดว่าเขาไม่อยากช่วย จงใจทำเป็นมองไม่เห็น ฝากไว้ก่อนเถิด…รอให้เขากำจัดเซียวฉุนได้แล้ว… เงียบไปครู่หนึ่ง เซียวเชียนเยี่ยจึงเอ่ย “ในเมื่อเว่ยจวินมั่วไม่ยอมออกหน้า เช่นนั้นก็ช่างเถิด” ผู้ที่นำราชโองการไปถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก จากนั้นจึงรีบขอตัวออกไป หยวนชุนที่นั่งอยู่ด้านข้างขมวดคิ้ว แอบคิดในใจว่า ฟังจากน้ำเสียงของฝ่าบาทแล้ว เกรงว่าหลังจากคืนนี้ ชีวิตของเว่ยซื่อจื่อคงไม่สงบสุขแน่นอน ในทางกลับกัน หยวนชุนไม่เข้าใจว่าไยฝ่าบาทจึงคิดว่าเว่ยจวินมั่วจะจัดการเซียวฉุนได้ ถึงแม้เว่ยซื่อจื่อจะมีความสามารถแข็งแกร่งในการเป็นผู้นำกองทัพ มีวรยุทธ์ยอดเยี่ยม ทว่าก็ไม่เห็นจะมีประโยชน์ต่อสถานการณ์ตรงหน้ายามนี้

เซียวเชียนเยี่ยหลับตาลงแล้วเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “เอ้อกั๋วกง อีกหนึ่งเค่อ ลงมือเถิด”

“ฝ่าบาท” หยวนชุนเอ่ยด้วยความตกใจ ไทเฮา ฮองเฮาและบรรดาพระสนม แล้วยังมีพระชายาของอดีตฮ่องเต้ ล้วนแต่อยู่ในเงื้อมมือของเซียวฉุน

เซียวเชียนเยี่ยลืมตาขึ้นมองหยวนชุนอย่างเย็นชาแล้วเอ่ย “ไม่เช่นนั้น เอ้อกั๋วกงคิดว่าจะทำเยี่ยงไร”

หยวนชุนหวาดกลัว ไม่กล้าเอ่ยอันใด เมื่อได้สติกลับมา เซียวเชียนเยี่ยก็หันไปมองทางอื่นแล้ว เอ่ยอย่างเคร่งขรึม “ก่อนรุ่งสาง…ต้องกำจัดเซียวฉุน ไม่เช่นนั้น…”

หยวนชุนอดไม่ได้ เดินเข้าไปแล้วเอ่ยว่า “ฝ่าบาท หากเซียวฉุนจับตัวคนในวังหลังไป แล้วยังก่อกบฏกับฝ่าบาท มันคือการก่อกบฏ เป็นความผิดยิ่งใหญ่ ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน เผื่อว่าเซียวฉุนกลายเป็นดั่งหยกศิลาล้วนแหลกลาญ…”[1]

“หากเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้แพร่กระจายออกไป อดีตฮ่องเต้และราชวงศ์จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน เอ้อกั๋วกง เราตรัสแล้ว ไม่ว่าจะใช้วิธีไหน ก่อนรุ่งสาง…ฆ่าเซียวฉุนให้ได้” เซียวเชียนเยี่ยเอ่ยอย่างเด็ดขาด หยวนชุนตกใจ มองดูฮ่องเต้ที่มีสีพระพักตร์เย็นชาราวกับน้ำแข็ง ทำได้เพียงถอนหายใจภายในแล้วเอ่ยด้วยสีหน้ามืดมน “กระหม่อมน้อมรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ”

ในความเป็นจริง เซียวเชียนเยี่ยเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เพราะคนที่ควบคุมองครักษ์วังหลวงคือเซียวฉุน แม้ว่าเซียวเชียนเยี่ยจะสามารถเคลื่อนย้ายกองทัพทหารม้าได้ แต่อีกฝ่ายหนึ่งยังมีหนานกงไหว และแม่ทัพที่สามารถควบคุมทหารรักษาการณ์ ส่วนใหญ่ล้วนแต่เคยเป็นลูกน้องของบรรดาแม่ทัพที่ก่อตั้งประเทศชาติอย่างหนานกงไหวและหยวนชุน บวกกับการที่เซียวเชียนเยี่ยไม่มีอำนาจในกองทัพ กองทัพทหารม้าเหล่านั้นจะยอมฟังคำสั่งของใครก็ยังไม่รู้

อีกฝั่งหนึ่ง ในตำหนักที่อยู่ในส่วนลึกของวังหลัง ชายาทั้งหมดในวังหลังถูกพาตัวมาขังที่ตำหนักใหญ่ ถึงแม้ตอนนี้จะเป็นเดือนหนึ่ง แต่ยามค่ำคืนของเมืองจินหลิงยังคงเหน็บหนาว และแน่นอนว่าไม่มีใครจุดถ่านไฟให้บรรดาผู้หญิงอ่อนแอและสูงส่งเหล่านี้ ทุกคนทำได้เพียงกอดคนข้างๆ แล้วร้องไห้สะอึกสะอื้น

ฮองเฮานั่งอยู่บนตั่งนุ่มด้วยสีพระพักตร์ซีดขาว ทว่าสีหน้าของนางกลับสงบนิ่ง พระครรภ์ของนางทำให้ร่างกายที่เดิมทีก็ผอมบางอยู่แล้วดูผอมลงมากกว่าเดิม ไทเฮานั่งจับมือนางอยู่ข้างๆ กระซิบแผ่วเบา “ไม่ต้องกลัว”

ฮองเฮาฝืนยิ้มมุมปาก จากนั้นก็ส่ายหน้าให้ไท่เฮา บอกว่าตัวเองไม่เป็นอันใด

พระสนมจูที่กำลังตั้งครรภ์ก็นั่งเงียบอยู่ตรงมุมห้อง นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ประคองนางอย่างระมัดระวัง อีกด้านหนึ่งหนานกงซูนั่งอยู่บนพื้นตามลำพัง ราวกับไม่รู้สึกถึงความเย็นบนพื้นเลยแม้แต่น้อย บนใบหน้าที่งดงามไม่มีความอ่อนแอหรือน่าสงสาร แต่กลับมีเพียงความเย็นชาและเด็ดขาด ดูแตกต่างไปจากเดิมไม่น้อย ห่างจากนางไม่ไกลนัก เฉียวเย่ว์อู่นอนอยู่บนพื้นราวกับตุ๊กตาผ้า เห็นได้ชัดว่าสองสามวันที่ผ่านมาในวังหลวง นางมีชีวิตที่ไม่ดีนัก

[1] หยกศิลาล้วนแหลกลาญ ไม่แยกแยะผิดชอบชั่วดี จนทำให้พังพินาศไป

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

Status: Ongoing

นิยายรักย้อนยุค ว่าด้วยการแก้แค้นของหมอหญิงมือสังหาร และแต่งงานกับบุรุษสุดประหลาด!

เมื่อมารดาสิ้นใจและตนถูกไล่ให้มาอยู่หมู่บ้านบรรพบุรุษ เพราะความลำบากและคับแค้นใจจึงทำให้ หนานกงชิง คุณหนูคนโตแห่งตระกูลหนานกงจากโลกนี้ไป

ร่างของนางกลับถูกแทนที่ด้วยวิญญาณของ หนานกงมั่ว นักฆ่าสาวมือฉกาจแห่งเอเชีย เมื่อได้รับชีวิตใหม่หนานกงมั่วก็ได้กราบอาจารย์ เรียนวิชาแพทย์ ใช้ชีวิตอิสระเสรีตามที่ตนหวัง พร้อมรับใบสั่งสังหารคนบ้างเป็นครั้งคราว… จนเมื่อราชโองการพระราชทานสมรสมาถึงชีวิตของนางก็ถึงคราวพลิกผัน!

เล่าลือกันว่าจวิ้นอ๋องว่าที่สามีของนาง เว่ยจวินมั่ว แม้จะมียศสูงศักดิ์แต่เพราะดวงตาแปลกประหลาดสีม่วงและการคลอดก่อนกำหนดทำให้ชาติกำเนิดของเขาตกเป็นขี้ปากคนไปทั่ว อาจเพราะแบบนี้การสมรสนี้จึงตกมาถึงตัวนาง แม้คนทั่วไปไม่ยินดีแต่นางดูๆ แล้วกลับคิดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท