หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1 – ตอนที่ 537 เกิดเรื่อง ฆาตกร (1)

ตอนที่ 537 เกิดเรื่อง ฆาตกร (1)

ตอนที่ 537 เกิดเรื่อง ฆาตกร (1)

หนานกงมั่วเอ่ยขอบคุณจากนั้นจึงลุกขึ้น หันกลับมาเผชิญหน้ากับหันหมิ่น เอ่ยเสียงเรียบ “ใต้เท้าหัน ท่านยังไม่ตอบคำถามของข้าที่เป็นจวิ้นจู่เลย”

หันหมิ่นส่งเสียงหยัน “ไร้ซึ่งความแค้น วันนี้ข้าเองก็เพิ่งเคยเจอจวิ้นจู่”

หนานกงมั่วพยักหน้า เลิกคิ้ว “เช่นนั้นคงประหลาดแล้ว ท่านกับข้าต่างคนต่างอยู่ ไม่เคยมีความแค้นเคืองต่อกัน ใต้เท้าหันยังไม่เคยเจอข้ามาก่อนก็จะให้สามีทิ้งข้าแล้ว นี่มันหลักการอันใดกันหรือ” หันหมิ่นนั้นไม่คิดว่าตนเองมีความผิด เอ่ยเสียงเย็น “จวิ้นจูมีโทษติดตัว หรือว่าไม่รู้สึกละอายต่อสถานะของตนเองเลยหรือ เป็นสตรีไม่ปฏิบัติตนให้สมเป็นสตรี เชื่อฟังและรับใช้สามี ทว่ากลับรักอิสระ ผิดจรรยาสตรี สตรีเช่นนี้…สตรีเช่นนี้…” ยิ่งพูดยิ่งโกรธ น้ำเสียงของหันหมิ่นยิ่งสูงขึ้น ราวกับคนที่แต่งงานกับสตรีเช่นนี้นั้นไม่ใช่เว่ยจวินมั่วแต่เป็นตัวเขาเอง

แม้แต่เปลือกตาหนานกงมั่วยังคร้านจะกลอก เพียงเอ่ย “ข้าที่เป็นจวิ้นจู่มีคำถามอยากถามใต้เท้าหัน”

“อันใดหรือ” หันหมิ่นเอ่ยอย่างมั่นใจ

หนานกงมั่วยิ้มเย็น “มันเกี่ยวอันใดกับท่านเล่า” มองดูหันหมิ่นที่ดวงตาเบิกโตขึ้นมา หนานกงมั่วยังคงเอ่ยเสียงเย็น “ข้าที่เป็นจวิ้นจู่เป็นสตรีผู้มีความผิด เกี่ยวอันใดกับใต้เท้าหันด้วย ข้าที่เป็นจวิ้นจู่ไม่อยู่ในจรรยาสตรี แล้วมันเกี่ยวอันใดกับใต้เท้าหัน อาณาจักรเซี่ยที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้มีกฎข้อใดบ้างที่เขียนเอาไว้ว่าสตรีผู้มีความผิดจะต้องหย่าร้างกับสามี หรือกฎหมายใดของอาณาจักรเซี่ยที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้ที่บอกว่าไม่อยู่ในหลักจรรยาสตรีแล้วฝ่าบาทต้องรับสั่งให้หย่า นอกจากนี้…ข้ายังจำได้อีกว่าข้าต่างหากเล่าที่เป็นสตรี ใต้เท้าหันเป็นบุรุษ จะศึกษาจรรยาสตรีอย่างละเอียดรอบคอบเพียงนี้ไปเพื่ออันใด หรือว่า…ท่านเองก็อยากเป็นสตรีหรือ”

“เจ้า…เจ้าช่างบังอาจนัก” หันหมิ่นโกรธจัดใบหน้าแดงก่ำ สำลักไอเนิ่นนานกว่าจะสงบลงได้ นิ้วที่ชี้ไปยังหนานกงมั่วสั่นเทา “เจ้า…เจ้า…”

“ข้าทำไมหรือ” หนานกงมั่วเอ่ยอย่างไม่พอใจ “อย่ามาว่าข้าที่เป็นจวิ้นจู่ไม่รู้จักผู้หลักผู้ใหญ่ แม้แต่เรื่องของสามีภรรยาใต้เท้าหันยังมาชี้นิ้วยื่นเท้าเข้ามาสอด ท่านไม่คิดว่ามันมากไปหรือ เอาแต่เอ่ยว่าสตรีลิ้นยาวพูดจาเรื่อยเปื่อย จวิ้นจู่อย่างข้าว่าลิ้นใต้เท้าหันเองก็ไม่ได้สั้นไปกว่ากันเลย”

“อู๋สยา” เว่ยจวินมั่วยื่นมือไปคว้ามือของหนานกงมั่วมากุมเอาไว้ หนานกงมั่วเช็ดหูเช็ดตา มองเขาด้วยท่าทางน่าสงสาร “ท่านพี่ ท่านจะหย่ากับข้าจริงหรือเจ้าคะ”

เว่ยจวินมั่วก้มลงมา ยกมือขึ้นมาสัมผัสใบหน้างดงามเบาๆ เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ข้าไม่เคยฟังเสียงหมาเห่า”

“เจ้า เจ้า…” หันหมิ่นยังไม่ทันได้สติก็ได้ยินวาจาของคุณชายเว่ย โกรธจนเป็นลมล้มพับไป

ห้องทรงอักษรอลหม่านขึ้นมาทันใด เซียวเชียนเยี่ยรีบสั่งให้คนพาตัวหันหมิ่นออกไปหาหมอหลวง พลางขมวดคิ้ว “จวินมั่ว ใต้เท้าหันเคยเป็นอาจารย์ของเสด็จพ่อ…”

เว่ยจวินมั่วพยักหน้า เอ่ย “เสด็จลุงรัชทายาทจากไปแล้ว คงจะคิดถึงอาจารย์ ฝ่าบาท พระองค์ว่าใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”

“…” ข้าตอบว่าไม่ใช่ได้หรือ

หันหมิ่นสลบไปแล้ว โจวเซียงที่อยู่ด้านข้างแน่นอนว่าต้องมาเป็นตัวแทน ขุนนางเก่าแก่เหล่านี้ถูกอดีตฮ่องเต้เกลียดชังจึงได้รับความลำบากไม่น้อย ยามนี้ไม่ง่ายกว่าฮ่องเต้พระองค์ใหม่จะให้เกียรติพวกเขา จะมาถูกหนุ่มสาวสองคนตบหน้าได้เยี่ยงไร

“คุณชายเว่ย ใช้วาจากดดันผู้อื่นเช่นนี้ดูไร้มารยาทยิ่งนัก”

หนานกงมั่วลอบกลอกตา ใครกันแน่ที่ใช้วาจาบีบคั้นผู้อื่น เห็นอยู่ว่าพวกเขาเข้ามายุ่งเรื่องครอบครัวคนอื่น โชคร้ายมันหล่นมาจากบนฟ้าหรืออย่างไร

เว่ยจวินมั่วกวาดตามองโจวเซียง “ใต้เท้าโจวอยากเอ่ยอันใดเล่า”

โจวเซียงสะอึก นึกถึงหันหมิ่นยกเรื่องหย่าขึ้นมาดูเหมือนจะไม่ใช่หัวข้อที่ดีเท่าใดนัก ดังนั้นจึงเอ่ย “ได้ยินมาว่าคุณชายเว่ยเป็นเจ้าของสำนักวังจื่อเซียวอันใดนั่นอย่างนั้นหรือ”

หนานกงมั่วเลิกคิ้ว อารมณ์เริ่มขุ่นมัว เพียงแต่เซียวเชียนเยี่ยช่างเชื่อใจตาแก่นี่เสียจริง แม้แต่เรื่องเช่นนี้ยังเล่าให้เขาฟัง

เว่ยจวินมั่วยังคงนิ่งสงบ “ใต้เท้าโจวมีหลักฐานอันใดหรือไม่”

โจวเซียงแค่นยิ้มเย็น “ทุกคนต่างก็รู้เรื่องนี้ดี คุณชายเว่ยยังคิดจะปิดบังอยู่อีกหรือ”

“ทุกคนต่างก็รู้อย่างนั้นหรือ” เว่ยจวินมั่วเลิกคิ้ว “ใครรู้บ้าง เดินออกมาให้ข้าได้ดูสักหน่อย”

โจวเซียงโมโหขึ้นมา “ฝ่าบาทเห็นกับตาด้วยพระองค์เอง หรือว่าไม่ใช่เรื่องจริงอย่างนั้นหรือ”

เว่ยจวินมั่วมองไปยังเซียวเชียนเยี่ย “ฝ่าบาทคิดว่าใช่กระหม่อมหรือไม่”

เซียวเชียนเยี่ยลูบจมูก แน่นอนเขารู้ว่าเว่ยจวินมั่วใช่ ปัญหาคือเขาไม่มีหลักฐาน เพราะทุกคนต่างก็รู้ดีว่าเจ้าสำนักวังจื่อเซียวคือลิ่นฉังเฟิง ว่ากันว่ากษัตริย์สั่งให้ขุนนางตายขุนนางก็ต้องตาย เห็นได้ชัดว่าเว่ยจวินมั่วก็เป็นหนึ่งในนั้น ทว่าเมื่อไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน เขาไม่อาจแตะต้องเว่ยจวินมั่วได้

เว่ยจวินมั่วหันกลับมาหาโจวเซียง โจวเซียงยิ้มเย็น ใบหน้ามุ่งร้ายเอ่ย “คุณชายเว่ยคิดว่าเอาลิ่นฉังเฟิงมาบังหน้าแล้วจะปกปิดคนทั่วหล้าได้หรือ คนเป็นเชื้อพระวงศ์ ในมือกลับมีสำนักมือสังหาร เว่ยซื่อจื่อคงไม่ได้คิดจะก่อกบฏเอาอย่างเซียวฉุนหรอกใช่หรือไม่”

“ใต้เท้าโจว หมิ่นเชื้อพระวงศ์มีโทษอย่างไรหรือ นอกจากนี้ ใต้เท้าโจวที่ถูกอดีตฮ่องเต้สั่งลงโทษขับออกจากเมืองไปเพราะก่อเรื่องสร้างปัญหา ดูเหมือนจะไม่เคยสำนึกผิดเลย ไม่รู้ว่าหากอดีตฮ่องเต้มีดวงวิญญาณจะพิโรธหรือไม่” เว่ยจวินมั่วเอ่ยเสียงเรียบ “ใต้เท้าโจวคิดว่าคนที่คอยยุยงเอาแต่ก่อเรื่องสร้างปัญหาเช่นท่านเอ่ยออกมา ใครเขาจะเชื่อกันเล่า”

โจวเซียงโมโห เมื่อครั้งถูกอดีตฮ่องเต้ขับไล่ออกจากเมืองนับว่าเป็นเรื่องอับอายสำหรับเขา เว่ยจวินมั่วยังเอ่ยมันออกมาต่อหน้าทุกคนอีก

“คุณชายเว่ยอยากเปลี่ยนเรื่องอย่างนั้นหรือ”

เว่ยจวินมั่วส่ายหน้า เอ่ยเสียงเย็น “ข้าเพียงอยากบอกว่า…อดีตฮ่องเต้ช่างเฉลียวฉลาดยิ่งนัก”

“เด็กเมื่อวานซืนไร้มารยาทยิ่งนัก”

“ใต้เท้าโจวหมายความว่าอดีตฮ่องเต้เลอะเลือนอย่างนั้นหรือ” หนานกงมั่วเลิกคิ้ว “จวิ้นจู่อย่างข้าไม่รู้เลยว่าที่แท้ใต้เท้าโจวฝังใจโกรธแค้นอดีตอ๋องเต้ ฝ่าบาท ใช้คนแบบนี้จะไม่มีปัญหาจริงหรือเพคะ หม่อมฉันคิดว่าใต้เท้าโจวมีความโกรธแค้นต่อการตัดสินของอดีตฮ่องเต้ในครั้งนั้น ยามนี้ตั้งใจให้ร้ายสามีของหม่อมฉัน อย่างไรเสีย…นอกจากฝ่าบาทแล้ว ผู้ที่อดีตฮ่องเต้ให้ความสำคัญอีกคนก็คือสามีของหม่อมฉัน ฝ่าบาท พระองค์ว่าใช่หรือไม่เพคะ มิสู้พวกเราเชิญเชื้อพระวงศ์มาร่วมหารือดีหรือไม่”

เชื้อพระวงศ์อย่างนั้นหรือ นั่นคือใครกันเล่า ก็ไม่ใช่ผู้ปกครองเมืองที่ปกครองอยู่หัวเมืองต่างๆ หรอกหรือ สมองของข้ามีปัญหาสิจึงจะเรียกพวกเขากลับมาหารือ

เห็นชัดว่าการโต้เถียงในวันนี้เป็นคนหนุ่มสาวที่ได้เปรียบ ใครใช้ให้คนชราเหล่านี้ เพียงกระทบกระเทือนจิตใจเล็กน้อยก็เสี่ยงต่อชีวิตเล่า อย่างไรก็ตามหนานกงมั่วและเว่ยจวินมั่วนั้นต่างมีความอดทนทางด้านจิตใจสูง ดังนั้นใครแพ้ใครชนะเพียงเท่านี้ก็พอรู้ได้ ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า อยากเป็นขุนนางที่คารมคมคาย ฝีปากดีนั่นเป็นสิ่งสำคัญ แต่เมื่อทั้งสองฝั่งมีฝีปากดีทั้งคู่…คนที่ร่างกายแข็งแรงนั่นต่างหากจึงจะชนะ

เพียงแต่เซียวเชียนเยี่ยก็ไม่ได้ผิดหวังมากนัก หากหวังว่าจะกำจัดเว่ยจวินมั่วและหนานกงมั่วสองสามีภรรยาคู่นี้ง่ายๆ เช่นนี้ เช่นนั้นสมองของเขาก็คงมีปัญหาแล้ว

เมื่อเห็นว่าโจวเซียงเองก็สู้ไม่ไหว เซียวเชียนเยี่ยจึงรีบออกตัวประนีประนอมช่วยอาจารย์ของตน “เอาล่ะ จวินมั่ว ซิงเฉิงจวิ้นจู่ ท่านโจวมิได้ไม่เคารพต่ออดีตฮ่องเต้แต่อย่างใด เพียงแต่อายุมากแล้ว อารมณ์ร้อนไปเพียงนิด พวกเจ้าเป็นคนหนุ่มสาวควรเห็นใจผู้อาวุโสจึงจะถูก”

คิ้วสวยของหนานกงมั่วเลิกขึ้น ฮ่องเต้เอ่ยถึงเพียงนี้แล้วพวกนางยังจะเอ่ยสิ่งใดได้อีกเล่า

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

Status: Ongoing

นิยายรักย้อนยุค ว่าด้วยการแก้แค้นของหมอหญิงมือสังหาร และแต่งงานกับบุรุษสุดประหลาด!

เมื่อมารดาสิ้นใจและตนถูกไล่ให้มาอยู่หมู่บ้านบรรพบุรุษ เพราะความลำบากและคับแค้นใจจึงทำให้ หนานกงชิง คุณหนูคนโตแห่งตระกูลหนานกงจากโลกนี้ไป

ร่างของนางกลับถูกแทนที่ด้วยวิญญาณของ หนานกงมั่ว นักฆ่าสาวมือฉกาจแห่งเอเชีย เมื่อได้รับชีวิตใหม่หนานกงมั่วก็ได้กราบอาจารย์ เรียนวิชาแพทย์ ใช้ชีวิตอิสระเสรีตามที่ตนหวัง พร้อมรับใบสั่งสังหารคนบ้างเป็นครั้งคราว… จนเมื่อราชโองการพระราชทานสมรสมาถึงชีวิตของนางก็ถึงคราวพลิกผัน!

เล่าลือกันว่าจวิ้นอ๋องว่าที่สามีของนาง เว่ยจวินมั่ว แม้จะมียศสูงศักดิ์แต่เพราะดวงตาแปลกประหลาดสีม่วงและการคลอดก่อนกำหนดทำให้ชาติกำเนิดของเขาตกเป็นขี้ปากคนไปทั่ว อาจเพราะแบบนี้การสมรสนี้จึงตกมาถึงตัวนาง แม้คนทั่วไปไม่ยินดีแต่นางดูๆ แล้วกลับคิดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท