ตอนที่ 523 เนรคุณ สวมเขา (1)
หนานกงชวี่เอ่ยเสียงเรียบเฉย “หากท่านพ่อรู้แล้วว่าสิ่งของของท่านอยู่ในมือข้า แล้วไยยังเสแสร้งทำเป็นไม่รู้”
“หุบปาก” สีหน้าของหนานกงไหวเปลี่ยนไป เอ่ยอย่างเคร่งขรึม
หนานกงชวี่ยิ้มแปลกประหลาด มองไปที่หนานกงไหวแล้วจึงเอ่ย “ท่านพ่อตื่นตระหนกเพียงนี้…กลัวหรือขอรับ คิดไม่ถึงว่า…แม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ของประเทศอย่างท่าน สิ่งที่กลัวที่สุดไม่ใช่ความตาย แต่กลับเป็น…ความพ่ายแพ้”
ทันใดนั้น ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะเงี่ยหูฟัง ต้องรู้ว่าเรื่องส่วนตัวของแม่ทัพที่มีชื่อเสียงอย่างฉู่กั๋วกงมิใช่เรื่องที่จะหาฟังได้ง่ายๆ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นเรื่องส่วนตัวที่เกี่ยวข้องกับความพ่ายแพ้
“ข้าบอกให้หุบปาก” หนานกงไหวตะโกนด้วยความโกรธ
เซียวเชียนเยี่ยพอพระทัย เอ่ยอย่างเคร่งขรึม “ขุนนางหนานกง เจ้ามีอันใดก็เอ่ยออกมาเถิด”
“เจ้าลูกเนรคุณ ข้าจะฆ่าเจ้า” หนานกงไหวตะโกนด้วยความโมโห ไม่ยอมให้หนานกงชวี่เอ่ยอันใดออกมา เขาชักกระบี่ยาวแล้วพุ่งเข้าหาหนานกงชวี่โดยไม่ลังเล ถึงแม้วรยุทธ์ของหนานกงไหวจะไม่ได้ดีเยี่ยม ทว่าเขาก็เป็นถึงแม่ทัพที่เคยผ่านสนามรบมาก่อน เมื่อตอนเขายังเด็กก็เคยต่อสู้ท่ามกลางกองทหารนับพันมาแล้ว องครักษ์ทั่วไปใช่ว่าจะหยุดเขาไว้ได้
เห็นกระบี่พุ่งไปที่ลำคอของหนานกงชวี่ ได้ยินเสียงบางอย่างแผ่วเบา ก่อนที่กระบี่จะพุ่งเบี่ยงออกไปทางอื่นอย่างง่ายดาย ทำให้หนานกงไหวจะล้มลงกับพื้น มองไปยังเว่ยจวินมั่วที่ถือกระบี่ด้วยสีหน้าเรียบเฉย เซียวเชียนเยี่ยผิดหวังที่เว่ยจวินมั่วไม่ถือโอกาสจับตัวหนานกงไหวไว้
หนานกงมั่วก้มหน้าลงมองหนานกงไหวที่ถูกองครักษ์คุ้มกันไว้แต่ยังคงนั่งงุนงงอยู่กับพื้น ถอนหายใจแล้วเอ่ย “จะฆ่าลูกชายของตัวเองต่อหน้าคนจำนวนมากเช่นนี้ ท่านบ้าไปแล้วหรือ”
หนานกงไหวเงยหน้าขึ้นมาเบิกตากว้างใส่นาง สายตาของเขาแดงก่ำ
ดูเหมือนหนานกงชวี่จะไม่สนใจการกระทำของหนานกงไหว ไม่ว่าหนานกงไหวจะด่าเขาหรืออยากจะฆ่าเขาก็ไม่ได้ทำให้เขาสะทกสะท้านอันใดเลย หนานกงชวี่หยิบจดหมายสีเหลืองออกมาจากแขนเสื้อตัวเอง จากนั้นจึงเอ่ยถามเบาๆ “ท่านพ่อ…หลายปีมานี้ ท่านสุขเสวยอยู่กับความเจริญรุ่งเรือง ความร่ำรวย อำนาจ และเกียรติยศ ยามค่ำคืนท่านเคยฝันร้ายหรือไม่”
หนานกงไหวสีหน้าทะมึน เขาไม่เอ่ยตอบอันใด
ทว่าหนานกงชวี่กลับเดินไปคุกเข่าลงตรงหน้าเซียวเชียนเยี่ยแล้วเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “ฝ่าบาทโปรดคืนความยุติธรรมแก่ตระกูลเมิ่งด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
เซียวเชียนเยี่ยไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้น แต่ในสถานการณ์นี้ เขายินดีที่ได้เห็นหนานกงไหวสองพ่อลูกแตกหักกัน เขาเลิกคิ้วด้วยความสงสัย สั่งให้คนที่อยู่ด้านข้างรับจดหมายที่อยู่ในมือของหนานกงชวี่มา เซียวเชียนเยี่ยรับมาแล้วเปิดอ่าน เขาขมวดคิ้ว สีหน้าค่อยๆ เคร่งขรึมขึ้น จากนั้นก็มองไปยังหนานกงไหวด้วยสายตาตกตะลึง
“หนานกงไหว เจ้าช่างบังอาจยิ่งนัก” ครั้งนี้เซียวเชียนเยี่ยตกใจมากจริงๆ คิดไม่ถึงว่าบนโลกใบนี้ยังจะมีคนบ้าเหมือนเซียวฉุนอยู่อีก ไม่แปลกที่พวกเขาสองคนอยู่ด้วยกันได้ แต่ว่าตั้งแต่เมื่อยี่สิบปีก่อน เกรงว่าในตอนนั้นเซียวฉุนยังคงเป็นชายหนุ่มที่มีพี่ชายคอยปกป้องอยู่เลย
หนานกงไหวหัวเราะเยาะ เขามองผู้คนรอบตัวด้วยสายตาที่ชั่วร้ายและอาฆาต
เซียวฉุนไม่สนใจว่าตัวเองไม่มีบทบาทชั่วคราว เรื่องของหนานกงไหว ถึงแม้เขาจะรู้ไม่มาก แต่ก็พอจะรู้อยู่บ้าง ดังนั้นเขาจึงไม่ตกใจเหมือนเซียวเชียนเยี่ย คนอื่นล้วนแต่บอกว่าหนานกงไหวเป็นเทพแห่งสงคราม มีความกล้าหาญและไม่โลภมากในอำนาจ ไม่เข้าไปช่วงชิงตำแหน่งในราชสำนัก เกรงว่าแม้แต่พี่ชายของเขาก็คงจะคิดเช่นนั้นใช่หรือไม่ น่าเสียดาย ที่เขารู้จักความทะเยอทะยานและนิสัยของหนานกงไหวตั้งนานแล้ว
“ฝ่าบาท?” เอ้อกั๋วกงขมวดคิ้ว ไทเฮาและฮองเฮายังตกอยู่ในมือของศัตรู แต่เมื่อเห็นสีพระพักตร์ของฝ่าบาทก็รู้แล้วว่ามีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น แล้วอีกอย่างยังเกี่ยวข้องกับตระกูลเมิ่งอีกด้วย
ตระกูลเมิ่ง…เคยมีชื่อเสียงเช่นเดียวกับตระกูลเซี่ย มีความดีความชอบในการช่วยอดีตฮ่องเต้ไล่ชาวเป่ยหยวน ทว่าก่อนอาณาจักรเซี่ยที่ยิ่งใหญ่จะถูกก่อตั้ง พวกเขากลับถูก…ชาวเป่ยหยวนที่หลงเหลืออยู่แก้แค้น ถูกฆ่าทิ้งทั้งตระกูล นอกจากคุณหนูใหญ่ตระกูลเมิ่งที่แต่งงานออกเรือนไปแล้วก็ไม่เหลือไว้สักคน
เซียวเชียนเยี่ยขมวดคิ้วแล้วยื่นมือออกไป ยื่นจดหมายในมือส่งให้หยวนชุน หยวนชุนเป็นแม่ทัพเก่าแก่ เห็นจดหมายที่อยู่ตรงหน้าเขาก็อดเบิกตากว้างไม่ได้แล้วเผลอเอ่ยออกมา “หนานกงไหว…หนานกงไหว สมรู้ร่วมคิดกับคนชาวเป่ยหยวน ฆ่าตระกูลเมิ่งทั้งตระกูลหรือ”
ทุกคนอยู่ในความโกลาหล พวกเขามองหนานกงไหวด้วยสายตาแปลกประหลาด ผู้คนว่ากันว่าหากอยากประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ก็ต้องเป็นคนโหดเหี้ยม ทว่าคนที่โหดเหี้ยมอย่างหนานกงไหวกลับมีไม่มากนัก สมรู้ร่วมคิดกับคนนอก ฆ่าสกุลเดิมของชายาตัวเอง เมื่อครู่ก็ยังจะฆ่าลูกชายคนโตของตัวเอง ต้องรู้ว่า…หากไม่มีตระกูลเมิ่ง ถึงแม้หนานกงไหวจะกล้าหาญและมีความสามารถจริงๆ แต่เขาย่อมไม่มีทางมีชื่อเสียงง่ายดายเพียงนี้ ตอนนั้นหนานกงไหวก็เป็นเพียงแม่ทัพหนุ่มที่ค่อนข้างมีความสามารถของอดีตฮ่องเต้ แต่คนเช่นนี้ก็มีอยู่ไม่น้อย ทว่าหลังจากที่เข้าแต่งงานกับคุณหนูใหญ่ตระกูลเมิ่ง อดีตฮ่องเต้ก็ให้ความสำคัญกับเขามากขึ้นเพราะตระกูลเมิ่ง สงครามสำคัญๆ ก็ส่งเขาไป แล้วยังมีตระกูลเมิ่งคอยช่วยเหลือ จัดสรรเสบียงอาหาร ทำให้เขาไม่มีเรื่องที่ต้องกังวล จึงทำให้หนานกงไหวมีชื่อเสียงว่าสู้รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องที่ตระกูลเมิ่งส่งคนที่เก่งที่สุดของตระกูลไปรับตำแหน่งและคอยให้คำแนะนำในค่ายของหนานกงไหว ไม่ว่าจะมองในมุมไหน ตระกูลเมิ่งเมตตาต่อลูกเขยอย่างหนานกงไหวเป็นอย่างมาก แต่หนานกงไหวกลับทำอันใดลงไป
ตระกูลเมิ่งเลี้ยงลูกเสือลูกจระเข้เอาไว้หรือ
เมื่อรู้สึกถึงสายตาของผู้คน สีหน้าของหนานกงไหวดูย่ำแย่ลงกว่าเดิม เอ่ยอย่างเย็นชา “แค่กระดาษแผ่นเดียว มันคือหลักฐานอันใดกัน หนานกงชวี่ในฐานะลูกชายใส่ร้ายท่านบิดาตัวเอง ช่างน่าโมโหยิ่งนัก”
หนานกงชวี่ก้มหน้าลงแต่ไม่แก้ตัว
เซียวเชียนเยี่ยเลิกคิ้วแล้วเอ่ยอย่างเย็นชา “ฉู่กั๋วกง นี่มิใช่จดหมายเพียงฉบับเดียว ไม่รู้ว่าเสด็จปู่ของข้าจะเสียใจที่ตัวเองมองคนผิดไปหรือไม่”
ไม่ใช่จดหมายเพียงฉบับเดียวหรือ รูม่านตาของหนานกงไหวหรี่แคบลง เขาเบิกตากว้างมองไปยังหนานกงชวี่
หนานกงไหวไม่แน่ใจว่าในมือของหนานกงชวี่มีสิ่งที่เรียกว่าหลักฐานมากเพียงใด แต่เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่แตกต่าง นอกจากเขาจะสามารถฆ่าทุกคนที่อยู่ที่นี่ เห็นได้ชัดแล้วว่านี่คือสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
หนานกงไหวผ่านความยากลำบากมามากมาย กลับต้องมาพ่ายแพ้ในเงื้อมมือลูกชายตัวเอง มันคือเวรกรรมเช่นนั้นหรือ
มองดูผู้คนที่มีสีหน้าแตกต่างกันไปตรงหน้า ในหัวของหนานกงไหวหมุนด้วยความคิดวุ่นวายนับไม่ถ้วนอย่างบ้าคลั่ง เรื่องเดียวที่เขาดีใจก็คือสถานที่ที่หนานกงชวี่ทำเช่นนี้คือพระราชวังต้องห้ามในยามค่ำคืน แต่มิใช่ในราชสำนักที่ขุนนางรวมตัวกันมากมาย หนานกงไหวเคยเป็นชาวบ้านธรรมดาที่สุดในชนบท มาถึงจุดที่กลายเป็นขุนนางก่อตั้งประเทศชาติที่มีชื่ออยู่ในบันทึกประวัติศาสตร์ได้ สิ่งที่เขาภาคภูมิใจและให้ความสำคัญมากที่สุดย่อมเป็นชื่อเสียงของเขา สำหรับอำนาจในราชสำนัก สมบัติ เงินทอง ผู้หญิง หรือสุราชั้นดี ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องรอง
เห็นได้ชัดว่าหนานกงชวี่เข้าใจความคิดของเขาดี สิ่งที่หนานกงชวี่อยากทำลายก็คือชื่อเสียงของเขาเท่านั้น ทันทีที่เรื่องนี้แพร่กระจายออกไป หนานกงไหวก็จะถูกบันทึกไว้ในตำราประวัติศาสตร์เช่นกัน แต่เป็นบันทึกเรื่องน่าอับอาย เรื่องที่เขาสมรู้ร่วมคิดกับชาวเป่ยหยวน ฆ่าสกุลพ่อตาตัวเอง สิ่งนี้จะทำผู้คนสงสัยในความดีความชอบในอดีตของเขา ทำให้ผู้คนคิดว่าสนามรบที่เขาได้รับชัยชนะทั้งหมดล้วนแต่เป็นผลมาจากการร่วมมือกับชาวเป่ยหยวน ถึงแม้จะไม่ใช่เรื่องจริง แต่…ใครจะเชื่อเขาเล่า ผู้คนมักจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองคิดเสมอ