ตอนที่ 526 การตายของเซียวฉุน ตัวเบี้ย (1)
“ซิงเฉิงจวิ้นจู่ เจ้าว่า…เรื่องนี้ควรจัดการเยี่ยงไร” เซียวเชียนเยี่ยหันไปถามหนานกงมั่วที่นิ่งเงียบมาตลอด หากเป็นปกติเซียวเชียนเยี่ยคงโกรธกริ้วพร้อมสั่งคนลากหนานกงไหวออกไปตัดหัวแล้ว แต่สถานการณ์ตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่อาจทำไปตามความต้องการของเขาได้ แม้ว่าหนานกงชวี่จะเข้ามาขัดและทำให้ทุกคนลืมเรื่องของฮองเฮาและไทเฮาไป แต่ว่า…ทั้งสองคนนี้เป็นเบี้ยในมือของเซียวฉุนอยู่ ต่อให้ลืมเลือนไปชั่วครู่ก็ไม่อาจอ้อมผ่านไปได้ อย่างไรก็ต้องเผชิญหน้ากับปัญหานี้
หนานกงมั่วหลุบตาลง เอ่ยเสียงเรียบ “ขอฝ่าบาทให้ความเป็นธรรมกับตระกูลเมิ่งด้วยเพคะ”
เซียวเชียนเยี่ยสำลัก แน่นอนเขาเองก็อยากให้ความเป็นธรรมกับตระกูลเมิ่ง ปัญหาคือสถานการณ์ตอนนี้จะจัดการเยี่ยงไรเล่า
หนานกงมั่วมองเซียวเชียนเยี่ยครุ่นคิดอันใดบางอย่าง หันกลับไปหาเว่ยจวินมั่ว เว่ยจวินมั่วพยักหน้าให้นางเบาๆ หนานกงมั่วยิ้มร่าออกมา เอ่ย “เรื่องตรงหน้านี้…หม่อมฉันกับจวินมั่วสามารถแก้ไขแทนฝ่าบาทได้ เพียงแต่หวังว่าถึงตอนนั้นฝ่าบาทจะรับปากหม่อมฉันสักหนึ่งเรื่อง”
เซียวเชียนเยี่ยมองหนานกงมั่วนิ่งท่าทางยากลำบาก หนานกงมั่ว…ที่สำคัญก็คือเว่ยจวินมั่วสามารถออกหน้าได้นั่นเป็นเรื่องดีที่สุดแล้ว แต่หากนางยกเงื่อนไขที่เกินไป…
หนานกงมั่วยังคมยิ้มร่า “ฝ่าบาทได้โปรดวางใจ หม่อมฉันรับรองว่าจะไม่ทำให้ฝ่าบาทต้องลำบากใจเพคะ”
เซียวเชียนเยี่ยเองก็ไม่ชักช้า เอ่ยด้วยความยินดี “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้ารับปาก” เรื่องตระกูลเมิ่งต่อให้โกรธเพียงใดอย่างไรก็เป็นเรื่องของผู้อื่น มีเพียงตรงหน้าต่างหาก…ที่เป็นเรื่องของเขา จัดการเซียวฉุนก่อนฟ้าสาง
เซียวฉุนมองหนานกงมั่วอย่างเย้ยหยัน เอ่ย “ซิงเฉิงจวิ้นจู่ ข้าเองอยากรู้ เจ้าคิดจะจัดการข้าเช่นใด แน่นอน…ยังมีบิดาของเจ้าด้วย จะว่าไปแล้วข้าช่างเศร้าใจแทนฉู่กั๋วกงเหลือเกิน เรียกได้ว่ามีพร้อมทั้งบุตรีและบุตรชาย แต่น่าเสียดายบุตรีทั้งสองสมองมีปัญหา บุตรชายคนโตบุตรีคนโตล้วนแล้วแต่อยากได้ชีวิตของตน ส่วนคนเล็กทั้งสองยังใช้การไม่ได้อีก”
หนานกงมั่วยิ้มร่า “หากท่านอ๋องมีเวลาเพียงนี้มิสู้สงสารตัวท่านเองก่อนจะดีหรือไม่ อย่างน้อย…ท่านพ่อก็ยังมีบุตรชายบุตรีใช่หรือไม่”
รอยยิ้มบนใบหน้าของเซียวฉุนชะงัก หันกลับมาจ้องใบหน้าของหนานกงมั่วด้วยแววตามาดร้าย น่าเสียดายที่มันไม่ได้ทำให้หนานกงมั่วรู้สึกหวาดกลัว เดิมทีเซียวฉุนเองก็ไม่ใช่ไม่มีบุตรชายบุตรี ทว่าไม่รู้ว่าขาดคุณธรรมเกินไปหรือไม่ บุตรเชื้อสายหลักเชื้อสายรองล้วนตายกันหมดไม่เหลือแม้เพียงคนเดียว หลายปีมานี้ก็ไม่มีอีกแล้ว เมื่อเวลาผ่านพ้นไปเซียวฉุนจึงหมดใจที่อยากมีบุตรแล้ว
ด้านข้าง หนานกงชวี่พลันเอ่ยขึ้น “ความจริง…ก็ใช่ว่าจะไม่มี”
ทุกคนชะงัก ตั้งใจฟังหนานกงชวี่ ไม่เข้าใจในวาจาของเขาอยู่บ้าง
หนานกงชวี่ชี้ไปยังเฉียวเฟยเยียน เอ่ยเสียงเรียบ “เมื่อวาน…เด็กในท้องของเฉียวฮูหยินคงจะเป็นของผิงชวนจวิ้นอ๋องใช่หรือไม่ น่าเสียดาย…”
“หนานกงชวี่” หนานกงไหวรู้สึกว่าตนเองพลาดแล้วที่ไม่ได้สังหารลูกสารเลวผู้นี้ตั้งแต่ที่เขาคลอดออกมา สำหรับเด็กในท้องของเฉียวเฟยเยียน เขาใส่ความรู้สึกลงไปทั้งหมด นำความรักที่มีต่อเฉียวเฟยเยียนและความละอายใจต่อเฉียวเย่ว์อู่เฉียวเชียนหนิงมายังเด็กคนนี้ อีกทั้งยังเป็นลูกที่มีหลังจากที่ไม่มีมานานมากแล้ว หากมิใช่เพราะเมื่อวานเกิดเรื่องน่าตกใจขึ้น เฉียวเฟยเยียนก็คงไม่แท้งไปง่ายเพียงนั้น ยามนี้วาจาของหนานกงชวี่…
หนานกงชวี่ยิ้มเย็น “ท่านพ่อ…ท่านคิดว่าหลายสิบปีมานี้ไม่มีบุตรเชื้อสายรองถือกำเนิดในจวนฉู่กั๋วกง แล้วอยู่ๆ จะมีเด็กมาเกิดกะทันหันได้หรือขอรับ”
“เจ้าหมายความเช่นไร” หนานกงไหวกัดฟัน
หนานกงชวี่หลุบตาลง “เมื่อครั้งนั้น หลังจากที่เจิ้งซื่อเข้ามาในจวน…ท่านแม่คิดว่าจวนฉู่กั๋วกงไม่ควรให้กำเนิดเชื้อสายรองอีก ดังนั้น…ท่านพ่อชีวิตนี้ท่านมีบุตรอีกไม่ได้แล้ว” เมิ่งซื่อผู้ทะนงตนไม่มีทางลงมือกับสตรี ดังนั้นตั้งแต่วันแรกที่หนานกงไหวพาเจิ้งซื่อเข้ามาจึงมอบชาหนึ่งถ้วยให้กับเขาด้วยมือของนางเอง นับตั้งแต่วันนั้นสามีภรรยากลายเป็นคนแปลกหน้า และหลังจากส่งชาถ้วยนั้นให้แล้ว ก็เป็นการตัดโอกาสมีบุตรของหนานกงไหวไปด้วย เรื่องเหล่านี้หนานกงชวี่เองรู้ก่อนที่เมิ่งซื่อจะจากไป หากมิใช่เพราะเจิ้งซื่อมีบุตรีเพียงผู้เดียว หลายปีมานี้ภายใต้การละเลยของหนานกงไหว หนานกงชวี่และหนานกงฮุยอาจจะไม่ได้อยู่อย่างสงบมาจนถึงยามนี้ก็ได้
คนอื่นอาจชื่นชมในการกระทำของเมิ่งฮูหยิน แต่สิ่งที่พวกเขาใส่ใจกลับเป็นอีกประโยค…ดังนั้นบอกได้ว่า เฉียวเฟยเยียนกำลังสวมเขาให้กับหนานกงไหว
ในเมื่อแม้แต่บุตรชายคนโตของเมิ่งฮูหยินยังเอ่ยปากแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นตลอดสิบปีมานี้จวนหนานกงก็ไม่มีการให้กำเนิดเด็กใดๆ แม้แต่การตั้งครรภ์ก็ยังไม่เคยมี เช่นนั้น…เรื่องที่หนานกงไหวไม่อาจมีบุตรได้ใช่ว่าจะเป็นเรื่องเหลวไหล และเฉียวเฟยเยียน…เพิ่งจะแท้งบุตรไปเมื่อหนึ่งวันก่อนหน้านี้
แล้วเด็กจะเป็นของเซียวฉุนอย่างนั้นหรือ
ทุกคนอดสับสนขึ้นมาไม่ได้ หรือว่าที่ทั้งสองไปอยู่ด้วยกันได้ เพราะใช้สตรีคนเดียวกันอย่างนั้นหรือ
หนานกงไหวรู้สึกว่าเขาได้ขายหน้าไปในวันนี้จนหมดแล้ว จ้องเฉียวเฟยเยียนและเซียวฉุนเขม็ง เซียวฉุนเองไม่เอ่ยสิ่งใด เพียงมองเฉียวเฟยเยียนด้วยความแปลกใจเล็กน้อย ราวกับยังวุ่นวายไม่พอ หนานกงไหวเม้มริมฝีปากแน่นเอ่ยขึ้นช้าๆ หนึ่งประโยค “ที่แท้ผิงชวนจวิ้นอ๋องก็ไม่มีวาสนาจะได้บุตรจริงๆ น่าเสียดายแล้ว”
เซียวฉุนยิ้มเย็น จ้องมองหนานกงมั่ว เอ่ย “ซิงเฉิงจวิ้นจู่ ข้าขอเตือนเจ้าอย่ายุ่งเรื่องคนอื่นจะดีกว่า อย่าลืมล่ะ…” หนานกงมั่วกลับไม่ตื่นตระหนก มองเซียวฉุนพร้อมเอ่ยเสียงเรียบ “ท่านอ๋องไม่ลองดูเล่า ไม่แน่ว่า…ฝ่าบาทอาจไว้ชีวิตท่านก็ได้”
แน่นอนเซียวฉุนจะไม่ลอง เซียวเชียนเยี่ยไม่มีทางปล่อยเขาไปแน่นอน อย่าว่าแต่เขาเอาความลับของเว่ยจวินมั่วบอกกล่าวกับเซียวเชียนเยี่ยเลย ต่อให้เขาคุกเข่าเห่าร้องอ้อนวอนเหมือนสุนัข เซียวเชียนเยี่ยก็ไม่มีทางปล่อยเขาไปแน่ เบี้ยในมือวางลงไปไวเกินไป ถึงตอนท้ายคงไม่มีให้เดินแล้ว
“เวลาก็พอประมาณแล้วใช่หรือไม่” หนานกงมั่วเลิกคิ้ว เอ่ยถาม
ไม่มีใครรู้ว่านางกำลังถามใคร ทุกคนชะงัก ได้ยินเพียงเสียงหัวเราะจากคนที่เดินเข้ามาด้านหลัง “แม่นางมั่ว ในที่สุดพวกเจ้าก็เอ่ยจบแล้ว คุณชายเช่นข้าแทบรอไม่ไหวอยู่แล้วรู้หรือไม่” ทุกคนหันกลับไป เห็นเพียงชายในอาภรณ์ผ้าแพรสีฟ้า มือถือพัดนั่งเอนหลังอยู่บนหลังคา ท่าทางสง่างาม
เซียวฉุนชะงัก หัวใจกระตุก เอ่ยเสียงดัง “สังหารพวกเขา”
แน่นอนไม่อาจปล่อยให้เขาสังหารฮองเฮาและไทเฮา หนานกงมั่วและเว่ยจวินมั่วลงมือพร้อมกัน ระหว่างนั้นเห็นเพียงเงาเคลื่อนไหวรวดเร็วพุ่งเข้าจัดการคนที่อยู่ด้านหลังฮองเฮาและไทเฮา หนานกงมั่วคว้าตัวฮองเฮาและมุ่งไปทางที่เซียวเชียนเยี่ยอยู่
“ยิงธนู” เซียวฉุนเอ่ยด้วยความโกรธและโมโห
อีกฝ่ายก็ไม่ยอมอ่อนข้อ ไม่รอให้หยวนชุนเอ่ยปาก เซียวเชียนเยี่ยเอ่ยขึ้นเสียงดัง “ยิงธนู”
“เซียวเชียนเยี่ย” ยังไม่ทันวางฮองเฮาลง หนานกงมั่วเอ่ยขึ้นด้วยความโกรธ เหตุเพราะตำแหน่ง เป็นเพราะช่วยนางเว่ยจวินมั่วจึงช้ากว่านาง วาจาของเซียวเชียนเยี่ยจบลงเว่ยจวินมั่วก็อยู่ท่ามกลางฝนลูกธนูเสียแล้ว เซียวเชียนเยี่ยไม่สนใจหนานกงมั่วที่เสียมารยาท เพียงจ้องมองเว่ยจวินมั่วที่อยู่ท่ามกลางห่าลูกธนู เพราะไทเฮาเองก็อยู่ตรงนั้น