ตอนที่ 540 จุดจบของหร่วนอวี้จือ (1)
“จวิ้นจู่ เกิดเรื่องใหญ่แล้วเจ้าค่ะ” ในขณะที่หนานกงมั่วกำลังขมวดคิ้วมุ่นอยู่กับหนังสือสวดมนต์ในมือ รถม้าพลันหยุดลง ด้านนอกรถม้ามีเสียงร้อนรนของหลิ่วดังขึ้น
“เรื่องอันใด” หนานกงมั่วโผล่ศีรษะออกมามองหลิ่วที่ท่าทางร้อนรน หลิ่วกัดฟัน เอ่ย “คุณชายถูกทหารองครักษ์จับตัวไปแล้วเจ้าค่ะ”
หนานกงมั่วหัวใจหนักอึ้ง “เหตุผลเล่า”
หลิ่นเอ่ยตอบ “เช้าวันนี้ผู้สืบทอดโจวอ๋องและอันจวิ้นอ๋องตายอยู่ที่ซินเย่ว์หยวน ตอนนั้น…คุณชายเซียวสามและคุณชายก็อยู่ด้วย บอกว่า บอกว่าคุณชายเป็นคนฆ่าผู้สืบทอดโจวอ๋องและอันจวิ้นอ๋องเจ้าค่ะ”
หนานกงมั่วออกมาจากรถม้า ใบหน้าสวยราวกับเคลือบไปด้วยชั้นน้ำแข็ง “ผู้สืบทอดโจวอ๋องและอันจวิ้นอ๋องอย่างนั้นหรือ ไยจวินมั่วต้องฆ่าพวกเขา หลักฐานเล่า”
หลิ่วหน้าซีด เอ่ยเสียงเบา “ได้ยินว่า…ตอนที่มีคนบุกเข้าไป มือของคุณชายถือกระบี่จื่อเซียวอยู่ บาดแผลของผู้สืบทอดโจวอ๋องและอันจวิ้นอ๋อง…เกิดจากกระบี่จื่อเซียวเจ้าค่ะ” หนานกงมั่วหลับตาลง เอ่ยเสียงเข้ม “ข้ารู้แล้ว กลับไปดูก่อน”
หลิ่วมองใบหน้านิ่งสงบของสตรีตรงหน้า หัวใจที่เต้นกระหน่ำก็สงบตามลงไปด้วย ราวกับเพียงมีสตรีตรงหน้าอยู่ ต่อให้เรื่องราวยุ่งยากเพียงใดก็ต้องมีทางแก้
ตั้งสติได้แล้ว หลิ่วจึงเอ่ยเสียงเข้ม “ข้าจะไปหาจื่อเยียนและคุณชายฉังเฟิง ให้พวกเขาลองสืบเผื่อพอจะรู้อันใดบ้าง”
มองหลิ่วที่ใจเย็นลง หนานกงมั่วพยักหน้า เอ่ย “ข้าจะกลับไปหาเสด็จแม่และเซียวเชียนชื่อ”
กลับมาถึงจวนเยี่ยนอ๋อง องค์หญิงฉังผิงและเซียวเชียนชื่อ เซียวเชียนเหว่ยได้รออยู่ก่อนแล้ว มองเห็นหนานกงมั่วกลับมาทั้งสามจึงถอนหายใจออกมา “อู๋สยา…” หนานกงมั่วพยักหน้า “เสด็จแม่ หม่อมฉันรู้เรื่องแล้วเพคะ”
องค์หญิงฉังผิงมีสีหน้าเคร่งเครียด ขมวดคิ้วเอ่ย “จวินเอ๋อร์และเชียนจย่งถูกจับขังคุกกรมอาญา ยามนี้ควรทำเช่นไร”
หนานกงมั่วเอ่ยถาม “เกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่ จวินมั่วและเชียนจย่งไปอยู่ที่ซินเย่ว์หยวนได้เยี่ยงไรเพคะ”
เซียวเชียนเหว่ยมองหนานกงมั่วด้วยความละอายใจ เอ่ย “พี่สะใภ้ เรื่องนี้เกรงว่าเป็นเหว่ยเอ๋อร์ทำให้พี่ชายต้องลำบากแล้ว ฝ่าบาทตอบรับคำขอออกจากเมืองหลวงขอพวกเราแล้ว ดังนั้นจึงปล่อยน้องสามไปเที่ยวเล่น รุ่งเช้าคนที่ติดตามน้องสามไปกลับมารายงานว่าน้องสามต่อยตีกับผู้สืบทอดคังอ๋องที่ซินเย่ว์หยวน เดิมพวกเราก็ไม่คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่ เพียงแต่น้องสามไม่ฟังคำของข้าและพี่ใหญ่นัก ดังนั้นจึงจำต้องขอร้องพี่ชายช่วยไปดูให้ ใครจะรู้ว่า…จะเกิดเรื่องเช่นนี้ได้ พวกเราเองก็ไม่รู้ขอรับ”
หนานกงมั่วหลุบตาลง ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะพยักหน้า เอ่ย “ข้ารู้แล้ว”
“พี่สะใภ้ ตอนนี้พวกเราจะทำเช่นไร” เซียวเชียนชื่อเอ่ยถาม
“อยู่ในจวนเป็นเพื่อนเสด็จแม่” หนานกงมั่วลุกขึ้น เอ่ยตอบ
ทั้งสองลูบจมูก มาคิดดูดีๆ ตนเองก็ทำสิ่งใดไม่ได้จริงๆ พวกเขาเกิดที่โยวโจวเติบโตที่โยวโจว ไม่มีอิทธิพลใดๆ ในจินหลิง แม้แต่คนที่รู้จักก็ยังไม่มีสักคน เซียวเชียนชื่อถอนหายใจออกมา “ลำบากพี่สะใภ้แล้ว” หนานกงมั่วหมุนตัวกลับไปหาองค์หญิงฉังผิง องค์หญิงฉังผิงพยักหน้า เอ่ย “อู๋สยา เจ้าไปจัดการธุระเถิด มีเรื่องอันใดที่ข้าช่วยได้ให้รีบบอกเป็นพอ”
หนานกงมั่วเอ่ย “กำลังจะขอให้เสด็จแม่เข้าวังไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทเลยเพคะ หม่อมฉันอยากเจอจวินมั่วกับเชียนจย่ง” ตอนนี้เวลานี้นางอยากเจอเว่ยจวินมั่ว ทว่าตำแหน่งจวิ้นจู่ของนางดูเหมือนจะไม่เพียงพอ องค์หญิงฉังผิงลุกขึ้น เอ่ย “ข้าจะเข้าวังตอนนี้เลย”
หนานกงมั่วส่ายศีรษะ เอ่ย “ยังไม่ใช่เวลานี้เพคะ เสด็จแม่ไปพรุ่งนี้เช้าเถิด ทางที่ดีพาพระองค์หญิงหลิงอี๋ไปด้วยเพคะ หม่อมฉันยังมีเรื่องต้องสืบให้ชัดเจน”
องค์หญิงฉังผิงร้อนใจไม่บอกก็รู้ได้ ทว่าเมื่อได้ยินหนานกงมั่วบอกจึงจำต้องข่มใจพยักหน้าตอบรับ เอ่ย “ข้าจะไปเขียนเทียบเชิญน้องเจ็ดก่อน”
เดินออกมาจากเรือนที่พักขององค์หญิงฉังผิง ฝังและหลิ่วก็พากันมายืนรออยู่หน้าประตูแล้ว มองเห็นหนานกงมั่วเดินออกมาจึงรีบเดินเข้าไปหา “จวิ้นจู่”
เท้าของหนานกงมั่วไม่ได้หยุด ก้าวเดินตรงไปยังห้องหนังสือ พร้อมเอ่ยถาม “คนติดตามของเชียนจย่งอยู่ที่ไหน”
ฝังขมวดคิ้ว “ถูกจับไปหมดแล้วขอรับ จวิ้นจู่สงสัยว่าพวกเขามีปัญหา หากเป็นเช่นนั้น…เกรงว่าคนเหล่านั้นคงอยู่ได้อีกไม่นานขอรับ”
“ฝั่งซินเย่ว์หยวนเล่า” หนานกงมั่วเอ่ยถาม
“คุณชายฉังเฟิงไปสืบด้วยตนเองแล้วขอรับ เพียงแต่อันจวิ้นอ๋องและผู้สืบทอดโจวอ๋องตายอยู่ที่ซินเย่ว์หยวน ยามนี้ซินเย่ว์หยวนเองก็ถูกปิดเพื่อตรวจสอบแล้ว ส่วนแม่นางโหลวซินเย่ว์ ถูกเฉิงจวิ้นอ๋องส่งคนมารับไปแล้วขอรับ” ฝังเอ่ยตอบ หนานกงมั่วครุ่นคิด เอ่ย “ให้คนลอบปล่อยข่าวออกไป บอกว่า…การตายของอันจวิ้นอ๋องเกี่ยวข้องกับเฉิงจวิ้นอ๋อง”
ฝังลังเลอยู่ชั่วครู่ เอ่ยถามอย่างเป็นกังวล “จวิ้นจู่ ยามนี้คุณชายถูกขังอยู่ในห้องขัง หากเราท้าทายเฉิงจวิ้นอ๋องเป็นศัตรู จะไม่เป็นการดีหรือไม่ขอรับ” หนานกงมั่วยิ้มเย็น เอ่ยเสียงเรียบ “ไม่ให้เขาไม่รู้ก็ไม่ได้ เจ้าวางใจ ได้ยินข่าวนี้แล้วคนแรกที่เซียวเชียนลั่วสงสัยคงไม่ใช่เราอย่างแน่นอน”
ฝังนึกขึ้นได้ทันใด “คนในวังผู้นั้นหรือขอรับ”
หนานกงมั่วเอ่ยตอบเสียงเรียบ “ตอนนี้เป็นเช่นนี้แล้ว คงไม่ต้องกลัวที่จะตีน้ำให้ขุ่นไปกว่านี้แล้ว มิเช่นนั้น เราจะมีเวลาไปสืบหาความจริงได้เยี่ยงไร เซียวเชียนเยี่ย…ทางที่ดีที่สุดอย่าได้เป็นฝีมือเขา…”
ฝังเข้าใจทันใด เอ่ย “ข้าน้อยเข้าใจแล้วขอรับ ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วเราส่งข่าวเพิ่มออกไปอีกสักหน่อยดีหรือไม่ขอรับ อย่างไร เมื่อเรียงลำดับคนที่ไม่ชอบใจอันจวิ้นอ๋อง คุณชายของเราคงไม่ติดอันดับ” หนานกงมั่วยิ้มบาง “หลิ่ว เจ้าไปจัดการเถิด”
“เจ้าค่ะ จวิ้นจู่” หลิ่วประสานมือน้อมรับคำสั่ง หันหลังออกไปจัดการทันที
ทั้งสองคนเดินเข้าไปในห้องหนังสือ พบว่าลิ่นฉังเฟิงมารออยู่ก่อนแล้ว มองเห็นหนานกงมั่วเดินเข้ามา ลิ่นฉังเฟิงกวาดตาขึ้นลงสำรวจนาง เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เห็นแม่นางมัวดูสงบมั่นคง ข้าเองก็วางใจ เพียงแต่…เรื่องเล็กน้อยนี้ คงไม่ยากเกินไปสำหรับแม่นางมั่วหรือไม่” หนานกงมั่วยกมือขึ้นกุมขมัยอย่างจนใจ “ยามนี้ท่านยังมีใจมาล้อเล่น ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องใหญ่จริงๆ ใช่หรือไม่”
ลิ่นฉังเฟิงลูบปลายคาง เอ่ย “จะเอ่ยเยี่ยงนี้ก็ไม่ถูก ข้าเพียงรู้สึกว่า…ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็ยังแหกคุกได้ ไม่ต้องร้อนใจเพียงนั้น”
“ข้าช่างแปลกใจ จวินมั่วไปถูกคนให้ร้ายได้เยี่ยงไร” หนานกงมั่วนั่งลงเอ่ยขึ้นเสียงหนัก
ลิ่นฉังเฟิงยักไหล่ เอ่ย “เจ้าคิดว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ว่าเว่ยจวินมั่วจะฟันสองคนนั้นจริงๆ” อย่าว่าเว่ยจวินมั่วทำไม่ได้ หากคับขันเขาสามารถทำในสิ่งที่คนอื่นมองว่าบ้าได้ หนานกงมั่วส่งเสียงหยัน “หากเขาไม่ถูกจับ” หากเว่ยจวินมั่วคิดจะฆ่าโจวอ๋องและผู้สืบทอดโจวอ๋องก็สามารถสังหารได้อย่างไร้ร่องรอย จะไปถึงขั้นให้คนมาจับในสถานที่เกิดเหตุได้เยี่ยงไร
“เอาล่ะ เจ้าชนะแล้ว” ลิ่นฉังเฟิงถอนหายใจ
ทั้งสามคนนั่งลง ลิ่นฉังเฟิงเอ่ย เรื่องในซินเย่ว์หยวนข้าส่งคนไปสืบแล้ว วันนี้ตอนเช้าเซียวเชียนจย่งออกมาบังเอิญเจอกับผู้สืบทอดโจวอ๋องและอันจวิ้นอ๋อง จากนั้นทั้งสามตรงไปยังซินเย่ว์หยวนด้วยกัน บอกว่าจะพาเซียวเชียนจย่งไปสัมผัสกับความตื่นตาตื่นใจของหอนางโลมอันดับหนึ่งในจินหลิง ประมาณหนึ่งชั่วยามต่อมาจวินมั่วก็ตามไป จากนั้นโหลวซินเย่ว์ก็ถูกส่งออกมา หลังจากนั้นอีก…คนด้านนอกได้ยินเสียงร้องดังมาจากด้านใน เมื่อเข้าไปด้านใน…ผู้สืบทอดโจวอ๋องและอันจวิ้นอ๋องก็ตายไปแล้ว กระบี่อยู่ในมือจวินมั่ว นอกจากนั้น บอกก่อนว่าเสียงร้องดังนั่นเป็นเสียงของเซียวเชียนจย่ง”