ตอนที่ 533 ตัวเบี้ยที่ถูกทอดทิ้ง เยี่ยมนักโทษ (2)
จูชูอวี้หัวใจหนักอึ้ง ไม่นานจึงกลับมาสงบนิ่งดังเดิม หร่วนอวี้จือถูกฆ่าตายไปแล้วก็ไม่เป็นไร สมควรแล้วที่เขาไม่ลืมหูลืมตา ขอเพียงนางแสดงจุดยืนของนางและตระกูลจูชัดเจนก็เพียงพอแล้ว
“ใต้เท้าหร่วนเสียมารยาทกับจวิ้นจู่และซื่อจื่อหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นก็สมควรตายแล้ว คิดว่า…ฝ่าบาทเองก็คงไม่ว่าอันใด” จูชูอวี้เอ่ยด้วยรอยยิ้มบาง
เว่ยจวินมั่วเงียบไปชั่วครู่ “ยังไม่ตาย”
สององครักษ์พาตัวหร่วนอวี้จือเข้ามาด้านใน โยนหร่วนอวี้จือที่เอาแต่จ้องมองจูชูอวี้นิ่งลงไปบนพื้น เห็นชัดว่าก่อนหน้านี้เขาได้ยินคำพูดของจูชูอวี้ทุกคำ อีกทั้งยังได้รับการโจมตีอย่างหนัก จูชูอวี้มองเว่ยจวินมั่วที่ยังคงมีสีหน้าเฉยชา หลุบตาลง นางติดกับแล้ว แต่ไม่เป็นไร…อย่างไรหร่วนอวี้จือก็เป็นเพียงตัวเบี้ยที่ถูกทอดทิ้งตัวหนึ่งก็เท่านั้น
“ใต้เท้าหร่วน บุกรุกจวนเยี่ยนอ๋องโดยไม่มีรับสั่งของฝ่าบาท เสียมารยาทต่อจวิ้นจู่ เรื่องนี้ข้าจะรายงานต่อฝ่าบาท” จูชูอวี้เอ่ยเสียงเข้ม ไม่รู้ว่าตกใจเกินไปหรืออย่างไร หร่วนอวี้จือจึงไม่เอ่ยสิ่งใดออกมา จูชูอวี้เองก็ไม่ให้โอกาสเขาได้เอ่ยปาก รีบลุกขึ้นกล่าวลาหนานกงมั่ว “ชูอวี้ยังมีธุระต้องจัดการคงต้องขอตัวลาแล้วเจ้าค่ะ”
หนานกงมั่วพยักหน้า “เซี่ยนจู่กลับดีๆ เด็กๆ ไปส่งซั่นจยาเซี่ยนจู่”
ผู้ดูแลเชิญจูชูอวี้ออกไปแล้ว ในห้องเหลือเพียงหนานกงมั่วสองคนและหร่วนอวี้จือที่นิ่งค้างไปแล้ว หนานกงมั่วยื่นมือไปสะกิดเว่ยจวินมั่ว มองหร่วนอวี้จืออย่างแปลกใจ เอ่ยถาม “เจ้านี่จะจัดการเยี่ยงไร” ดวงตาเย็นเยือกของเว่ยจวินมั่วกวาดตามองไป “โยนออกไป” เดี๋ยวก็มีคนจัดการเขาเอง
ห้องที่เหลือเพียงความว่างเปล่า หนานกงมั่วถอนหายใจออกมาพลันนึกบางอย่างขึ้นได้ “แย่แล้ว ข้าลืมถามจูชูอวี้ ฮองเฮาคลอดโอรสแล้วหรือไม่”
เว่ยจวินมั่วเลิกคิ้ว “ฮองเฮาจะคลอดแล้วหรือไม่เกี่ยวอันใดกับเจ้า อู๋สยาชอบเด็กหรือ”
หนานกงมั่วรีบขยับตัวหนีห่างจากเว่ยจวินมั่ว “พูดให้ชัดเจนก่อน ยามนี้ข้ายังไม่อยากมีลูกนะ”
ใบหน้าของเว่ยจวินมั่วยังคงนิ่ง “อู๋สยาคิดมากแล้ว”
“จริงหรือ”
“…”
ไม่รู้ว่าจูชูอวี้หรือเซียวเชียนเยี่ยกันแน่ที่เคลื่อนไหวรวดเร็ว รอจนได้ข่าวว่าฮองเฮาให้กำเนิดโอรสแล้ว พลันมีข่าวหร่วนอวี้จือกลายเป็นชาวบ้านธรรมดาทั่วไป แต่ว่าครั้งนี้หร่วนอวี้จือดูจะน่าเวทนาสักหน่อย เพราะสองเค่อก่อนหน้านี้คนที่ส่งไปติดตามหร่วนอวี้จือกลับมารายงานว่าหร่วนอวี้จือออกไปจากจวนเยี่ยนอ๋องได้ไม่นานก็พบเข้ากับกลุ่มอันธพาล ถูกทุบขาทั้งสองข้าง ตามที่มือสังหารของวังจื่อเซียวดูแล้ว…กระดูกหัก หมอทั่วไปไม่อาจรักษาได้ หมอไม่ทั่วไป…ย่อมไปไม่ถึงหร่วนอวี้จือ
“ช่างน่าเวทนา” หนานกงมั่วถอนหายใจออกมา สำหรับคนอย่างหร่วนอวี้จือนางคร้านจะไปลงมือด้วยตนเอง ทว่าเมื่อเห็นเขาโชคร้ายนางเองก็ปรบมือด้วยความยินดี “ไม่รู้ว่าใครกันถึงได้รู้ใจผู้อื่นเพียงนี้”
“ฝีมือจูชูอวี้” เว่ยจวินมั่วเอ่ยตอบ
หนานกงมั่วกะพริบตาปริบ พิงอยู่กับไหล่เว่ยจวินมั่ว เอ่ยถามอย่างแปลกใจ “ท่านรู้อยู่ก่อนแล้วหรือว่าจูชูอวี้จะส่งคนมาจัดการหร่วนอวี้จือ”
“ในเมื่อเป็นตัวเบี้ยที่โยนทิ้งแล้ว อีกทั้งหร่วนอวี้จือยังได้ยินวาจาของจูชูอวี้ ด้วยนิสัยของนางมีหรือจะยอมให้หร่วนอวี้จือปืนภูเขาขึ้นมาอีกครั้ง” เพียงหักขาไม่ได้เอาชีวิตของหร่วนอวี้จือเท่านี้ก็นับว่าจูชูอวี้ปรานีมากแล้ว ทำแบบนี้เพราะจูชูอวี้เห็นว่าคนอย่างหร่วนอวี้จือก็คงไม่มีปัญญาจะทำอันใดได้อีกแล้ว
หนานกงมั่วเองก็ไม่ได้สนใจหร่วนอวี้จือมากนัก ลุกขึ้นพลางเอ่ย “ในเมื่อไม่มีเรื่องอันใดแล้ว ข้าจะไปดูพี่ใหญ่สักหน่อย ตระกูลหนานกงถูกค้นบ้านยึดทรัพย์สิน หนานกงชวี่ที่เป็นบุตรชายเชื้อสายหลัก แม้ไม่ได้ร่วมมือด้วยอีกทั้งยังนับว่าช่วยเหลือเซียวเชียนเยี่ยด้วย แต่อย่างไรก็หนีไม่พ้นการถูกควบคุมตัว ที่แตกต่างก็คือดูเหมือนว่าเซียวเชียนเยี่ยนึกอยากปล่อยเขาออกมาเมื่อใดหรืออาจควบคุมตัวไปตลอดชีวิตก็ได้
เว่ยจวินมั่วมองนาง “ให้ข้าไปด้วยหรือไม่”
หนานกงมั่วโบกมือยิ้มๆ “เพียงไปดูสักหน่อย ท่านจะไปทำไมกัน คิดดีกว่าว่าจะรับมือกับเซียวเชียนเยี่ยเยี่ยงไร” เมื่อคืนคนของวังจื่อเซียวแฝงตัวไปเป็นทหารองครักษ์ แม้จะคลี่คลายเรื่องของเซียวเชียนเยี่ยได้ ทว่ากลับกระทบกระเทือนจุดอ่อนไหวของเขาอย่างแน่นอน และนั่นก็สามารถมองได้ว่าเป็นการเตือนอย่างหนึ่ง ช่วงระยะนี้เซียวเชียนเยี่ยไม่กล้าทำอันใดวู่วามอย่างแน่นอน แต่ความหวาดระแวงที่มีต่อพวกเขานับวันยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ถอนหายใจออกมาแล้ว หนานกงมั่วก็ยักไหล่พลางยิ้มหยัน ไม่ทำให้คนริษยาได้นับเป็นพรสวรรค์
เว่ยจวินมั่วพยักหน้า “จิ้นจั๋วยังอยู่ที่จินหลิง ให้เขาไปกับเจ้า”
หนานกงมั่วอย่างไรก็ได้ หากเช่นนี้ทำให้เขาวางใจก็ย่อมได้
เนื่องจากจิ้นจั๋วได้รับความบอบช้ำทางความรู้สึกเพราะจูชูอวี้ ช่วงนี้เขาจึงไม่มีกะจิตกะใจจะสนใจงานและการค้าของตนเอง เว่ยจวินมั่วกลับมาแล้วเขาก็ไม่ได้รีบไปจากจินหลิงเมืองอันวุ่นวายแห่งนี้ที่เขาเกลียด ดังนั้นไม่นานจึงมาปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าหนานกงมั่ว มองเห็นหนานกงมั่วกำลังเตรียมตัวออกจากจวน จิ้นจั๋วก็เอ่ยหยอกล้อ “เว่ยจวินมั่วคิดว่าเจ้าเป็นสิ่งของที่เพียงสัมผัสก็แหลกละเอียดได้แล้วหรืออย่างไร ออกจากจวนยังต้องมีคนติดตาม” ในสายตาของจิ้นจั๋ว หนานกงมั่วโหดเหี้ยมเสียยิ่งกว่าบุรุษส่วนใหญ่บนโลกใบนี้เสียอีก ยังต้องให้เขาคอยติดตามคุ้มกัน คุ้มกันอันใดหรือ คุ้มกันคนอื่นไม่ให้ถูกนางรังแกหรืออย่างไร
หนานกงมั่วเองก็ไม่โกรธ ยิ้มจนตาหยี เอ่ย “หัวหน้าจิ้น บุรุษปากร้ายนั่นน่าเกลียดนะ”
จิ้นจั๋วส่งเสียงหยัน “สตรีโหดเหี้ยม อย่างไรหนานกงไหวก็เป็นบิดาของเจ้า ดูเหมือนเจ้าจะไม่ได้ไยดีอันใดนัก”
หนานกงมั่วเอ่ยเสียงเรียบ “ข้าไม่ได้บังคับให้เขาคิดกบฏ และข้าก็ไม่ใช่คนจับเขา” หรือว่านางยังต้องแสดงออกถึงความโศกเศร้าเสียใจอย่างนั้นหรือ
การโต้เถียงกับนางนั้นจิ้นจั๋วไม่เคยเอาชนะได้ เหลือบมองหนานกงมั่วอยู่ชั่วครู่ กอดอกนั่งหลับตาอยู่อีกฝั่ง หนานกงมั่วยังคงยิ้ม ดูเหมือนจะโกรธมาก ไม่รู้ไปถูกเสียดสีที่ไหนมาอีกแล้ว
จิ้นจั๋วพิงผนังรถม้า เอ่ยเสียงเรียบ “มีเวลาก็ระวังเจ้าสามตัวในบ้านเจ้าด้วย”
“พวกเชียนจย่งน่ะหรือ หมายความเยี่ยงไร” หนานกงมั่วเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ จิ้นจั๋วเองไม่คิดจะเอ่ยอันใดอีก หนานกงมั่วเพียงยักไหล่และจำเอาไว้
หนานกงไหวต้องโทษหนัก ถูกขังเอาไว้ในคุกหลวง หนานกงมั่วมีสถานะพิเศษ บวกกับข่าวสารที่รวดเร็วในจินหลิง ทำให้นางไม่ได้รับความลำบากใจอันใด เจ้าหน้าที่คุกหลวงเพียงตรวจป้ายแสดงตัวของหนานกงมั่ว จากนั้นจึงพานางเข้าไปด้านใน เพราะเป็นคดีใหญ่ ฐานะของหนานกงไหวก็แตกต่าง ดังนั้นจึงไม่ได้อยู่รวมกับนักโทษคุมขังทั่วไป แต่เป็นห้องลึกห้องเดี่ยวด้านในที่ใช้ขังคนในตระกูลหนานกง อีกด้าน อาจเป็นการป้องกันไม่ให้ใครมาชิงตัวนักโทษได้ เห็นได้ชัดว่าเซียวเชียนเยี่ยนั้นกำลังเฝ้าระวังหนานกงไหว
เดินตามผู้คุมผ่านทางเดินยาวที่เต็มไปด้วยนักโทษ ห้องขังทั้งสองฝั่งทางเดินนั้นเต็มไปด้วยนักโทษเหี้ยมโหด คนเหล่านี้ล้วนได้รับโทษหนัก เตรียมพร้อมรอตัดสินในช่วงหลังฤดูใบไม้ร่วง ส่วนขุนนางในราชสำนักที่ฝ่าฝืนกฎหรือสมคบคิดกบฏทำให้ฮ่องเต้ไม่พอใจพวกเขาไม่ได้มาอยู่ตรงนี้ เพียงเข้าห้องขังและฮ่องเต้สั่งประหารชีวิตในทันที