ตอนที่ 538 เกิดเรื่อง ฆาตกร (2)
ยืนอยู่ข้างกายเว่ยจวินมั่ว หนานกงมั่วเอ่ย “เช่นนั้น ฝ่าบาท…หม่อมฉันไม่ต้องหย่าแล้วใช่หรือไม่เพคะ”
“…” หากข้าบอกว่าไม่ใช่ เจ้าคิดจะพุ่งเข้ามาต่อสู้กับท่านโจวสามร้อยกระบวนท่าเลยหรือไม่ กระแอมไอเบาๆ แล้วเซียวเชียนเยี่ยจึงเอ่ย “จวิ้นจู่ทำคุณงามความดีแก่บ้านเมือง ยิ่งไปกว่านั้นยังแต่งเข้ามาในราชวงศ์แล้ว เรื่องของหนานกงไหวไม่เกี่ยวข้องอันใดกับจวิ้นจู่ ท่านหันเพียงเข้มงวดเกินไปเพียงนิดก็เท่านั้น จวิ้นจู่ไม่จำเป็นต้องใส่ใจ”
หนานกงมั่วยิ้มร่าออกมา ใบหน้างดงามอ่อนหวานยืนอยู่ข้างกายเว่ยจวินมั่ว ดูไม่ออกเลยว่าเป็นคนที่เมื่อครู่ต่อล้อต่อเถียงอยู่กับหันหมิ่น ว่า ‘ท่านอยากเป็นสตรีอย่างนั้นหรือ’ ผู้นั้น
หนานกงมั่วเอ่ยถาม “ไม่รู้ว่าฝ่าบาทเรียกหนานกงมั่วเข้าวัง มีเรื่องอันใดหรือเพคะ”
เจ้าจัดการเรียบร้อยแล้วมิใช่หรือ เซียวเชียนเยี่ยตำหนิอยู่ในใจ ใบหน้ากลับไม่อาจแสดงออกมา ยิ้มพลางเอ่ย “ฮองเฮาพึ่งให้ประสูติองค์ชายน้อย เสด็จแม่อยากเชิญจวิ้นจู่ไปตรวจฮองเฮาและองค์ชายน้อย” หนานกงมั่วพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ได้เห็นองค์ชาย นับว่าเป็นวาสนาของหนานกงมั่วแล้ว”
ด้านล่างโจวเซียงราวกับกำลังอยากเอ่ยสิ่งใด เซียวเชียนเยี่ยกลับห้ามเขาเอาไว้ก่อน “ทักษะการแพทย์ของซิงเฉิงจวิ้นจู่แม้แต่อดีตฮ่องเต้ยังชื่นชม จวิ้นจู่ช่วยตรวจฮองเฮาให้ข้าก็วางใจ”
ดังนั้น หนานกงมั่วจึงถูกนางในเชิญเข้าเฝ้าฮองเฮาที่วังหลัง เหลือไว้เพียงเว่ยจวินมั่วต้องมาถลกหนังกับบรรดาผู้อาวุโสเพียงลำพัง
วังหลังกลับมาสงบสุขอย่างที่เคยเป็นอีกครั้ง นางกำนัลขันทีต่างทำหน้าที่ของตนเอง ราวกับเมื่อคืนไม่มีเรื่องอันใดเกิดขึ้น หนานกงมั่วเองก็ไม่ได้ถามว่าเหล่านางกำนัลขันทีที่ลิ่นฉังเฟิงช่วยออกมานั้นมีใครได้รับบาดเจ็บหรือล้มตายไปหรือไม่
“ถวายพระพรฮองเฮาเพคะ” ฮองเฮาเอนตัวพิงหัวเตียงอย่างเหนื่อยอ่อน ใบหน้ายังคงซีดเซียว ใบหน้างดงามกลับมีรอยยิ้มปรากฏ เห็นชัดว่าการคลอดองค์ชายน้อยเป็นเรื่องที่นางยินดี หนานกงมั่วลอบสังเกตฮองเฮา หัวใจกลับหนักอึ้งขึ้นมา เรียกได้ว่านับตั้งแต่ที่ฮองเฮาเริ่มตั้งครรภ์นี้ก็ไม่เคยสบายใจเลย ก่อนหน้านี้เซียวเชียนเยี่ยก่อเรื่องของหนานกงซูขึ้นมาอีกทั้งยังรับหนานกงซูและคุณหนูตระกูลจูเข้าจวนเป็นอนุภรรยา หากเรื่องพวกนี้ทำให้ฮองเฮาเป็นทุกข์ล่ะก็ เช่นนั้นเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นคงเรียกได้ว่ายากจะรับได้ โดยเฉพาะเรื่องเมื่อคืน…ความจริงฮองเฮาสามารถคลอดออกมาได้โดยสมบูรณ์ หนานกงมั่วก็ประหลาดใจมากแล้ว ยามนี้ฮองเฮาดูเหมือนจะไม่เป็นไรนอกจากซูบผอมและซีดเซียว แต่หนานกงมั่วรู้ดีว่าเพื่อเด็กคนนี้ร่างกายของฮองเฮานั้นว่างเปล่าไปแล้ว ต่อไปเกรงว่า…
มองเห็นหนานกงมั่วฮองเฮาเองก็ดีใจ รีบกวักมือเรียกพร้อมเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “จวิ้นจู่ไม่ต้องมากพิธี รีบเข้ามานั่งคุยกันเถิด”
หนานกงมั่วเดินเข้าไปนั่งบนตั่งเล็กข้างเตียง เอ่ยถามเสียงเบา “ฮองเฮาไม่เป็นไรใช่หรือไม่เพคะ”
ฮองเฮายิ้ม “ข้าจะมีอันใดไม่ดีเล่า ขอบคุณที่เจ้าเป็นห่วงข้า รีบไปอุ้มองค์ชายมาให้จวิ้นจู่ดูเร็ว” ฮองเฮาหันกลับไปออกคำสั่งกับนางกำนัล นางกำนัลน้อมรับคำสั่งหันตัวเดินออกไป ไม่นานก็กลับมาพร้อมกับห่อผ้าสีทองที่ห่อมาเป็นอย่างดี หนานกงมั่วเดินเข้าไปใกล้ องค์ชายน้อยคลอดก่อนกำหนด ซูบผอมและอ่อนแออย่างเห็นได้ชัด ผิวหนังเหี่ยวย่นเล็กน้อย เปลือกตาหลับสนิท เด็กทารกที่พึ่งคลอดยังดูไม่ออกว่าคล้ายฮองเฮาหรือเซียวเชียนเยี่ย
“องค์ชายน้อยเยี่ยมไปเลยเพคะ แม้จะคลอดก่อนกำหนด แต่ว่า…ไม่มีผลกระทบมากนัก ต่อไปหากเลี้ยงดูเป็นอย่างดีจะต้องเป็นเด็กที่แข็งแรงอย่างแน่นอน” หนานกงมั่วเอ่ยเสียงเบา
ได้ยินเช่นนั้น ฮองเฮาจึงพ่นลมหายใจออกมา รอยยิ้มบนใบหน้าปรากฏชัดเจนขึ้น เห็นได้ว่านางเองก็รู้ดี เพียงแต่คำพูดของหนานกงมั่วทำให้นางวางใจขึ้นมาบ้าง
หนานกงมั่วไม่ได้พูดเหลวไหล แม้องค์ชายจะคลอดก่อนกำหนดทว่าไม่ได้มีสิ่งใดน่าหนักใจ อีกทั้งยังมีพัฒนาการที่ดีเมื่ออยู่ในครรภ์ แต่ว่าร่างกายของฮองเฮา…
ฮองเฮาไม่ได้ให้หนานกงมั่วตรวจอาการของตนเอง ราวกับไม่ใส่ใจต่อสภาพร่างกายตนเองมากนัก หนานกงมั่วเข้าใจดี ฮองเฮาคงรู้ตัวดีว่าตอนนี้สภาพร่างกายของตนนั้นเป็นอย่างไร หมอหลวงในวังหลวงเองไม่ได้ไร้ความสามารถ แต่หากเอ่ยถึงทักษะความสามารถเมื่อเทียบกับหนานกงมั่วแล้ว รักษาโรคที่รักษาได้ยาก อาการบาดเจ็บภายนอกภายในได้ดีกว่า นางจึงถูกชื่นชมเรื่องทักษะทางการแพทย์ นั่นเพียงเพราะในบางสถานการณ์นางมีความกล้ามากกว่าก็เท่านั้น นอกจากนี้นางยังมียาที่หาได้ยากมาจากอาจารย์มากมาย เมื่อเป็นเช่นนี้ สุดท้ายหนานกงมั่วก็ยังทิ้งใบสั่งยาไว้ให้ฮองเฮา แลกมากับรอยยิ้มซาบซึ้งใจของฮองเฮา
เมื่อกล่าวลาฮองเฮาเดินออกจากประตูวังมา ก็มองเห็นเว่ยจวินมั่วและจิ้นจั๋วกำลังยืนพูดคุยอันใดบางอย่างอยู่นอกประตูวัง เห็นชัดว่ากำลังรอนางอยู่ เว่ยจวินมั่วได้สติกลับมา ยื่นมือออกไปหาหนานกงมั่วที่เดินมุ่งหน้าเข้ามาหาตน หนานกงมั่วยิ้มรับและยื่นมือไปจับกับมือที่ยื่นรออยู่แล้ว เอ่ยถาม “พวกท่านกำลังคุยอันใดกันหรือ” จิ้นจั๋วส่งเสียงจิ๊จ๊ะอยู่ในลำคอ เห็นได้ชัดว่าไม่คุ้นชินกับการใกล้ชิดสนิทสนมของทั้งสองคนตรงหน้า เอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ “แน่นอนว่าคุยกันว่าไยซิงเฉิงจวิ้นจู่จึงยังไม่กลับออกมา”
แน่นอนว่าหนานกงมั่วไม่เชื่อเขา เซียวเชียนเยี่ยคงไม่กักตัวนางไว้ในวังหรอกใช่หรือไม่ ทว่ากลับไม่ได้เอ่ยถามสิ่งใดต่อ เปลี่ยนคำถาม “ดังนั้น วันนี้ฮ่องเต้เรียกข้าเข้าวังมาเพื่อให้ตาเฒ่าพวกนั้นเสียดสีข้าไม่กี่ประโยคอย่างนั้นน่ะหรือ”
เว่ยจวินมั่วไม่ใส่ใจ เอ่ยเสียงเรียบ “เพียงหยั่งเชิงดูก็เท่านั้น หนานกงชวี่…”
หนานกงชวี่ถูกตัดสินโทษเนรเทศหนานกงมั่วเองก็รู้ ทว่าไม่ได้แปลกใจนัก เดิมเซียวเชียนเยี่ยก็ไม่ใช่เจ้านายที่พึ่งพาได้เท่าใดนัก หนานกงชวี่ยังเป็นบุตรชายแท้ๆ ของหนานกงไหวอีก ต่อให้มีคุณงามความดีมากเพียงใดเซียวเชียนเยี่ยก็คงไม่ใช้ประโยชน์เขาจริงจัง เพียงแต่คิดว่าหนานกงชวี่เองก็ไม่สนใจ อย่างไรเขาเข้าหาเซียวเชียนเยี่ยก็ไม่ใช่เพื่ออยากเป็นขุนนาง หากจะบอกว่าพึ่งพาอาศัยก็คงไม่ใช่ คงต้องบอกว่าใช้ประโยชน์ซึ่งกันและกันมากกว่า และเหล่าปัญญาชนที่เอาแต่ร่ายบทกวีไปวันๆ เหล่านั้นก็คงไม่ยอมให้หนานกงชวี่ไปโผล่หัวมีหน้ามีตาอยู่ในราชสำนักเป็นแน่ ในสายตาของพวกเขา สิ่งที่หนานกงชวี่ทำนั้นไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษผู้มีเมตตาธรรมเลยแม้เพียงนิด
“เนรเทศหนึ่งพันลี้ ที่ไหนกันหรือ” หนานกงมั่วเอ่ยถาม การเนรเทศเรื่องแบบนี้ สำหรับบางคนแล้วนับว่าเป็นเรื่องที่เลวร้าย แต่หากมีคนช่วยเหลือเคลื่อนย้ายก็คงไม่นับว่าลำบากมาก อย่างไรเสีย ราชสำนักคงไม่มีทางส่งคนไปคอยเฝ้าดูว่าผู้ที่ถูกเนรเทศกำลังทำอันใดอยู่
เว่ยจวินมั่วครุ่นคิด เอ่ย “ไม่ใช่อิ่งโจวก็เป็นชิงโจว พื้นที่ของเสด็จลุงโจวอ๋องและเสด็จลุงฉีอ๋อง”
หนานกงมั่วเอ่ย “หากเป็นพื้นที่ของฉีอ๋อง จะได้ขอร้องฉีอ๋องให้ช่วยดูแลได้เล็กๆ น้อยๆ”
“โจวอ๋องก็ได้เช่นกัน” เว่ยจวินมั่วเอ่ยตอบ
หนานกงมั่วครุ่นคิด ยิ้มออกมา การดูแลนักโทษเนรเทศในพื้นที่ตนเองถือว่าเป็นเรื่องเล็ก คิดว่าโจวอ๋องเองก็คงจะไว้หน้ากันบ้าง แม้ว่าความทรงจำของหนานกงมั่วต่อโจวอ๋องผู้ขาวๆ อ้วนๆ ผู้นั้นจะไม่ดีนัก ทว่าเมื่อเว่ยจวินมั่วบอกว่าได้ แน่นอนว่าไม่ต้องกังวลใจ
“เช่นนั้นก็ดี” คนอื่นๆ แน่นอนว่านางไม่ต้องไปกังวล ตอนนี้พวกนางควรคิดได้แล้วว่าจะไปโยวโจวอย่างราบรื่นได้เยี่ยงไร แม้ว่าสถานการณ์ของเว่ยจวินมั่วตอนนี้จะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกสักนิด จะบอกว่าเขาไม่ติดอันใดก็ยังมีขุนนางขั้นสองติดตัวอยู่ จะบอกว่าเขาเป็นขุนนางในราชสำนัก เซียวเชียนเยี่ยก็ไม่ให้เขาเข้าไปในราชสำนักด้วยซ้ำ แผนการของเซียวเชียนเยี่ย คงไม่คิดจะให้เขาไร้ประโยชน์หรอกกระมัง หรือว่าจะเลี้ยงดูไปก่อน ถึงเวลาค่อยจัดการกับเขาหรือ