ตอนที่ 547 หลอกใช้และเคลือบแคลงสงสัย (1)
ลิ่นฉังเฟิงเอ่ยอย่างเกียจคร้าน “แต่ตอนนี้เซียวเชียนลั่วคงจะรู้แล้ว”
“อย่างไรนะ” หนานกงมั่วเอ่ยถาม
ลิ่นฉังเฟิงเอ่ย “คนที่ถูกส่งไปจับตามองจวนเฉิงจวิ้นอ๋องกลับมารายงานว่าจวนเฉิงจวิ้นอ๋องได้เพิ่มกำลังรักษาการเพิ่มขึ้นกว่าสามเท่า ในนั้นยังมียอดฝีมือไม่น้อย คงกลัวเราจะไปวุ่นวายกับเขา”
หนานกงมั่วครุ่นคิดเงยหน้าขึ้นไปหาจิ้นจั๋ว เอ่ย “หัวหน้าจิ้น รบกวนท่านช่วยไปดูสักหน่อยได้หรือไม่” จิ้นจั๋วเลิกคิ้ว เอ่ย “ไปสังหารเซียวเชียนลั่วหรือ ไม่ทำ” ลอบสังหารจวิ้นอ๋องอย่างนั้นหรือ ความสัมพันธ์ของเขากับเว่ยจวินมั่วและหนานกงมั่วยังไม่ได้ดีเพียงนั้น ลิ่นฉังเฟิงปรายตามองจิ้นจั๋ว เอ่ย “แม่นางมั่ว ข้าไปก็ได้ ก็แค่เฉิงจวิ้นอ๋องคนเดียว” คนเช่นนี้สำหรับเขาแล้วไม่นับประสาอันใด อย่างไรเขาก็มีชื่อเป็นถึงเจ้าสำนักวังจื่อเซียว วังจื่อเซียวสถานที่แบบนั้น ต่อให้เป็นเพียงการแขวนชื่อแต่หากไม่มีความสามารถจริงๆ ก็อยู่ไม่ได้หรอกรู้หรือไม่
หนานกงมั่วกุมขมับ “ท่านคิดมากเกินไปแล้ว ข้าเพียงอยากให้หัวหน้าจิ้นไปเจรจากับเฉิงจวิ้นอ๋องให้เข้าใจ ข้าไม่ได้จะหาเรื่องเขา เชื่อเถิด เขารู้ดีว่าอันใดคือการแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน”
ภายใต้การคุ้มกันแน่นหนา เจ้ายังสามารถส่งคนไปยืนอยู่ตรงหน้าเขาได้อย่างเงียบเชียบ หากเขายังไม่รู้ว่าอันใดคือการแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน เช่นนั้นคงต้องเปลี่ยนมาเรียกว่าเสือกล้าแล้วล่ะ
จิ้นจั๋วพยักหน้า เอ่ย “ไม่มีปัญหา” องครักษ์เหล่านั้นกับยอดฝีมือ คนที่จิ้นจั๋วจะเห็นอยู่ในสายตานั้นมีไม่มาก หนานกงมั่วพยักหน้าพึงพอใจ “รบกวนหัวหน้าจิ้นแล้ว”
จิ้นจั๋วลุกขึ้นไปจัดการทันที ฝังเอ่ยรายงาน “จวิ้นจู่ กิจการในจินหลิงเหลือเพียงหอเทียนอีและหอชุนเฟิงสองที่แล้ว ที่อื่นๆ จัดการไปได้เยอะแล้วขอรับ” หนานกงมั่วพยักหน้า เอ่ย “หอเทียนอีมีคนติดตามเยอะเกินไป เดิมหอชุนเฟิงก็ทำอย่างลับๆ ไม่ต้องจัดการ ตอนที่จัดการต้องระวังให้มาก หากเคลื่อนย้ายเงินจำนวนมากเกินไป จะเป็นที่สงสัยได้ง่ายๆ”
ลิ่นฉังเฟิงยิ้ม “แม่นางมั่วโปรดวางใจ เหอเหวินลี่ไม่มีความกล้ามากพอที่จะขายพวกเรา” เหอเหวินลี่ผู้เป็นผู้ว่าการเขตอิ้งเทียนเรื่องธุรกิจการค้าพวกนี้แน่นอนว่าไม่หลุดรอดจากสายตาของเขา เพียงแต่เหอเหวินลี่เป็นคนฉลาด แน่นอนรู้ว่าสิ่งใดควรพูดสิ่งใดไม่ควรพูด สิ่งใดพูดเร็วสิ่งใดพูดช้า
ลิ่นฉังเฟิงถอนหายใจออกมา “หรือว่าพวกเราจะต้องหนีจากจินหลิงไปเช่นนี้หรือ”
หนานกงมั่วมองเขาอย่างแปลกใจ “หรือท่านจะรอเซียวเชียนเยี่ยหาเรื่องมาไล่ท่านออกจากเมืองด้วยตัวเขาเองหรือ ฉังเฟิง เขาเป็นฮ่องเต้” และยุคสมัยนี้ เป็นยุคสมัยที่ฮ่องเต้เป็นใหญ่ หากไม่ใช่เพราะเซียวเชียนเยี่ยไม่มีความกล้าออกคำสั่งกำจัดเว่ยจวินมั่ว เช่นนั้นแล้วพวกเขาคงมีทางเลือกเดียวก็คือแหกคุกหลวงเท่านั้น
ลิ่นฉังเฟิงลูบจมูก “เอาล่ะ ข้าคิดมากเกินไป เพียงแต่ยากที่จะไม่รู้สึกอึดอัดใจก็เท่านั้น”
หนานกงมั่วเอ่ย “ไม่ต้องกังวล เซียวเชียนเยี่ยอึดอัดใจกว่าท่านมาก” ลงใจไว้ว่าอยากสังหารคนสุดท้ายกลับหนีรอดไปได้ ยากที่จะบอกได้ว่าสุดท้ายใครกันแน่ที่อึดอัดใจมากกว่า
“เช่นนั้นตอนนี้พวกเราควรทำเช่นไร”
หนานกงมั่วเอ่ย “รอเซียวเชียนเยี่ยเข้าใจแล้ว เอาคนมาแลก เพียงแต่ ข้าคิดว่านิสัยของเซียนเชียวเยี่ย ก่อนที่จะยอมแพ้ก็ต้องลองวิธีอื่นก่อน”
“ดังนั้น”
“ดังนั้น คืนนี้ระวังจะมีคนบุกจวนเยี่ยนอ๋อง” หนานกงมั่วยิ้มเย็น
ลิ่นฉังเฟิงไม่ใส่ใจ “เซียวเชียนเยี่ยไม่ได้บ้าใช่หรือไม่”
“เขาเป็นฮ่องเต้” ดังนั้นเขาจึงมีความมั่นใจ ทั่วทั้งจินหลิงนอกจากพวกตนแล้วล้วนต้องทำเพื่อเขา ส่งคนมาบุกจวนเยี่ยนอ๋องจะนับประสาอันใด หากสังหารพวกเขาได้ หาของให้เจอได้ก็ยิ่งดี เพียงแต่…หากถูกจัดการหนักๆ สักครั้ง เซียวเชียนเยี่ยก็จะเข้าใจว่าการเป็นผู้มีอารยะนั้นควรเจรจาอย่างสงบจึงจะถูก
ลิ่นฉังเฟิงถอนหายใจ “เอาล่ะ เขาเป็นฮ่องเต้ ข้าจะให้คนเตรียมตัว”
หนานกงมั่วพยักหน้า หยิบหินฝนหมึกขึ้นมาเริ่มทำการฝนหมึก พร้อมเอ่ย “ถือว่าช่วยข้าส่งจดหมายไม่กี่ฉบับเถิด พวกเราโดดเดี่ยว ข้าคิดว่าพวกเราต้องการคนช่วย”
“…” ไม่รู้สึกว่าเจ้าต้องการความช่วยเหลือเลยแม้เพียงนิด
“เจ้าคิดจะให้ใครช่วย” ลิ่นฉังเฟิงแปลกใจ “ข้าจำได้ว่ามิตรสหายในเมืองจินหลิงของเจ้า…ดูธรรมดา”
หนานกงมั่วยิ้มหวาน “ช่วงนี้ดูเหมือนจะดีขึ้นมาสักหน่อย ทุกคนล้วนแต่เป็นสหายเก่าแก่ พวกเขาคงไม่ยืนดูข้ากับเสด็จแม่ถูกใครก็ไม่รู้ฆ่าตายหรอกใช่หรือไม่ อย่าลืมฉวยโอกาสให้ได้ จริงสิ…อย่าลืมเชิญเอ้อกั๋วกงมาด้วย ข้าพึ่งช่วยบุตรีของเขาเอาไว้ เขาไม่มีทางเห็นคนตายไม่ช่วยอย่างแน่นอน”
เจ้าทำเช่นนี้จะทำให้ข้าคิดว่าเจ้าช่วยบุตรีของเขาเพื่อวันนี้…
อย่างไรเสีย เซียวเชียนเยี่ยทางที่ดีคืนนี้เจ้าต้องส่งคนมา มิเช่นนั้นเจ้าจะมีปัญหาใหญ่แน่
กลางดึกจวนเยี่ยนอ๋องยังคงสงบเงียบ ภายใต้ความมืดอันเงียบสงบ มีเพียงเรือนของหนานกงมั่วที่มีแสงเทียนให้แสงสลัว
ในห้องหนังสือ หนานกงมั่วนั่งเงียบอยู่อีกฝั่ง นางสงบเงียบ ทว่าคนที่นั่งอยู่ด้านข้างเห็นได้ชัดว่าไม่ได้สงบแต่อย่างใด เซียวเชียนเหว่ยมองออกไปด้านนอกด้วยความกังวล เอ่ยถาม “พี่สะใภ้ คืนนี้จะมีคนมาลอบสังหารจริงหรือขอรับ” หนานกงมั่ววางหนังสือลง เงยหน้าขึ้นมายิ้มบางๆ “ไม่ใช่ลอบสังหาร แต่ฆ่าล้างครอบครัว”
ใบหน้าของเซียวเชียนเหว่ยนิ่งอึ้งขึ้นมา “เซียวเชียนเยี่ย…กล้าเพียงนั้นเลยหรือขอรับ”
หนานกงมั่วเอ่ย “หากสำเร็จ จวนเยี่ยนอ๋องตายไปทั้งหมด ใครจะกล้าบอกว่าเขาเป็นคนทำ” เซียวเชียนเหว่ยพยายามฝืนเปล่งเสียงออกมา “เช่นนั้นหากไม่สำเร็จเล่า”
“ไม่มีหลักฐาน และไม่มีใครกล้าบอกว่าเขาเป็นคนทำ” หนานกงมั่วเอ่ยตอบ
เซียวเชียนชื่อเองก็ร้อนใจขึ้นมา “เช่นนั้นแล้วพวกเราก็ทำอันใดเขาไม่ได้อย่างนั้นหรือขอรับ พี่ชายและน้องสามยังอยู่ในคุกหลวง” หนานกงมั่วยักไหล่ เอ่ยขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ “เขาเป็นฮ่องเต้” บนโลกใบนี้วิธีการที่จะเอาชนะฮ่องเต้ได้นั้นแน่นอนว่ามี แต่แน่นอนว่าไม่ใช่กลุ่มคนเล็กๆ ไม่มีอำนาจไม่มีกำลังทหารเช่นพวกเขาจะทำได้ เป็นคนต้องอยู่กับความเป็นจริง ยามนี้หากในจินหลิงนั้นคือเยี่ยนอ๋องหรือผู้ปกครองเมืองคนใด บางทีสถานการณ์อาจจะแตกต่างออกไป
“เช่นนั้นพวกเรา…”
ลิ่นฉังเฟิงที่นั่งอยู่อีกฝั่งหัวเราะเสียงดัง เอ่ย “คุณชายทั้งสองวางใจ แม่นางมั่วเพียงหยอกพวกท่านเล่นเท่านั้น หากไม่มีความมั่นใจ นางคงพาหนีไปตั้งนานแล้ว” ซิงเฉิงจวิ้นจู่ไม่ใช่คนที่จะยอมสู้จนตัวตาย สู้ไม่ได้ก็หนีน่ะสิ ไม่มีอันใดเป็นธรรมชาติไปกว่านี้แล้ว
หวงซุนทั้งสองหันมามองหนานกงมั่วเงียบๆ หนานกงมั่วมองเห็นความคับแค้นใจในดวงตาของทั้งคู่
ถอนหายใจออกมาอย่างอับจนปัญญา “ยังต้องระวัง กระบี่ดาบไร้ดวงตา”
เอ่ยเช่นนี้ ไม่มีปัญหาจริงๆ ใช่หรือไม่ พี่สะใภ้ไม่ใช่คนดีอย่างแท้จริง
หนานกงมั่วมองไปยังลิ่นฉังเฟิง เอ่ยถาม “เตรียมพร้อมแล้วหรือ” ลิ่นฉังเฟิงพยักหน้า “แน่นอน ขอเพียงเขาลงมือดังที่เจ้าคิดเอาไว้ก็คงดี” แม้เขานึกสงสัยว่าเหล่าตระกูลขุนนางพวกนั้นจะลงมือช่วยจริงหรือไม่ก็ตาม หนานกงมั่วโบกปัดมือ เอ่ย “ข้าเองก็ไม่ได้คาดหวังให้พวกเขาลงมือ พวกเขาเพียงปรากฏตัวในเวลาที่เหมาะสมก็เพียงพอแล้ว ไม่ต้องออกแรง และไม่ต้องล่วงเกินเซียวเชียนเยี่ยจนเกินไป ก็เพียงพอให้เยี่ยนอ๋องติดหนี้พวกเขาแล้ว มีอันใดที่พวกเขาไม่เต็มใจอีกเล่า”
“…” พี่สะใภ้ ท่านเอาเสด็จพ่อมาเป็นสินน้ำใจจะดีจริงหรือ