ตอนที่ 544 ข่มขู่ (3)
“ครั้งนี้ เขาสามารถวางแผนได้แยบยลเพียงนี้ ดูแคลนเขาแล้วจริงๆ” เว่ยจวินมั่วเอ่ย
หนานกงมั่วเอ่ยเสียงเข้ม “คิดว่าเพียงเซียวเชียนเยี่ยคงคิดแผนที่แยบยลเช่นนี้ออกมาไม่ได้ แต่หากมีตาเฒ่าที่อยู่ข้างกายเขาเหล่านั้น…” อย่าได้ดูถูกตาเฒ่าสองคนที่ถูกพวกเขาเกลียดกว่าใครในโลกนั่นเชียว อย่างไรเขาก็เคยเป็นถึงอาจารย์ขององค์รัชทายาท พูดให้ไม่น่าฟังสักหน่อยก็คือตาเฒ่าสองคนนั้นกินข้าวมามากกว่าพวกตน ขอเพียงตาเฒ่าสองคนเงียบลงและวางแผนร้ายต่อใคร ฝีมือร้อยเล่ห์อย่างแน่นอน ราชสำนักนั้นเป็นดั่งทุ่งอสูรที่มองไม่เห็นแม้แต่ควัน
เซียวเชียนจย่งนั่งหดตัวด้วยความหวาดกลัวอยู่มุมห้องมองทั้งสองคน พี่ชายพี่สะใภ้ พวกท่านคุยเรื่องพวกนี้ได้อย่างสบายใจเช่นนี้ เคยนึกถึงความรู้สึกของน้องชายคนนี้หรือไม่ พวกท่านคงไม่คิดฆ่าปิดปากข้าใช่หรือไม่
หนานกงมั่วถอนหายใจ “ดูเหมือนว่าข้าจะไม่ได้จัดการเซียวฉุนให้ดี” ความจริงตั้งแต่ที่เกิดเรื่องขึ้นนางก็คาดเดาเอาไว้แล้ว เซียวเชียนเยี่ยไม่มีทางที่จะตัดสินใจสร้างเรื่องลำบากให้เว่ยจวินมั่วขึ้นมาได้ในทันที นอกเสียจากว่าเขารู้ถึงความลับการเกิดของเว่ยจวินมั่ว และสิ่งนี้…เป็นเรื่องที่ฮ่องเต้นั้นไม่อาจยอมรับได้ ไม่ว่าจะเป็นอดีตฮ่องเต้ที่แข็งแกร่งและหนักแน่น หรือเซียวเชียนเยี่ยผู้อ่อนด้อยเรื่องความเด็ดขาด หนานกงมั่วคิดว่านางควรขอบคุณความไม่เด็ดขาดของเซียวเชียนเยี่ย อย่างน้อยยังมีโอกาสให้พวกนางได้รู้ตัว หากเป็นอดีตฮ่องเต้ เป็นไปไม่ได้ที่จะอ้อมค้อมเพียงนี้ คงหาเหตุผลจับตัวเว่ยจวินมั่วไปและลอบสังหารทิ้งเสีย ต่อให้เยี่ยนอ๋องจะรักหลานเพียงใด อย่างไรก็คงไม่กล้าขัดแย้งกับบิดาของตน
เว่ยจวินมั่วยื่นมือออกมาคว้านางเข้าสู่อ้อมแขน เอ่ยเสียงเบา “เซียวฉุนเตรียมตัวไว้ตั้งแต่แรกแล้ว เขาตั้งใจจะปล่อยข่าวออกไป ใครก็ไม่อาจหยุดเขาได้”
“แต่อย่างน้อยพวกเราป้องกันไว้ก่อนได้” หนานกงมั่วเอ่ยตอบเสียงเบา
เว่ยจวินมั่วยิ้มบางๆ “ต่อให้ป้องกันอย่างไรก็คงต้องเป็นเหมือนวันนี้” พวกเขาไม่ได้มีกันเพียงสองคน รอบข้างพวกเขายังมีผู้คนที่ข้องเกี่ยวกันอีกมาก เซียวเชียนเยี่ยคิดจะหาเรื่องอย่างไรก็ต้องหาเรื่องให้ได้อยู่ดี หากทำให้เซียวเชียนเยี่ยหมดความอดทนวางกับดักพวกเขาทั้งหมดนั่นสิเรียกว่าปัญหาอย่างแท้จริง
หนานกงมั่วเอ่ย “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ การหาหลักฐานมาล้างความผิดให้พวกท่านคงเป็นไปไม่ได้แล้ว” เซียวเชียนเยี่ยตั้งมั่นจะกำจัดเว่ยจวินมั่ว แน่นอนว่าไม่มีทางทิ้งหลักฐานไว้ให้พวกเขาอย่างแน่นอน อีกทั้งฝั่งโจวอ๋อง ครั้งนี้คนที่ตายคือผู้สืบทอดโจวอ๋อง ไม่ใช่เชื้อสายรองที่ไม่เกี่ยวข้องอันใด เกรงว่าต่อให้เยี่ยนอ๋องออกหน้าเองก็คงจัดการไม่ได้ง่ายๆ
มุมปากยกยิ้มเย็น “ในเมื่อเป็นเช่นนี้…ก็อย่ามาโทษข้าไม่เกรงใจก็แล้วกัน” ในเมื่อเซียวเชียนเยี่ยไม่ต้องการให้ทุกคนได้อยู่สงบ เช่นนั้นก็อย่าอยู่เลย
“ระวังตัวด้วย ไม่ต้องเป็นห่วงข้า” เว่ยจวินมั่วเอ่ย
หนานกงมั่วอดกลอกตาไม่ได้ “จะไม่เป็นห่วงได้เยี่ยงไร ข้าไม่ได้กังวลว่าเขาจะส่งคนมาสังหารท่าน แต่กลัวว่าเขาจะปล่อยให้ท่านหิวตายมากกว่า”
เว่ยจวินมั่วเอ่ยเสียงเรียบ “สามวันห้าวันไม่กินอันใดก็ไม่เป็นไร”
ในมุมหนึ่ง เซียวเชียนจย่งยกมือขึ้นด้วยใบหน้าที่กำลังร้องไห้ “พี่ชาย ข้า…ข้าอยู่ไม่ได้…” หิววันสองวันยังดี สามวันห้าวันไม่กินไม่ดื่มอะไรจะตายเอาได้นะ
หนานกงมั่วยิ้มร่า เอ่ย “วางใจ เซียวเชียนเยี่ยไม่กล้าปล่อยให้เจ้าตายหรอก” หยิบขวดเล็กๆ ออกมา วิ่งเข้าไปหา เอ่ย “ถ้าหิวก็กินสิ่งนี้เถิด”
“พี่สะใภ้ สิ่งนี้กินเม็ดเดียวก็จะไม่หิวหรือ” เซียวเชียนจย่งยกขวดขึ้นมาพิจารณา เอ่ยขึ้นอย่างชื่นชม หากเป็นเช่นนั้นจริง ต่อไปออกรบใครเขาจะเอาอาหารไปด้วยเล่า เพียงนำยาติดตัวไปขวดเดียวก็สามารถไล่ล่าพวกเป่ยหยวนที่หนีไปทางทุ่งหญ้าได้ หนานกงมั่วสีหน้าเบื่อหน่าย “นี่คือยาสลายพิษ อย่างน้อยก็สลายไปได้เก้าส่วน ต่อให้ไม่สามารถสลายได้ทั้งหมดก็ยังถ่วงเวลาไปได้สักวันสองวันให้ข้ามาช่วยเจ้าได้”
“อ้อ” เซียวเชียนจย่งเก็บขวดยาด้วยความผิดหวังเล็กน้อย
หนานกงมั่วยักไหล่ เอ่ย “ข้าไปก่อนล่ะ หากยังไม่ไปเซียวเชียนเยี่ยคงไม่วางใจแล้ว จริงสิ ถ้าอยู่ไม่ได้ก็ออกมาก่อน วางใจ เซียวเชียนเยี่ยไม่กล้าทำอันใดเจ้าเด็กนั่นหรอก”
“…” ข้าไม่ได้ยินพี่สะใภ้ยุยงให้พี่ชายแหกคุกอย่างแน่นอน
เว่ยจวินมั่วยื่นมือไปดึงหนานกงมั่วเข้ามากอด เอ่ยเสียงเบา “วางใจ ข้าไม่ปล่อยให้เจ้ากลายเป็นหญิงม่ายหรอก”
“…”
“จวิ้นจู่ คุณชายเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ” ออกมาจากห้องขัง หลิ่วอดถามไม่ได้ หนานกงมั่วเลิกคิ้ว เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไร ไม่ต้องกังวล”
หลิ่วถอนหายใจ เอ่ย “ไม่เป็นไรก็ดีแล้วเจ้าค่ะ เช่นนั้น…ตอนนี้พวกเราควรทำเช่นไร”
หนานกงมั่วเอ่ยเสียงเรียบ “ข้าจะเข้าวังไปเข้าเฝ้าฝ่าบาท เจ้าออกนอกเมืองไป ข้าอยากเจอโหลวซินเย่ว์”
“นั่นได้เยี่ยงไรเจ้าคะ” หลิ่วตกใจ รีบเอ่ยเตือน “จวิ้นจู่ ตอนนี้ท่านเข้าวังไปคนเดียว อันตรายเกินไปเจ้าค่ะ ให้ข้าไปกับท่านหรือไม่เจ้าคะ”
หนานกงมั่วยิ้ม “ไม่ต้องกังวล เซียวเชียนเยี่ยไม่ทำอันใดข้าหรอก”
หลิ่วไม่เชื่อ แม้แต่คุณชายเซียวเชียนเยี่ยยังจับขังคุกหลวงไปแล้ว จะปล่อยจวิ้นจู่ไปได้เยี่ยงไร
สีหน้าของหนานกงมั่วนิ่งขึ้น “รีบไป นี่คือคำสั่ง”
หลิ่วมีสีหน้ากังวล ทว่าทำได้เพียงตอบรับ คุณชายไม่อยู่ พวกนางต้องฟังคำสั่งของจวิ้นจู่ เห็นนางเป็นเช่นนี้ หนานกงมั่วจึงถอนหายใจอย่างจนปัญญา เอ่ย “เจ้าวางใจ ในเมื่อข้าตั้งใจเข้าวังไปคนเดียว แน่นอนว่ามีความมั่นใจแล้ว”
“เจ้าค่ะ จวิ้นจู่”
ในห้องทรงอักษร เซียวเชียนเยี่ยจ้องมองคนเบื้องล่าง “ซิงเฉิงจวิ้นจู่คุยอันใดกับเว่ยจวินมั่ว”
คนที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าก็คือผู้คุมคุกหลวง ก้มหน้าเอ่ยตอบอย่างนอบน้อม “ทูลฝ่าบาท…จวิ้นจู่ จวิ้นจู่เพียงถามว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นที่ซินเย่ว์หยวน อย่างอื่น…ก็ไม่มีอันใดพ่ะย่ะค่ะ”
“จริงหรือ”
คนคนนั้นรีบหมอบลงกับพื้น เอ่ยติดๆ ขัดๆ “มิกล้าหลอกลวงฝ่าบาท จวิ้นจู่…จวิ้นจู่อยู่เพียงหนึ่งเค่อเท่านั้นก็ออกมาพ่ะย่ะค่ะ” เซียวเชียนเยี่ยพยักหน้า “ข้ารู้แล้ว เจ้าออกไปเถิด ใครไปเยี่ยมเว่ยจวินมั่วต้องรีบมารายงานข้า”
“พ่ะย่ะค่ะ พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท” คนคนนั้นยกมือซับเหงื่อบนหน้าผาก จากนั้นจึงถอยออกจากห้องทรงอักษรไป
เซียวเชียนเยี่ยเงียบไปชั่วครู่ ยื่นมือไปหยิบกล่องที่ถูกวางอยู่ด้านข้าง ด้านในกล่องมีกระดาษหนึ่งแผ่นวางอยู่ บทกระดาษนั้นมีเพียงตัวเลข เว่ยจวินมั่ว วันที่เจ็ดเดือนเจ็ดปีกุ่ยไฮ่ พั่วจวิน ชีซา ทานหลาง ดวงดาวทั้งสามสว่างไสวขึ้นพร้อมกัน อุปราชจุติบนพื้นโลก ใต้หล้าเปลี่ยนผู้ครอง กำกระดาษเอาไว้ในมือ ใบหน้าหล่อเหลาของเซียวเชียนเยี่ยบิดเบี้ยว เนิ่นนานจึงเอ่ยเสียงเย็น “ดวงดาวทั้งสามสว่างไสว อุปราชจุติบนพื้นโลก ใต้หล้าเปลี่ยนผู้ครอง”
ปีที่เว่ยจวินมั่วเกิดมา เซียวเชียนเยี่ยเองก็ได้เคยได้ยินมาบ้าง เพียงแต่ตอนนั้นเขายังไม่เต็มสองปีด้วยซ้ำ เมื่อเติบโตขึ้นมาอีกสักนิดจึงได้ยินคนเอ่ยถึง เพราะวันเกิดของเว่ยจวินมั่วเกิดหลังจากเรื่องราวครั้งนั้นกว่าครึ่งเดือน ดังนั้นจึงไม่มีใครเชื่อมโยงเว่ยจวินมั่วเข้ากับวันนั้น ที่แท้…นี่เป็นสาเหตุให้เสด็จอาฉังผิงยอมกัดฟันแน่นไม่เอ่ยถึงสามีชู้นั่น ที่แท้ก็ไม่มีสามีชู้ เพียงแต่วันเกิดของเว่ยจวินมั่วไม่ถูกก็เท่านั้น
“ทูลฝ่าบาท ซิงเฉิงจวิ้นจู่ขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ” ด้านนอก ขันทีรับใช้เอ่ยรายงานอย่างระมัดระวัง สองวันมานี้อารมณ์ของฝ่าบาทไม่คงที่ ไม่มีความยินดีที่กำจัดขุนนางกบฏได้และมีองค์ชายน้อยเลยแม้แต่เพียงนิด ข้ารับใช้ต่างต้องระมัดระวัง เกรงว่าหากทำสิ่งใดให้ฝ่าบาทไม่พอใจศีรษะอาจจะหลุดจากบ่าได้