ตอนที่ 559 เส้นทางสู่ทางเหนือ (3)
“เรียกคนที่อยู่บริเวณโดยรอบมาให้หมด อย่าให้พวกเขาเข้าใกล้เสด็จแม่ได้” เว่ยจวินมั่วเอ่ย
“ขอรับ คุณชาย”
หนานกงมั่วเอ่ย “ถึงตอนนั้นพวกเราก็ไปด้วยเถิด” กองกำลังก่อนหน้านี้นั้นคอยคุ้มกันไปส่งพวกเซียวเชียนชื่อแล้ว อีกกลุ่มหนึ่งถูกแบ่งไปรอที่อิ่งโจว ตอนนี้พวกเขามีคนอยู่ไม่มาก มิเช่นนั้นข่าวพวกนี้คงไม่ต้องมาถึงพวกเขา คนของวังจื่อเซียวที่แฝงตัวอยู่ระหว่างทางคงจัดการพวกเขาไปแล้ว
เว่ยจวินมั่วพยักหน้าเบาๆ “เวยและหลิ่วพาคนดูแลเสด็จแม่อยู่ที่นี่”
“ขอรับ”
ถนนนอกเมืองเล็กๆ ห่างออกไปไม่ไกล กลุ่มคนชุดดำกำลังควบม้าวิ่งใกล้เข้ามา มองเห็นเมืองเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด คนที่นำทางอยู่หน้าสุดเอ่ยเสียงเข้ม “ใกล้ถึงแล้ว คืนนี้พวกเขาคงพักอยู่ที่เมืองนี้อย่างแน่นอน เข้าไปแล้วต้องรวดเร็ว ไม่ว่าอย่างไร ต้องสังหารเว่ยจวินมั่วและหนานกงมั่วให้ได้”
ชายที่อยู่ข้างเขาเอ่ยขึ้นเสียงเบา “พวกเราสามารถ…” ฆ่าสองคนนั้นได้จริงๆ หรือ เมื่อครั้งอยู่จินหลิงพวกเขาต่อสู้กับทั้งสองคนนี้ไม่เพียงครั้งสองครั้ง แต่มีครั้งไหนที่ไม่เกิดความสูญเสียครั้งใหญ่บ้างเล่า
“พวกเราไม่มีทางเลือก” ชายคนนั้นเอ่ยขัดคำพูดของเขา ก่อนหน้านี้ผู้นำของพวกเขาพาเข้าร่วมกับเซียวฉุน เซียวฉุนพ่ายแพ้ หัวหน้าของพวกเขาตายไปแล้วพวกเขาที่มีชีวิตอยู่เองก็ไม่ได้มีชีวิตที่ดีนัก คนที่มีครอบครัวถูกควบคุมอีกทั้งยังใช้ยาพิษ ไม่ฆ่าพวกเขาทั้งสองก็เป็นตนเองที่ต้องตาย
หันกลับไปมองผู้คนด้านหลัง เอ่ยจริงจัง “พวกเขาต้องจำกัดจำนวนคนเพื่อแฝงตัว คนน่าจะมีจำนวนไม่มากนัก พวกเราคนเยอะเพียงนี้ คงไม่…”
“ที่แท้ องครักษ์สายลับของราชสำนักถึงขึ้นต้องหลอกตัวเองเพื่อปลุกกำลังใจแล้วหรือ” น้ำเสียงร่าเริงดังขึ้น ภายใต้ค่ำคืนที่เงียบสงบจึงได้ยินอย่างชัดเจน
“ใคร” ทุกคนมองไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง ชายในชุดสีสันที่แตกต่างกันเดินออกมาภายใต้ความมืด มองพวกเขาด้วยสายตาไม่เป็นมิตร ชายผู้อยู่บนหลังม้า จ้องมองคนที่เดินออกมาจากความมืด เอ่ยเสียงเข้ม “พวกเจ้าเพียงไม่กี่คนคิดว่าจะหยุดพวกข้าได้หรือ”
“หากมีพวกข้าด้วยเล่า” เสียงสดใสของหญิงสาวดังขึ้น ทุกคนเงยหน้าขึ้นไป เห็นเว่ยจวินมั่วสวมอาภรณ์สีครามและหนานกงมั่วที่สวมอาภรณ์สีฟ้าใช้วิชาตัวเบาลอยเข้ามาพร้อมกัน สิ่งที่แตกต่างก็คือ กระบี่เล่มนั้นในมือของเว่ยจวินมั่ว ก็คือกระบี่จื่อเซียวที่มีชื่อเดียวกันกับวังซื่อเซียว
“ในเมื่อทั้งสองท่านมาอยู่ตรงนี้แล้ว เช่นนั้นก็ดีเลย” ชายผู้นั้นกัดฟันเอ่ย “พวกเราก็ไม่อยากไปรบกวนองค์หญิงฉังผิง” คำสั่งของฮ่องเต้คือสังหารเว่ยจวินมั่วและหนานกงมั่ว ไม่ถึงที่สุดพวกเขาก็ไม่อยากทำร้ายองค์หญิงฉังผิง เมื่อเกิดการต่อสู้ขึ้นมามีดดาบไร้ดวงตา ใครก็ไม่แน่นอน แต่สถานการณ์ในตอนนี้นับว่าเป็นเรื่องดี
หนานกงมั่วยิ้มบาง เอ่ย “ในเมื่อพวกเจ้าพอใจ เช่นนั้นก็ดีเป็นที่สุดแล้ว ลงถือเถิด”
คนชุดดำน้อยคนมองไปยังสตรีเพียงผู้เดียวด้วยความระแวดระวัง ขณะเดียวกันก็จับอาวุธที่เอวแน่น พวกเขาไม่ลืม ไม่นานมานี้สหายร่วมหน่วยองครักษ์ต้องตายไปเพราะสตรีชุดสีฟ้าที่กำลังยิ้มหวานผู้นี้
เว่ยจวินมั่วส่งเสียงหยัน ไม่เอ่ยให้มากความ วาดกระบี่ออกไปทันที กระบี่พุ่งตัวออกไป เสียงม้าร้องดังขึ้นด้วยความตกใจ ก้าวถอยหลังอย่างบ้าคลั่ง
“บุก”
เสียงเย็นดังขึ้น กลุ่มคนชุดดำพุ่งบุกเข้าไปทันที คนของวังจื่อเซียวเองก็เข้ามาร่วมในวงต่อสู้ ภายใต้ความมืด เสียงอาวุธฟาดฟันกันดังระงมไม่หยุด กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้ง ห่างไกลออกไป เป็นเมืองเล็กๆ ที่ยังคงหลับใหล…
รุ่งเช้า องค์หญิงฉังผิงถูกสาวใช้ประคองเดินลงมาจากด้านบน พวกหนานกงมั่วทั้งสองคนนั่งอยู่ในห้องโถงด้านล่างรออยู่ก่อนแล้ว มองเห็นองค์หญิงฉังผิงเดินลงมาทั้งสองจึงรีบลุกขึ้น “เสด็จแม่”
องค์หญิงฉังผิงส่ายศีรษะเบาๆ เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พวกเจ้าช่างตื่นเช้า คนอายุน้อยแตกต่างกันจริงๆ”
หนานกงมั่วเดินเข้าไปประคององค์หญิงฉังผิง เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “เมื่อคืนเสด็จแม่นอนหลับสบายดีหรือไม่เพคะ”
องค์หญิงฉังผิงพยักหน้า “ก็ดี พวกเจ้าเล่า”
“พวกเราก็ดีเหมือนกันเพคะ” หนานกงมั่วส่งยิ้มให้ เมื่อคืนนางให้สาวใช้จุดธูปช่วยการนอนหลับให้แก่องค์หญิงฉังผิง องค์หญิงฉังผิงจึงไม่ได้ยินเสียงที่ดังขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา ความจริงเมื่อคืนพวกนางยังไม่ได้นอนด้วยซ้ำ จัดการเก็บกวาดคนพวกนั้นเรียบร้อยกลับมาฟ้าก็ใกล้สว่างแล้ว เพียงแต่ทั้งสองนั้นมีกำลังภายใน ไม่ได้นอนหนึ่งคืนองค์หญิงฉังผิงไม่อาจดูออกได้
ทานอาหารเช้า ทุกคนจึงออกเดินทางต่ออีกครั้ง ก่อนขึ้นรถม้าองค์หญิงฉังผิงรู้สึกว่าสายตาของชาวเมืองรอบๆ มองพวกเขาแปลกๆ ทว่าไม่ได้ใส่ใจมากเท่าใดนัก ออกจากเมืองเล็กๆ แห่งนี้ไปได้ เดินทางอีกไม่กี่สิบลี้ก็เข้าสู่เขตอิ่งโจว แม้พวกเราจะระมัดระวังถึงที่สุด เพียงแต่โจวอ๋องนั้นยังนับว่าใส่ใจกับการดูแลเขตปกครองของตนเองเป็นอย่างดี เข้าเขตปกครองได้สามวันพวกเขาก็เริ่มถูกคนของโจวอ๋องตามฆ่า โชคดีที่เว่ยจวินมั่วรู้สึกตัวได้ไว ยอดฝีมือของวังจื่อเซียวล้วนมารวมตัวกันที่นี่ คอยคุ้มกันส่งพวกเขามุ่งหน้าขึ้นทางเหนือต่อไป
หนานกงมั่วนั่งอยู่บนหลังม้า เว่ยจวินมั่วควบม้าอยู่ข้างๆ นาง ด้านหลังมีคนกว่าหนึ่งร้อยคนคอยติดตาม นอกจากองค์หญิงฉังผิงและสาวใช้ที่อยู่บนรถม้า ผู้คนแต่งตัวกันเพียบพร้อม ในมือมีดาบ กระบี่เตรียมพร้อม ดูแล้วไม่ง่ายที่จะหาเรื่องได้ คนทั่วไปเมื่อมองเห็นแล้วได้แต่รีบออกห่าง นับตั้งแต่เข้ามาในอิ่งโจว พวกเขาต่อสู้กับคนของโจวอ๋องมาสี่ห้าครั้งได้ คนของโจวอ๋องลงมือรุนแรงขึ้นในแต่ละครั้ง เห็นชัดว่าโจวอ๋องเองก็ไม่อยากให้พวกเขาหลุดพ้นจากพื้นที่ปกครองของตนไปได้
“บาดแผลของท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่” หนานกงมั่วมองคนด้านข้างพลันขมวดคิ้ว ใบหน้างดงามโศกเศร้าเล็กน้อย ตอนเช้าหากไม่ใช่เพราะนางไม่ระวัง เว่ยจวินมั่วคงไม่ได้รับบาดเจ็บ เว่ยจวินมั่วเลิกคิ้ว ขยับแขนข้างซ้ายเบาๆ เอ่ย “บาดแผลภายนอกเท่านั้น”
หนานกงมั่วจ้องเขาเขม็ง “บาดแผลภายนอกอย่างไรก็คือบาดแผล อย่าขยับ”
แววตาของเว่ยจวินมั่วเผยรอยยิ้มเอ็นดู “ไม่ต้องกังวล คืนนี้ก็ออกจากอิ่งโจวแล้ว”
หนานกงมั่วขมวดคิ้ว “ข้ารู้สึกว่า โจวอ๋องคงไม่ยอมให้เราออกไปง่ายเพียงนั้น”
ลางสังหรณ์ของหนานกงมั่วถูกต้อง เพราะว่า…โจวอ๋องดักรอพวกเขาอยู่ตรงหน้า…มีทหารกว่านับพันนาย
มองกองทัพทหารนับพันและโจวอ๋องที่อยู่บนหลังม้าตรงหน้า เว่ยจวินมั่วหลุบตาลง ยกมือขึ้นส่งสัญญาณหยุดขบวนรถม้า โจวอ๋องมองมาด้วยรอยยิ้มเย็น เอ่ยเสียงดัง “จวินมั่ว เจ้ากล้าไม่น้อย ยังกล้าเดินทางผ่านอิ่งโจวอีกหรือ”
เว่ยจวินมั่วเอ่ยเสียงเรียบ “ข้าเคยอธิบายไปแล้ว ไม่ใช่ข้าฆ่า” แน่นอนเซียวเชียนเยี่ยไม่คิดใจดีช่วยเขาอธิบายว่าเขาไม่ได้ฆ่าใคร ราชโองการที่ออกมาเป็นเพียงราชโองการปล่อยเขา เนื้อหาถูกเขียนอย่างคลุมเครือ อย่าว่าแต่โจวอ๋องไม่เชื่อ เพียงเห็นราชโองการหนานกงมั่วเองยังไม่อยากเชื่อเลย
โจวอ๋องหัวเราะ “เจ้าคิดว่าข้าโง่มากอย่างนั้นหรือ” โจวอ๋องที่นั่งอยู่บนหลังม้าดูสง่างามกว่าโจวอ๋องขาวๆ อ้วนๆ ที่เจอที่ตานหยางในครั้งนั้นมากทีเดียว
หนานกงมั่วควบม้าเดินเข้าไปด้านหน้า เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ท่านอ๋อง จวินมั่วกับโจวอ๋องซื่อจื่อไร้ซึ่งความแค้นจะสังหารเขาไปเพื่ออันใด ท่านกักพวกเราไม่ยอมปล่อยทว่ากลับใจกว้างกับฆาตรกรตัวจริง เกรงว่าโจวอ๋องซื่อจื่อคงไม่อาจตายตาหลับได้”