หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1 – ตอนที่ 565 การขนส่งที่ไม่มีค่าขนส่ง (1)

ตอนที่ 565 การขนส่งที่ไม่มีค่าขนส่ง (1)

ตอนที่ 565 การขนส่งที่ไม่มีค่าขนส่ง (1)
คนเช่นนี้อย่าว่าแต่เป็นสตรีเลย ต่อให้เป็นบุรุษก็ยังมีเพียงไม่กี่คนที่จะยอดเยี่ยมไปกว่านาง กล่าวได้ว่า เสด็จพ่อพระราชทานชายาที่ดีให้จวินมั่วโดยไม่ได้ตั้งใจ

“เสด็จลุงชมเกินไปแล้วเพคะ” หนานกงมั่วหลุบตาลง

เยี่ยนอ๋องโบกมือ เอ่ย “ช้าไม่ชอบอะไรที่ไม่เป็นความจริงพวกนั้นอยู่แล้ว ในเมื่อมาอยู่ที่โยวโจวแล้วก็อยู่กันให้ดีไปเถิด มีข้าอยู่ ไม่ว่าใครในโยวโจวก็ไม่กล้ามารังแกพวกเจ้า” หนานกงมั่วเองก็รู้สึกว่านิสัยตรงไปตรงมาอย่างเยี่ยนอ๋องนั้นดีกว่าพวกอ้อมค้อมเป็นไหนๆ พนักหน้าด้วยรอยยิ้ม “เพคะ ขอบพระทัยเสด็จลุงเพคะ”

“ต้องอย่างนี้สิ” เยี่ยนอ๋องพยักหน้าพึงพอใจ หันกลับไปเอ่ยถาม “เช่นนี้ เซียวเชียนเยี่ยก็รู้ถึงการเกิดของจวินมั่วแล้วอย่างนั้นหรือ เซียวฉุนบอกเขาหรือ”

หนานกงมั่วพยักหน้า เอ่ยอย่างแค้นเคือง “เพคะ เพราะหม่อมฉันไม่รอบคอบ ควรจะนึกได้ตั้งแต่แรกว่าคนอย่างเซียวเชียนฉุนคงเตรียมตัวเอาไว้แล้ว”

เยี่ยนอ๋องส่ายหน้า เอ่ย “จวินเอ๋อร์เอ่ยไม่ผิดเลย เซียวฉุนอยากกระจายข่าวนี้ออกไป อย่างไรก็มิอาจห้ามได้ ตอนนั้นเจ้าตัดสินใจสังหารเซียวฉุนไม่ผิดเลย หากปล่อยให้เขาหนีไปได้ ไม่รู้ว่าจะเกิดอันใดขึ้นอีกหรือไม่” เยี่ยนอ๋องเองก็คาดไม่ถึงว่าเสด็จอาผู้ไม่เคยอยู่ในสายตาจะสร้างเรื่องเดือดร้อนให้กับหลานชายได้เพียงนี้ มองเว่ยจวินมั่วที่นั่งอยู่ด้านข้างพลางถอนหายใจ เอ่ย “เรื่องนี้ก็เป็นเพราะตอนนั้นข้าไม่ได้จัดการให้เรียบร้อย เดิมคิดว่าไม่น่าเสียหายอันใด ไม่คิดว่าจะทำให้เซียวฉุนสืบข่าวไปได้ และโชคดี…เขาไม่ได้ปล่อยข่าวออกไป มิเช่นนั้นผลจะตามมาเป็นเยี่ยงไรไม่อาจจินตนาการได้”

หนานกงมั่วพยักหน้า รู้สึกโชคดีอยู่ในใจ หากอดีตฮ่องเต้ยังอยู่ พวกนางคงจะต้องตายกันไปแล้วจริงๆ

“เรื่องราว…ในตอนนั้น…” หนานกงมั่วขมวดคิ้ว เอ่ยถามขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

เยี่ยนอ๋องส่งเสียหยัน เอ่ย “ฟ้าลิขิตอันใดเล่า ดวงดาว เรื่องเหลวไหลทั้งนั้น ปีนั้นหลังจากโหราจารย์ทำนายออกมาแล้ว ยังไม่ทันรอให้ข้าไปหาเขาเขาก็ชิงข้าตัวตายไปก่อนแล้ว ยามนั้นท่านเจ้าอาวาสวัดต้ากวงหมิง วัดเป้าเอินและวัดชิงซวีเข้าไปเสนอข้อคิดเห็นกับเสด็จพ่อ ว่าไม่มีวีรบุรุษอะไรทั้งนั้น น่าเสียดาย…เสด็จพ่อกลับคิดว่ายอมสังหารทิ้งเสียจะดีกว่า เด็กทารกที่เกิดในบริเวณโดยรอบจินหลิงหนึ่งร้อยกว่าคน หึหึ…ยังไม่ทันลืมตาก็ต้องตายราบคาบเสียแล้ว”

หนานกงมั่วทั้งสองมองสบตากัน ที่แท้ชะตากรรมทั้งหมดก็มีเบื้องหลังเช่นนี้นี่เอง

เยี่ยนอ๋องเอ่ยต่อ “ยิ่งไปกว่านั้น หากเป็นคนฉลาดมองการณ์ไกล แผ่นดินประชาชนสงบสุข ต่อให้มีวีรบุรุษจริงๆ แล้วจะก่อคลื่นลมอันใดได้ คนในแผ่นดินเองก็ไม่ใช่คนบ้า ที่จะคิดการกบฏอยู่ได้ทั้งวัน”

“เสด็จลุงเอ่ยมีเหตุผล โหราจารย์ผู้นั้น…”

“เยี่ยนอ๋องส่ายหน้า หลังจากที่โหราจารย์ตายไปก็ไม่มีเบาะแสอันใดอีกแล้ว อีกทั้งข้าเองก็ไม่อาจอยู่ในจินหลิงได้นาน สืบอันใดได้”

แม้จะรู้สึกเสียดาย แต่ก็ไม่แปลกใจกับผลที่ได้เท่าใดนัก

“ยามนี้ฮ่องเต้พระองค์ใหม่ผู้นั้น แม้ไม่ใช่คนที่ข้าเห็นมาตั้งแต่เล็กจนโต ข้าเองยังพอรู้จักเขาอยู่บ้าง เมื่อเทียบกับเสด็จพ่อ เขาเชื่อในเรื่องเหล่านี้โดยไม่มีข้อสงสัย อยู่ที่โยวโจวเขาก่อคลื่นอันใดไม่ได้ แต่อย่างไรพวกเจ้าก็ต้องระมัดระวังตัวไว้ให้ดี” เยี่ยนอ๋องกำชับ

“เพคะ/พ่ะย่ะค่ะ เสด็จลุง” ทั้งสองเอ่ยพร้อมกับพยักหน้าโดยพร้อมเพรียง ต่อมาเยี่ยนอ๋องยังเอ่ยถึงเรื่องราวต่างๆ ในโยวโจวให้ทั้งสองได้ฟัง จากนั้นจึงไล่ทั้งสองไปพักผ่อน

จนสุดท้าย ทั้งสองก็ไม่มีใครเอ่ยถาม บิดาของเว่ยจวินมั่วเป็นใครกันแน่ องค์หญิงฉังผิงไม่ยอมเอ่ย ย่อมมีสิ่งใดแอบแฝงอยู่อย่างแน่นอน อีกทั้งเว่ยจวินมั่วโตเพียงนี้แล้วคิดว่าตนเองก็ไม่ได้ต้องการบิดาแต่อย่างใด จึงไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งนี้ ทั้งสองลุกขึ้นกล่าวลาเยี่ยนอ๋อง จากนั้นจึงกลับไปพักที่เรือนของตนเอง

ต้นฤดูใบไม้ผลิในโยวโจวยังคงหนาวเหน็บจนถึงกระดูก ทอดสายตามองไกลออกไปมีเพียงสีเหลืองที่ไม่มีที่สิ้นสุด เพียงแต่ แม้จะเป็นเช่นนี้ทว่าหนานกงมั่วกลับอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ออกไปขี่ม้ากับเว่ยจวินมั่วตั้งแต่เช้า นอกเมืองโยวโจวนั้นเป็นพื้นที่ราบ มุ่งหน้าขึ้นทางเหนือผ่านกำแพงยาวไปก็เป็นทุ่งหญ้ามั่วเป่ย ส่วนนั้นเป็นที่อยู่ของกองกำลังชาวเป่ยหยวนที่รอดตาย ชนเผ่าต่างๆ และเผ่าต๋าต๋า วัฒนธรรมพื้นบ้านของนอกกำแพงนั้นกล้าหาญ มีความคึกคัก ทั้งยังมีใจโหยหาความเจริญรุ่งเรืองของพื้นที่ราบ เมื่อมีโอกาสครั้งใดก็อยากข้ามกำแพงลงมา หรือบางครั้งการเก็บเกี่ยวประจำปีไม่เพียงพอเกิดการขาดแคลนเครื่องนุ่งห่มและอาหาร ก็จะไปปล้นสะดมยังชายขอบของอาณาจักรเซี่ย

ออกจากจินหลิง จิตใจก็ผ่อนคลายมากขึ้น ทั้งสองขี่ม้าวนรอบเมื่อเวลาผ่านไปจึงควบม้าเคียงคู่กันกลับเข้าเมือง เมืองโยวโจวแม้ไม่ได้เจริญรุ่งเรืองเท่าจินหลิง แต่อย่างไรก็เคยเป็นเมืองหลวงของเป่ยหยวน พื้นที่ไม่นับว่าเล็ก เป็นเรื่องยากที่จะเห็นสิ่งของประณีตงดงาม มีเพียงหนังและขนสัตว์หลากหลายชนิด วัตถุดิบหายากก็มีจำนวนไม่น้อย จนหนานกงมั่วตื่นตาตื่นใจขึ้นมา

กลับมายังจวนเยี่ยนอ๋อง ทุกคนนั่งพูดคุยกันอยู่ในห้องโถงใหญ่ มองเห็นทั้งสองเดินเข้ามา เซียวเชียนจย่งจึงชิงเอ่ยขึ้นก่อน “พี่ชายพี่สะใภ้ พวกท่านออกไปตั้งแต่เช้าเลยหรือ”

หนานกงมั่วยิ้มบาง “เพิ่งมาถึงโยวโจวจึงรู้สึกสนใจอยากรู้อยากเห็น เลยพาเว่ยจวินมั่วไปขี่ม้าเล่น”

เยี่ยนอ๋องพยักหน้า เอ่ย “พวกเจ้าพึ่งมาถึงที่นี่ ยังไม่คุ้นเคยก็ยังไม่ต้องรีบทำอันใดก็ได้ ไปเที่ยวดูให้ทั่วก่อนค่อยว่ากัน ให้เชียนชื่อ เชียนเหว่ยพาพวกเจ้าไปดูก็ได้”

หนานกงมั่วเอ่ย “ขอบพระทัยเสด็จลุงเพคะ พวกเราชอบเที่ยวไปทั่ว ดูเองเดี๋ยวก็คุ้นเคยเพคะ ไม่ต้องลำบากน้องชายทั้งสองก็ได้” ที่นี่ไม่ใช่จินหลิง เซียวเชียนชื่อและเซียวเชียนเหว่ยล้วนเป็นผู้สืบทอดเยี่ยนอ๋องและคุณชาย ต่างก็มีสิ่งที่ต้องทำ เซียวเชียนชื่อเริ่มช่วยงานเยี่ยนอ๋องจัดการงานบางอย่าง เซียวเชียนเหว่ยและเซียวเชียนจย่งยังไม่แต่งงาน แต่ยังต้องเรียนหนังสือกับอาจารย์

เซียวเชียนเหว่ยเอ่ย “พี่สะใภ้เกรงใจแล้ว ออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกจะใช้เวลาเพียงใดกัน”

หนานกงมั่วยิ้มบาง ดวงตากลอกไปมา “ทุกคนกินข้าวเช้าแล้วหรือ” ก่อนออกไปตอนเช้าพวกตนบอกเอาไว้แล้วว่าจะไม่กลับมากินข้าวเช้า “หม่อมฉันนำของว่างจากโยวโจวกลับมาด้วย เสด็จแม่จะลองสักหน่อยหรือไม่เพคะ”

องค์หญิงฉังผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พวกเรากินข้าวแล้ว ดูเหมือนพวกเจ้าจะกินมาจากข้างนอกแล้วอย่างนั้นหรือ”

หนานกงมั่วพยักหน้า

เยี่ยนอ๋องพยักหน้า ลุกขึ้น เอ่ย “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเจ้าคุยกันไปเถิด จวินมั่ว เจ้าตามข้ามาที่ห้องหนังสือ”

เว่ยจวินมั่วเองก็ลุกขึ้นตาม หันมาพยักหน้าให้หนานกงมั่วก่อน พลันเดินตามเยี่ยนอ๋องออกไป

ไม่นานเซียวเชียนชื่อทั้งสามคนก็กล่าวลาพระชายาเยี่ยนอ๋องและองค์หญิงฉังผิงไปทำเรื่องของตนเอง ในห้องโถงจึงเหลือเพียงหนานกงมั่ว องค์หญิงฉังผิง พระชายาเยี่ยนอ๋อง และพระชายาผู้สืบทอดเยี่ยนอ๋อง เฉินซื่อ ทั้งสี่คนนั้นคุยกันไปเรื่อย พระชายาเยี่ยนอ๋องหันมามองหนานกงมั่ว เอ่ยถามอย่างไม่สบายใจ “อู๋สยา ท่านอ๋องบอกกับข้าว่าเจ้ากับจวินมั่วคิดจะย้ายออกไปอยู่ข้างนอกหรือ เสด็จป้าไม่รอบคอบในเรื่องใดหรือไม่”

หนานกงมั่วเม้มปากด้วยรอยยิ้ม เอ่ย “เสด็จป้าเอ่ยเช่นนี้ทำให้พวกเราละอายแล้ว จวนเยี่ยนอ๋องแน่นอนว่าดีทุกอย่าง เพียงแต่เสด็จป้าพระองค์เองก็รู้ หม่อมฉันกับจวินมั่วมีธุระต้องออกไปจัดการมากมาย ต่อไปคนนอกเข้าๆ ออกๆ แน่นอนว่าคงมีไม่น้อย เสด็จลุงและน้องชายทั้งสามแน่นอนว่าไม่เป็นไร แต่จวนเยี่ยนอ๋องมีสตรีอย่างไรก็ต้องระวังเพคะ”

พระชายาเยี่ยนอ๋องส่งเสียงเบาในลำคอ แสร้งทำเป็นโกรธ “เจ้าเด็กคนนี้ เอ่ยอย่างไรก็ยังเกรงใจเสด็จลุงกับเสด็จป้า ท่านอ๋องเองก็บอกแล้ว เจ้าเองก็มิใช่สตรีบอบบางเช่นพวกเราที่รู้จักเพียงเรือนหลัง เพียงแต่ พวกเจ้าจะไปก็ไปได้ แต่น้องห้าต้องอยู่”

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

Status: Ongoing

นิยายรักย้อนยุค ว่าด้วยการแก้แค้นของหมอหญิงมือสังหาร และแต่งงานกับบุรุษสุดประหลาด!

เมื่อมารดาสิ้นใจและตนถูกไล่ให้มาอยู่หมู่บ้านบรรพบุรุษ เพราะความลำบากและคับแค้นใจจึงทำให้ หนานกงชิง คุณหนูคนโตแห่งตระกูลหนานกงจากโลกนี้ไป

ร่างของนางกลับถูกแทนที่ด้วยวิญญาณของ หนานกงมั่ว นักฆ่าสาวมือฉกาจแห่งเอเชีย เมื่อได้รับชีวิตใหม่หนานกงมั่วก็ได้กราบอาจารย์ เรียนวิชาแพทย์ ใช้ชีวิตอิสระเสรีตามที่ตนหวัง พร้อมรับใบสั่งสังหารคนบ้างเป็นครั้งคราว… จนเมื่อราชโองการพระราชทานสมรสมาถึงชีวิตของนางก็ถึงคราวพลิกผัน!

เล่าลือกันว่าจวิ้นอ๋องว่าที่สามีของนาง เว่ยจวินมั่ว แม้จะมียศสูงศักดิ์แต่เพราะดวงตาแปลกประหลาดสีม่วงและการคลอดก่อนกำหนดทำให้ชาติกำเนิดของเขาตกเป็นขี้ปากคนไปทั่ว อาจเพราะแบบนี้การสมรสนี้จึงตกมาถึงตัวนาง แม้คนทั่วไปไม่ยินดีแต่นางดูๆ แล้วกลับคิดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท