ตอนที่ 570 ผู้ใต้บัญชาของเยี่ยนอ๋อง (1)
มองคุณชายเซวียที่พยายามกลืนน้ำลาย มองถ้วยชาตรงหน้าอย่างยากลำบาก หนานกงมั่วยื่นมือออกไปจับปลายแขนเสื้อเว่ยจวินมั่วไว้ เอ่ย “ไม่มีอันใดหรอก พอก่อนเถิด อย่ารังแกเด็กเลย”
คุณชายเซวียมองหนานกงมั่วอย่างไม่พอใจนัก แม่นาง แม้จะรู้สึกขอบคุณเจ้า แต่เมื่อเทียบกันแล้วเจ้าอายุน้อยกว่าข้านะ
เว่ยจวินมั่วส่งเสียงเย็น เอ่ยเสียงเรียบ “ข้านึกว่าเขาชอบดื่มชา ถึงได้เจอใครก็อยากเลี้ยงชาเขาไปทั่ว”
คุณชายเซวียกัดฟันอย่างยากลำบาก “คุณชายอย่างข้าจะไม่ดื่มชาอีกแล้ว”
หนานกงมั่วยกมือปิดริมฝีปากหัวเราะ ส่งสายตาบอกให้เว่ยจวินมั่วเห็นสมควรก็หยุดได้แล้ว พวกตนยังมีเรื่องต้องจัดการ
เว่ยจวินมั่วเลิกคิ้ว เอ่ยเสียงเรียบ “ดื่มอีกสามถ้วย เจ้าก็ไปได้”
เซวียปินถอนหายใจ ไม่ต้องให้เว่ยจวินมั่วช่วยเทชาให้แล้ว ยกกาน้ำชาเทด้วยตนเองเต็มๆ ถ้วย ทีละถ้วยๆ ชั่วพริบตาน้ำชาทั้งสามถ้วยก็ลงไปอยู่ในท้องแล้วเรียบร้อย เซวียปินเรอออกมา “ข้า…ข้าไปได้แล้วหรือไม่”
เว่ยจวินมั่วมองสำรวจเขาอยู่ชั่วครู่ มองจนเซวียปินขนลุกชัน ก่อนจะพยักหน้า เซวียปินถอนหายใจแม้แต่จะเอ่ยลายังไม่ทัน รีบลุกขึ้นวิ่งไปยังทางลงบันได
“เฮ้ สหาย…เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่” กลุ่มคุณชายด้านข้างรีบวิ่งไปหา มิใช่พวกเขาไม่มีน้ำใจต่อมิตรสหาย ทว่าชายผู้ที่มาใหม่ผู้นั้นน่ากลัวเกินไป รู้สึกว่าน่ากลัวเสียยิ่งกว่าบิดาที่บ้านเสียอีก
เซวียปินรีบผลักคนตรงหน้าออก วิ่งลงบันไดไป “รีบหลบไป ข้าทนไม่ไหวแล้ว”
ชั่วพริบตาก็มองไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว ทำให้สงสัยว่าเขามีวิชากำลังภายในหรือไม่ คนที่ถูกทิ้งได้แต่ตกตะลึง ไม่ทันได้สนใจหนานกงมั่วทั้งสามคนอีกก็รีบตามออกไป “นี่ พี่เซวีย…”
พรวด! บนชั้นสองของโรงน้ำชาถูกความเงียบเข้าปกคลุม คุณชายฉังเฟิงอดไม่ได้หัวเราะขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง “ฮ่าๆ…”
คุณชายฉังเฟิงหัวเราะจนแทบหงายหลัง จนกระทั่งสบมองเข้ากับความเย็นชาของคุณชายเว่ยจึงรีบหุบปาก ยกมือลูบปลายจมูกเบาๆ ทว่าเพียงมองมุมปากที่ยกขึ้นตลอดเวลานั่นก็รู้ได้ แม้แต่สายตาเย็นชาของคุณชายเว่ยก็ไม่อาจห้ามอารมณ์ดีของคุณชายฉังเฟิงได้ กระแอมไอเบาๆ สองครั้ง มองทั้งสองแล้วลิ่นฉังเฟิงจึงเอ่ย “ข้ากล้าพนัน ต่อไปหากเจ้าเด็กแซ่เซวียนั่นเอ่ยถึงการเลี้ยงน้ำชาก็คงมีเงาติดอยู่ในใจเป็นแน่” คนทางเหนือล้วนแล้วแต่เรียบง่ายและจริงใจ ดังนั้นแม้แต่ถ้วยชาในโรงน้ำชาเองก็เรียบง่ายและใช้ได้จริง อย่างน้อยก็ใหญ่กว่าถ้วยชากระเบื้องเคลือบสีขาวที่ชาวเจียงหนานชอบใช้กัน หนึ่งถ้วยนั้นจุน้ำได้ไม่น้อยเลย เจ้าเด็กผู้นั้นอดทนเอาไว้ได้ ไม่ได้สูญเสียท่าทีต่อหน้าก็นับว่าไม่เลวแล้ว
“ข้อดีคือเขาไม่อาจฟ้องได้” คุณชายฉังเฟิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม มาจีบสาวในโรงน้ำชาแต่กลับถูกบังคับให้ดื่มชาจนเต็มท้องอย่างนั้นหรือ หากคนที่รักหน้าตาตนเองก็คงไม่กล้ากลับไปฟ้อง มิเช่นนั้นอย่าว่าแต่คนในบ้านจะไม่อาจช่วยเขากู้หน้ากลับคืนมาได้แล้ว เกรงว่าคงต้องถูกโบยก่อนสักรอบ เพียงแต่…หากเจ้าเด็กนั่นวิ่งกลับไปฟ้องจริงๆ เล่า หากตระกูลเซวียไม่รู้เรื่องรู้ราวกลับมาเอาเรื่อง เช่นนั้นคงสนุกมากยิ่งขึ้นแน่ ใครบ้างไม่รู้ว่าเยี่ยนอ๋องนั้นมีชื่อเสียงในด้านการถือหาง คุณชายฉังเฟิงลอบคิดอยู่ในใจ
ซุนเหออุ้มแผ่นกระดาษวิ่งมาอย่างเหนื่อยหอบ มองเห็นเว่ยจวินมั่วที่นั่งอยู่ด้านข้างจึงชะงักพร้อมกับรีบทำความเคารพ ไม่รู้เลยว่าตอนที่ตนไม่อยู่นั้นเกิดเรื่องอันใดขึ้นบ้าง
“คุณชายเว่ย ฮูหยินน้อย เชิญดูได้เลยขอรับ นี่ทั้งหมดคือที่ดินและกิจการร้านค้าที่ร้านเรามี ราคาคุยกันได้ขอรับ” ซุนเหอเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
หนานกงมั่วรับมาด้วยรอยยิ้ม แบ่งบางส่วนไปให้ลิ่นฉังเฟิงและเว่ยจวินมั่ว เอ่ย “พวกท่านลองดูสิ”
เว่ยจวินมั่วก้มลงไปดูเล็กน้อย ขมวดคิ้ว เอ่ย “อู๋สยาจะซื้อที่ดินหรือ” ก่อนหน้านี้อยู่ที่จินหลิงก็ซื้อที่ดินไม่น้อย เว่ยจวินมั่วเข้าใจว่านางคงมีสิ่งใดที่อยากทำ แต่ว่าอีกไม่นานพวกตนก็ต้องไปที่ค่ายทหารแล้ว ไม่รู้ว่าจะรบกวนสิ่งที่อู๋สยาอยากทำหรือไม่
หนานกงมั่วพยักหน้า เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อืม ต้องใช้เล็กน้อย ไม่ต้องกังวล เสียไปก็มิใช่เรื่องของเรา อีกอย่างอยู่ไม่ไกลมากนัก ไม่เสียการงานแน่”
เว่ยจวินมั่วพยักหน้า ทั้งสามเปิดดูโฉนดที่ดินในมือไปเรื่อยๆ สุดท้ายจึงเลือกที่นาชั้นดีพื้นที่กว่าสามพันหมู่นอกเมืองโยวโจวและร้านค้ากิจการกว่ายี่สิบแห่งในเมืองโยวโจว พวกเขาพึ่งมาถึงโยวโจวยังไม่มีกิจการใดๆ มีร้านเหล่านี้ก็เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายในแต่ละวันแล้ว ทั้งไม่ให้คนดูถูก และไม่โดดเด่นมากเกินไป เพียงส่งคนไปดูว่าเหมาะสมหรือไม่ก็โอนผู้ถือครองได้ทันที
ซุนเหอยิ้มร่าด้วยความยินดี ลดราคาให้สองส่วนด้วยตนเอง สุดท้ายพูดคุยกับคนที่ไปดูจนมั่นใจว่าเหมาะสมแล้ว ทรัพย์สินทั้งหมดตกลงราคาอยู่ที่หนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึง เช่นนี้แล้ว เพียงทำการค้ากับตระกูลเว่ย เขาก็ได้รับเงินส่วนต่างเกือบสองพันตำลึง หากเป็นปกติ เกรงว่าสามห้าปีก็ไม่อาจหาเงินได้มากเพียงนี้ เจอลูกค้าที่จิตใจดีและเป็นกันเองเช่นนี้ ซุนเหอตายไปจะไม่โทษพวกเขาเลย ที่ดินและกิจการที่แนะนำให้พวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ดีที่สุด เมื่อเป็นที่พึงพอใจของทั้งสองฝั่ง การค้าครั้งนี้ก็สำเร็จลุล่วงในทันที
เรื่องที่หนานกงมั่วซื้อบ้านซื้อที่ดินแน่นอนว่าปกปิดเอาไว้ไม่ได้ ครั้งเดียวก็ควักเงินแสนกว่าตำลึง คนในจวนเยี่ยนอ๋องเริ่มให้ความสนใจมากขึ้น แม้ท่านอ๋องและพระชายาจะกำชับเอาไว้แล้วว่าห้ามละเลย แต่การเป็นบ่าวรับใช้ก็อดไม่ได้ที่จะแบ่งสูงต่ำ คนตระกูลเว่ยสามคนเข้ามาอยู่ในจวน แน่นอนว่าแตกต่างกับที่พวกเขาจ่ายเงินกว่าแสนตำลึงซื้อกิจการต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย กับความเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นหนานกงมั่วหรือเว่ยจวินมั่วต่างก็ไม่ใส่ใจ บ่าวรับใช้ไม่มีตามีถมเถไป คิดมากไปก็ลำบากตนเอง ขอเพียงอย่าได้ไม่มีสมองจริงๆ ก็พอแล้ว ใครจะมีเวลาว่างสนใจว่าพวกเขาจะคิดเยี่ยงไร
ในห้องหนังสือ หนานกงมั่วและเว่ยจวินมั่วนั่งอยู่ที่ตำแหน่งเหนือสุด ที่นั่งรองลงมาคือลิ่นฉังเฟิง ฝัง หลิ่ว และเวย ด้านข้างมีแม่นมหลานยืนอยู่ หนานกงมั่วเอนหลังพิงพนักเก้าอี้มองพวกเขา เอ่ยถาม “มาถึงโยวโจวหลายวันแล้ว เป็นอย่างไร…ทุกคนคิดแล้วหรือไม่ว่าต่อไปจะทำอันใด” ไม่ว่าจะเป็นหนานกงมั่วหรือเว่ยจวินมั่วต่างก็ไม่คิดบังคับให้พวกเขาทำอันใด ก่อนหน้านี้ล้วนเป็นมือสังหารไม่มีสิ่งใดทำ ยามนี้ในเมื่อคิดจะล้างมือแล้วอยากทำสิ่งใดก็ให้วางแผนเองเห็นจะดีกว่า
ฝังพยักหน้า “รายงานคุณชาย ฮูหยิน พี่น้องของข้า นอกจากเวยและหลิ่วแล้ว ล้วนวางแผนจะติดตามคุณชายไปอยู่ในกองทัพ นอกจากนั้นยังมีบางคนที่คิดว่าเหนื่อยแล้ว ไม่อยากต่อสู้ จะอยู่คุ้มกันให้ขอรับ” พี่น้องที่ฝางหมายถึงก็คือมือสังหารชั้นยอดยี่สิบแปดคน ทั้งหมดนี้ใช่ว่าทุกคนจะมีวรยุทธ์สูงส่ง แต่อย่างน้อยทุกคนก็มีวิธีการสังหารในแบบของตนเอง มิเช่นนั้นคงไม่อาจเป็นมือสังหารขั้นหนึ่งได้ หนานกงมั่วพยักหน้าเบาๆ เว่ยจวินมั่วเงยหน้าขึ้นมา “คิดดีแล้วใช่หรือไม่ เมื่อเข้าสู่กองทัพแล้ว เริ่มอยู่ในกองทัพ ก็ต้องอยู่ตลอดไป สืบทอดไปยังครอบครัว”
ตำแหน่งทหารในอาณาจักรเซี่ยที่ยิ่งใหญ่แตกต่างไปจากราชวงศ์ก่อนหน้า ครอบครัวทหาร เมื่อเข้าสู่การเป็นทหาร ครอบครัวก็จะสืบต่อการเป็นทหารไปเรื่อยๆ บิดาตายไปแล้วบุตรชายก็ต้องมาแทนที่ นอกจากจะได้รับความอารีจากเบื้องบน มิเช่นนั้นก็จะไม่มีที่สิ้นสุด
ฝังพยักหน้า เอ่ย “ทุกคนเข้าใจดีขอรับ คุณชายวางใจเถิด” เดิมทีพวกเขาเป็นมือสังหารที่ท่องไปทั่วยุทธภพ หากมิใช่เพราะมีความแค้นก็เป็นคนที่ไม่มีบ้านให้กลับ บางคนไม่มีแม้แต่ตัวตน เข้ามาอยู่ในกองทัพแล้วจะเป็นไรไป ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยความสามารถของพวกเขา การเข้ามาอยู่ในกองทัพแน่นอนว่ามีโอกาสมากกว่านายทหารธรรมดาทั่วไป