หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1 – ตอนที่ 577 คนที่ใช้เส้นสายย่อมไร้ซึ่งอนาคตที่มั่นคง (1)

ตอนที่ 577 คนที่ใช้เส้นสายย่อมไร้ซึ่งอนาคตที่มั่นคง (1)

หากเป็นเมื่อก่อน การถูกมองด้วยสายตาที่สงสัยและถากถางเช่นนี้คงจะทำให้เซียวเชียนชื่อรู้สึกละอายใจจนแทบจะทนไม่ไหวเสียด้วยซ้ำ แต่วันนี้สีหน้าท่าทีของเซียวเชียนชื่อกลับดูสุขุมและหนักแน่นกว่าที่ผ่านมาอย่างเห็นได้ชัด เขาหันไปสนทนากับน้องชายและพระชายาซื่อจื่อที่นั่งอยู่ข้างๆ ด้วยความใจเย็น ราวกับว่ามองไม่เห็นสายตาที่กำลังจับจ้องมายังเขาอย่างไรอย่างนั้น เมื่อเห็นเซียวเชียนชื่อเป็นเช่นนี้ สีหน้าของเยี่ยนอ๋องก็ปรากฏแววตาที่ภูมิใจและพึงพอใจขึ้นมาทันที 

 

 

หลังจากที่งานเลี้ยงฉลองสิ้นสุดลง องค์หญิงฉังผิงก็ค่อยๆ คุ้นเคยและสนิทสนมกับเหล่าบรรดาสตรีสูงศักดิ์ของเมืองโยวโจวมากขึ้น จนมีแขกมาเยี่ยมเยียนที่จวนไม่ขาดสาย ทั้งยังมีคนเขียนเทียบเชิญมาเชื้อเชิญองค์หญิงไปร่วมงานเลี้ยงอีกด้วย ถึงแม้ว่าองค์หญิงฉังผิงจะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายมาร่วมยี่สิบปี แต่ก็ไม่ได้เป็นราชนิกุลโดยกำเนิดจึงค่อนข้างสมถะและไม่ถือตัว สามารถปรับตัวเข้ากับแวดวงสังคมได้กว้างมากขึ้นเรื่อยๆ ดูมีชีวิตชีวามากขึ้นไม่น้อย จะเชื้อเชิญองค์หญิงฉังผิงก็ย่อมต้องเชื้อเชิญหนานกงมั่วด้วย แต่ถูกหนานกงมั่วปฏิเสธไปเสียส่วนใหญ่ ฉวยโอกาสตอนที่ลานสวนยังต่อเติมไม่เสร็จและยังไม่สามารถที่จะย้ายเรือนได้ หนานกงมั่วก็เลยลากเว่ยจวินมั่วออกนอกเมืองแทบจะทุกวัน ในสายตาของสตรีสูงศักดิ์ในเมืองโยวโจว หนานกงมั่วจึงดูเป็นฮูหยินน้อยที่นิสัยลึกลับซับซ้อนและไม่ชอบเข้าสังคมเป็นที่สุด 

 

 

“เสด็จแม่ เสด็จป้า” หนานกงมั่วดึงตัวเว่ยจวินมั่วมาถวายพระพรทักทายองค์หญิงฉังผิง ก็เห็นว่าพระชายาเยี่ยนอ๋องเองก็มาถวายพระพรด้วยเช่นกัน 

 

 

พระชายาเยี่ยนอ๋องจ้องมองเสื้อผ้าที่หนานกงมั่วสวมใส่อยู่ครู่หนึ่ง จึงยิ้มพลางเอ่ย “อู๋สยากับเว่ยจวินมั่วจะออกไปข้างนอกอีกแล้วหรือ” 

 

 

หนานกงมั่วอมยิ้มพร้อมกับพยักหน้าเบาๆ “หม่อมฉันจะออกไปนอกเมืองกับจวินมั่วเพคะ อาจจะกลับมาค่อนข้างดึก ก็เลยมาทูลเสด็จแม่ก่อน” 

 

 

องค์หญิงฉังผิงได้ยินแล้วก็กวักมือเรียกนางให้เข้ามาหา จากนั้นก็เหลือบไปมองเว่ยจวินมั่วด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยชอบใจเท่าใดนัก “ข้างนอกอากาศเย็นเพียงนั้น เจ้าเอาแต่พาอู๋สยาออกไปทุกวันเช่นนี้ ระวังจะไม่สบายเอาได้” หนานกงมั่วรีบหันไปมองเว่ยจวิ่นมั่วสีหน้าเจื่อนๆ ทันที จากนั้นก็หันมาตอบองค์หญิงฉังผิงด้วยสีหน้าที่เก้อเขินว่า “เสด็จแม่อย่าดุเขาเลยเพคะ หม่อมฉันเป็นคนลากเขาออกนอกเมืองเองต่างหาก” 

 

 

องค์หญิงฉังผิงเอ่ย “ข้าจำได้ว่าเจ้าซื้อที่ดินนอกเมืองไว้ไม่น้อย ตั้งใจจะปลูกพืชผักหรือ แต่เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องไปดูงานด้วยตัวเองเสียหน่อย หรือว่าคนงานที่ฉังเฟิงหามายังไม่พอหรือ” 

 

 

หนานกงมั่วยิ้มแล้วจึงเอ่ย “หม่อมฉันหาที่ดีๆ ได้ผืนหนึ่ง ตั้งใจจะเพาะปลูกอันใดเสียหน่อย ตอนนี้กำลังสร้างเรือนสองหลัง รอสร้างเสร็จแล้ว เสด็จแม่ก็จะสามารถไปพักผ่อนหย่อนใจที่นั่นได้เพคะ” 

 

 

องค์หญิงฉังผิงได้ยินแล้วก็ยิ้มกว้าง พลางจิ้มนิ้วไปยังกลางหว่างคิ้วของหนานกงมั่วเบาๆ “แม่รู้ว่าเจ้าทำเพื่อแม่ ทว่าก็อย่างหักโหมจนเหนื่อยเกินไปแล้วกัน” 

 

 

พระชายาเยี่ยนอ๋องที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้ม เอ่ย “แม่สามีลูกสะใภ้คู่นี้ดูเหมือนเป็นแม่ลูกแท้ๆ เสียมากกว่า กลับกลายเป็นเว่ยจวินมั่วที่ดูเหมือนเป็นลูกเขยเสียนี่” 

 

 

องค์หญิงฉังผิงหันไปจ้องมองบุตรชายด้วยสีหน้าจนใจ เอ่ยว่า “ก็เขาเป็นเสียแบบนี้ ไม่เห็นโอบอ้อมอารีเหมือนอู๋สยาแม้แต่นิดเดียว” เว่ยจวินมั่วเองก็เหลือบมองมารดาด้วยสีหน้าจนใจเช่นกัน ทว่าก็มิได้โต้แย้งกลับแต่อย่างใด นั่งมองมารดาและภรรยาที่ตัวติดกันไม่ยอมห่างด้วยแววตาอ่อนโยน 

 

 

พระชายาเยี่ยนอ๋องเห็นแล้วจึงถอนหายใจออกมาเบาๆ จากนั้นจึงเอ่ย “อู๋สยาฉลาดหลักแหลม รู้กาลเทศะและแยกแยะเป็น ไม่เคยต้องให้น้องห้าต้องเป็นกังวลใจเลยสักครั้ง หากสะใภ้ชื่อเอ๋อร์ได้สักครึ่งหนึ่งของอู๋สยา ข้าจะรีบกราบไหว้ขอบคุณฟ้าดินเลยเชียว” 

 

 

องค์หญิงฉังผิงอึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นจึงเอ่ยถาม “เกิดอันใดขึ้นหรือ สะใภ้ชื่อเอ๋อร์เองก็เป็นเด็กที่มีความกตัญญู นางอายุยังน้อย หากนางทำสิ่งใดขาดตกบกพร่องไป พี่สะใภ้สามก็แค่ต้องอบรมชี้แนะนางเสียหน่อยก็พอ” 

 

 

หนานกงมั่วหันไปมองพระชายาเยี่ยนอ๋องอยู่ครู่หนึ่ง ลึกๆ ก็พอจะเข้าใจได้ว่าเหตุใดพระชายาเยี่ยนอ๋องถึงได้ทอดถอนใจออกมาเช่นนี้ 

 

 

ถึงแม้ว่าองค์หญิงฉังผิงจะไม่ค่อยเข้าใจในวาจาของพระชายาเยี่ยนอ๋องนัก ทว่าก็พอจะเดาได้ว่าพระชายาซื่อจื่อคงจะไปทำสิ่งใดให้ไม่ชอบใจเข้า เฉินซื่อเคารพและนอบน้อมต่อองค์หญิงฉังผิงที่อาวุโสกว่าเสมอมา ตลอดระยะเวลาที่ได้รู้จักกันมาก็ไม่เคยล่วงเกินองค์หญิงฉังผิงเลยแม้แต่ครั้งเดียว ถึงแม้ว่านางจะเป็นพี่สะใภ้สามที่ไม่ได้สนิทสนมกันเท่าใดนัก ทว่าก็มิใช่คนที่ไร้ซึ่งเหตุผล ความสัมพันธ์ระหว่างแม่สามีและลูกสะใภ้นั้นมีความซับซ้อนและละเอียดอ่อน คนนอกจึงไม่สะดวกจะเอ่ยสิ่งใดมากมายจนเกินไป องค์หญิงฉังผิงจึงทำได้เพียงช่วยเอ่ยแทนเฉินซื่อเพียงไม่กี่คำเท่านั้น 

 

 

หากเป็นเมื่อก่อน พระชายาเยี่ยนอ๋องก็คงจะไม่มาเอ่ยถึงเรื่องลูกสะใภ้อย่างแน่นอน เพราะถึงแม้ว่าพระชายาเยี่ยนอ๋องและเฉินซื่อจะไม่สามารถสนิทสนมกลมกลืนประหนึ่งแม่ลูกเหมือนเช่นองค์หญิงฉังผิงและหนานกงมั่ว ทว่าก็ถือว่ารักใคร่ปรองดองกันไม่น้อย นางเองก็ไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นแม่สามีใจร้ายที่ชอบกดขี่ข่มเหงลูกสะใภ้ เพียงแต่ว่าเรื่องวันนี้ทำให้พระชายาเยี่ยนอ๋องรู้สึกโมโหจริงๆ ท่านอ๋องกำลังยุ่งอยู่กับเรื่องงานราชการจึงไม่ควรที่จะไปรบกวน กับบุตรชายก็ยิ่งไม่เหมาะไปใหญ่ เพราะนอกจากจะไม่เป็นผลดีแล้วยังอาจจะไปทำลายความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาและพี่น้องอีกด้วย พระชายาเยี่ยนอ๋องจึงทำได้เพียงข่มความโมโหไว้ แล้วค่อยๆ สอนนางอย่างใจเย็นที่สุด ทว่าเฉินซื่อดันเป็นคนที่หัวไม่ค่อยไวนักอย่างที่ควร พระชายาเยี่ยนอ๋องที่อัดอั้นไปด้วยความโกรธจึงตัดสินใจมาเอ่ยเรื่องนี้กับองค์หญิงฉังผิง 

 

 

“ใช่ว่าข้าจะไม่รู้ความคิดของนาง และใช่ว่าข้าที่เป็นมารดาจะดันทุรังหาเรื่องลูกสะใภ้ให้ได้ หากเป็นเวลาปกติทั่วไปก็ช่างเถิด แต่เวลานี้…เหล่าบรรดาขุนนางทั่วทั้งอาณาจักรเซี่ยต่างก็พากันเฝ้าปกป้องจวนของตนเองให้มั่นคงที่สุด ทว่านางกลับเปิดประตูเข้ามาดึงคนในจวนของตนเอง” ที่แท้แล้วก็เป็นเรื่องงานแต่งของเซียวเชียนเหว่ยกับเซียวเชียนจย่งนี่เอง เซียวเชียนจย่งอายุยังน้อยจึงไม่ค่อยน่าเป็นห่วงนัก แต่งานแต่งของเซียวเชียนเหว่ยเป็นเรื่องด่วนใกล้เพียงปลายจมูกแล้ว เยี่ยนอ๋องต้องการให้เซียวเชียนเหว่ยสู่ขอภรรยาที่เกิดและเติบโตในโยวโจว ไม่ว่าฐานะวงศ์ตระกูลจะสูงส่งหรือต้อยต่ำ อย่างน้อยก็ถือว่าอยู่ภายใต้อำนาจการปกครองพวกพ้องของเยี่ยนอ๋องเอง ย่อมรู้สึกเบาใจกว่า 

 

 

เดิมทีที่พระชายาเยี่ยนอ๋องถามเรื่องนี้กับเฉินซื่อเพราะมีเจตนาต้องการจะทดสอบ เวลาเดียวกันก็ต้องการที่จะเชิดหน้าชูตาให้เฉินซื่อ เพราะอย่างไรเสียเฉินซื่อก็เป็นพระชายาซื่อจื่อ และจะต้องขึ้นเป็นพระชายาเยี่ยนอ๋องในอนาคต คิดไม่ถึงเลยว่าคนที่เฉินซื่อแนะนำนั้นจะเป็นคุณหนูฉี คุณหนูฉีไม่เพียงแต่เป็นบุตรีของขุนนางในราชสำนักเท่านั้น ทว่าบิดาของคุณหนูฉียังเป็นลูกศิษย์ของโจวเซียงอีกด้วย คนเช่นนี้เยี่ยนอ๋องอยากจะเตะเขาออกจากโยวโจวตั้งแต่แรกเสียด้วยซ้ำ แล้วจะยอมให้เซียวเชียนเหว่ยไปสู่ขอบุตรีของเขาได้อย่างไรกัน 

 

 

พระชายาเยี่ยนอ๋องได้เอ่ยถึงเรื่องนี้ด้วยความคลุมเครืออยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่รู้เพราะเฉินซื่อไม่เข้าใจถึงสิ่งที่พระชายาเยี่ยนอ๋องพยายามจะสื่อหรืออย่างไร จึงเอาแต่คิดว่าคุณหนูฉีนั้นเพียบพร้อมและเหมาะสมที่สุด จึงถูกพระชายาเยี่ยนอ๋องคัดค้านและปฏิเสธไป หลังจากกลับไปถึงเรือน นางก็ไปร้องห่มร้องไห้กับเซียวเชียนชื่อด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ พระชายาเยี่ยนอ๋องจึงโมโหจนทานข้าวไม่ลงเสียด้วยซ้ำ การที่นางพยายามหาสตรีที่สามารถเข้ากับเฉินซื่อได้มาเป็นลูกสะใภ้ก็เพื่อจะลดความขัดแย้งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต นางทำผิดหรืออย่างไรกัน 

 

 

เมื่อได้ยินวาจาของพระชายาเยี่ยนอ๋องแล้ว องค์หญิงฉังผิงก็ถอนหายใจออกมาด้วยความจนใจ ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ย “พระชายาซื่อจื่อมาจากเมืองจินหลิง นางเองก็น่าสงสาร มาอยู่ที่นี่ตัวคนเดียวตั้งแต่อายุยังน้อย ก็เลยคิดว่าหากมีคนจากบ้านเกิดมาอยู่ด้วยกันก็คงจะดี พี่สะใภ้สามค่อยๆ อธิบายให้นางฟังก็เป็นพอ” 

 

 

พระชายาเยี่ยนอ๋องหัวเราะในลำคอเบาๆ เอ่ย “แล้วข้ามิใช่คนจินหลิงหรืออย่างไรกัน” ตอนที่แต่งเข้ามาที่เมืองโยวโจวก็ไม่ได้แตกต่างจากเฉินซื่อเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังหนักหนาสาหัสกว่านางเสียด้วยซ้ำ อย่างน้อยตอนนี้เยี่ยนอ๋องได้ตั้งรกรากอาณาเขตที่เมืองโยวโจวแล้ว ชาวดินแดนเหนือเองก็ไม่กล้าที่จะมาก่อเรื่องตามอำเภอใจ 

 

 

สำหรับเฉินซื่อลูกสะใภ้ผู้นี้ พระชายาเยี่ยนอ๋องไม่ได้รู้สึกว่านางพิเศษแต่อย่างใด ตระกูลของเฉินซื่อถือว่าเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียง ฐานะบรรดาศักดิ์สูงส่งและเป็นคนที่มีความสามารถไม่น้อย สามารถดูแลจัดการธุระในจวนได้ไม่เลวทีเดียว หากนางเป็นลูกสะใภ้ทั่วไปแค่นี้ก็ถือว่าเหลือเฟือแล้ว จะติดก็ตรงที่นางเป็นลูกสะใภ้ในเชื้อสายหลัก ทายาทแห่งจวนเยี่ยนอ๋อง และจะต้องขึ้นเป็นพระชายาเยี่ยนอ๋องในอนาคต ทว่าโยวโจวก็ดันเป็นเขตพื้นที่ชายแดน จึงมักจะมีความขัดแย้งกับชาวดินแดนเหนือหรือแม้แต่ชนเผ่าพื้นเมืองต่างๆ ตลอดทั้งปีไม่หยุดหย่อน ตอนนี้มีพระชายาเยี่ยนอ๋องอยู่ด้วยถือว่ายังดี แต่หากวันใดวันหนึ่งเซียวเชียนชื่อต้องขึ้นมาสืบทอดตำแหน่งแทน เฉินซื่อเองก็จะต้องขึ้นมาเป็นพระชายาเยี่ยนอ๋อง ดูจากนิสัยใจคอของเฉินซื่อที่รักในชื่อเสียงและเกียรติยศเป็นชีวิตจิตใจแล้ว จะสามารถคบค้าสมาคมเพื่อกระชับความสัมพันธ์กับเหล่าบรรดาฮูหยินของแม่ทัพที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของเยี่ยนอ๋องได้หรือ นางจะสามารถยืนหยัดเพื่อจวนเยี่ยนอ๋องแห่งนี้ได้จริงๆ หรือ 

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

Status: Ongoing

นิยายรักย้อนยุค ว่าด้วยการแก้แค้นของหมอหญิงมือสังหาร และแต่งงานกับบุรุษสุดประหลาด!

เมื่อมารดาสิ้นใจและตนถูกไล่ให้มาอยู่หมู่บ้านบรรพบุรุษ เพราะความลำบากและคับแค้นใจจึงทำให้ หนานกงชิง คุณหนูคนโตแห่งตระกูลหนานกงจากโลกนี้ไป

ร่างของนางกลับถูกแทนที่ด้วยวิญญาณของ หนานกงมั่ว นักฆ่าสาวมือฉกาจแห่งเอเชีย เมื่อได้รับชีวิตใหม่หนานกงมั่วก็ได้กราบอาจารย์ เรียนวิชาแพทย์ ใช้ชีวิตอิสระเสรีตามที่ตนหวัง พร้อมรับใบสั่งสังหารคนบ้างเป็นครั้งคราว… จนเมื่อราชโองการพระราชทานสมรสมาถึงชีวิตของนางก็ถึงคราวพลิกผัน!

เล่าลือกันว่าจวิ้นอ๋องว่าที่สามีของนาง เว่ยจวินมั่ว แม้จะมียศสูงศักดิ์แต่เพราะดวงตาแปลกประหลาดสีม่วงและการคลอดก่อนกำหนดทำให้ชาติกำเนิดของเขาตกเป็นขี้ปากคนไปทั่ว อาจเพราะแบบนี้การสมรสนี้จึงตกมาถึงตัวนาง แม้คนทั่วไปไม่ยินดีแต่นางดูๆ แล้วกลับคิดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท