หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1 – ตอนที่ 579 ก็แค่เรื่องแม่สามีกับลูกสะใภ้ (1)

ตอนที่ 579 ก็แค่เรื่องแม่สามีกับลูกสะใภ้ (1)

“เรือนต่อเติมไปถึงไหนแล้วหรือ” หนานกงมั่วถามขึ้น 

 

 

ลิ่นฉังเฟิงทอดถอนใจอย่างแผ่วเบา จากนั้นจึงเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงที่เสียดายว่า “แม่นางมั่ววิสัยทัศน์ดีเสียจริง ใครจะไปคิดว่าพื้นที่เช่นโยวโจวจะซ่อนธารน้ำพุร้อนไว้มากมายขนาดนี้ หากสามารถสร้างเรือนไว้ในที่แห่งนี้ได้ เรือนเล็กๆ สักหลังจะขายด้วยราคาหลายหมื่นตำลึงก็มิใช่ปัญหาเลย ทว่าเจ้ากลับดึงดันจะเพาะปลูกยาสมุนไพรเหล่านี้” 

 

 

“อย่าไปคิดมากเพียงนั้นเลย” หนานกงมั่วปลอบใจเขาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ท่านคิดว่าโยวโจวคือจินหลิงหรืออย่างไรกัน ถึงได้มีคนยอมลงทุนซื้อเรือนในราคาหลายหมื่นตำลึงเพียงเพื่อปีหนึ่งจะมาพักอาศัยแค่ครึ่งเดือนหรือหนึ่งเดือนเท่านั้น เราสร้างเรือนหลายๆ หลังมาอยู่อาศัยกันเองอย่างเงียบสงบและสบายใจไม่ดีกว่าหรือ” 

 

 

ลิ่นฉังเฟิงลูบคางพร้อมกับครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ จากนั้นจึงเอ่ย “หากทำตามที่เจ้าบอก สร้างเรือนที่ตีนเขาสามหลัง แล้วก็สร้างเรือนอีกหนึ่งหลังที่เขาอีกลูก แต่ทว่าพื้นที่เหล่านี้ไม่ควรให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าออกได้ตามอำเภอใจ ดังนั้นคาดว่าคงจะสร้างเสร็จประมาณปลายปีนี้” 

 

 

หนานกงมั่วโบกมือพลางหัวเราะเบาๆ เอ่ยว่า “ไม่เป็นไร อย่างไรเสียพวกเราก็ยังไม่ว่างมาพักอาศัยอยู่ดี อีกไม่กี่วันก็จะต้องเข้ากองทัพแล้วมิใช่หรือ” 

 

 

คุณชายฉังเฟิงได้ยินแล้วก็ได้สติขึ้นมาทันที “เมื่อไหร่หรือ” 

 

 

เว่ยจวินมั่วจ้องมองเขาด้วยแววตาเฉยชา “เรือนในเมืองใกล้จะต่อเติมเสร็จแล้ว อีกราวครึ่งเดือนเห็นจะได้” 

 

 

คุณชายฉังเฟิงได้ยินแล้วก็รู้สึกตื่นเต้นดีใจขึ้นมาทันที คุณชายฉังเฟิงเคยเป็นทายาทผู้สืบทอดของตระกูลขุนนางชั้นสูง เคยรับจ้างเป็นนักฆ่ามืออาชีพ เคยเป็นพ่อค้าที่ทำการซื้อขาย ทว่ากลับไม่เคยได้เป็นทหารเลยแม้แต่ครั้งเดียว 

 

 

“อย่าพึ่งดีใจไป เข้าไปแล้ว จะเป็นอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับตัวเจ้าแล้ว” เว่ยจวินมั่วเตือนเขา 

 

 

สีหน้าของคุณชายฉังเฟิงจริงจังขึ้นมาทันที “ข้าขอถามหน่อยเถิด ที่ว่าขึ้นอยู่กับข้า มันหมายความว่าอย่างไรหรือ” 

 

 

หนานกงมั่วยิ้มตาหยี จากนั้นก็เอื้อมมือไปจับแขนของเว่ยจวินมั่วไว้แล้วจึงเอ่ย “หมายความว่าต้องเริ่มใหม่ตั้งแต่ต้นเลย คุณชายฉังเฟิง ตั้งใจฝ่าฟันก็แล้วกัน” 

 

 

คุณชายฉังเฟิงได้ยินแล้วก็รู้สึกท้อแท้ขึ้นมาทันทีทันใด “คุณชายอย่างข้าหล่อเหลามีเสน่ห์เหลือล้นเช่นนี้ เจ้าจะให้ไปเป็นพลทหารตำแหน่งเล็กๆ หรือ” ทหารตำแหน่งเล็กๆ ทหารตำแหน่งเล็กๆ น่ะหรือ… 

 

 

หนานกงมั่วมองเขาด้วยสายตาเห็นใจ “คนที่ใช้เส้นสาย อนาคตมักจะไม่มั่นคง ท่านสามารถเลือกอยู่ดูแลที่นี่ต่อได้…” 

 

 

คุณชายฉังเฟิงโต้กลับด้วยน้ำเสียงทะนงองอาจว่า “ฝันไปเถิด ก็แค่ต้องเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่เท่านั่นเองมิใช่หรือ ข้าไปก็สิ้นเรื่อง อย่าได้คิดว่าจะให้ข้ากลับไปเป็นวัวเป็นม้าทำงานแทนพวกเจ้าอีกเชียว!” ก็แค่ต้องไปเป็นทหารชั้นผู้น้อย! คุณชายที่มากฝีมือเช่นข้า เข้าสมรภูมิรบเพียงครั้งเดียวก็ได้เลื่อนตำแหน่งหลายขั้นแล้ว! หึ! 

 

 

สองสามีภรรยายืนมองดูเขาด้วยสีหน้าที่มีเลศนัยอยู่ข้างๆ ไม่ได้บอกสิ่งใดกับเขาอีก นอกเสียจากว่าเยี่ยนอ๋องจะเป็นคนเลื่อนตำแหน่งให้ มิเช่นนั้นต่อให้ขยันขันแข็งแทบตาย ทำผลงานได้มากมายเพียงใด อย่างมากก็ได้เลื่อนตำแหน่งเพียงแค่ขั้นเดียวต่อการเข้าสมรภูมิรบหนึ่งครั้งเท่านั้น คิดอยากจะเลื่อนตำแหน่งทีละหลายๆ ขั้นในครั้งเดียว ถือเป็นการเพ้อฝันเกินจริงไปแล้ว 

 

 

บ้านที่พึ่งซื้อมาใหม่ไม่ต้องต่อเติมซ่อมแซมมากมายเท่าใดนัก เพราะเป็นบ้านที่สร้างขึ้นโดยอดีตขุนนางในราชวงศ์ก่อน แม้ว่าจะไม่มีคนอยู่อาศัยมายี่สิบกว่าปี ทว่าเพราะได้รับการบำรุงรักษาและดูแลเป็นอย่างดี สภาพจึงค่อนข้างสมบูรณ์เป็นอย่างมาก เพียงแก้ไขในจุดที่ตนเองรู้สึกไม่ค่อยชอบก็เพียงพอแล้ว รวมๆ แล้วใช้เวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งเดือนก็เป็นอันเสร็จสิ้น ระหว่างที่กำลังต่อเติมซ่อมแซมอยู่ คุณชายฉังเฟิงก็ได้สั่งทำเครื่องเรือนเป็นที่เรียบร้อย หลังจากที่บ้านได้รับการบำรุงซ่อมแซมเสร็จเรียบร้อยก็สามารถนำเครื่องเรือนเข้าไปจัดวางได้ทันที มองดูบ้านที่ดูใหม่เอี่ยมทั้งหลัง คุณชายฉังเฟิงเองก็พลอยรู้สึกยินดีไปด้วย 

 

 

พื้นที่ของเรือนซี่จ้าวย่อมไม่กว้างขวางเท่าจวนเยี่ยนอ๋องอยู่แล้ว ทว่าก็ไม่ได้เล็กกว่าเรือนจี้ชั่งในจินหลิงแต่อย่างใด ภายในบ้านหนึ่งหลังมีสองเรือนและสามลาน ทัศนียภาพงดงามตระการตา เห็นได้ชัดว่าเจ้าของเดิมของสถานที่แห่งนี้ฐานะค่อนข้างร่ำรวย หนานกงมั่วสามารถซื้อบ้านแห่งนี้ด้วยราคานี้ได้ถือว่าคุ้มค่าเป็นอย่างมาก เมื่อบ้านถูกต่อเติมเสร็จเรียบร้อยแล้ว หนานกงมั่วจึงได้เชื้อเชิญพระชายาเยี่ยนอ๋อง เฉินซื่อและองค์หญิงฉังผิงไปชมที่นั่นด้วยกัน 

 

 

เมื่อเดินเข้าไปในบ้าน ก็มองเห็นเพียงต้นไม้ใบหญ้าที่เขียวชอุ่ม ภูเขาเทียมและศาลางดงามสะดุดตา ไม่เหลือเค้าความรกร้างและทรุดโทรมเลยแม้แต่นิดเดียว ดึงดูดสายตาของทุกคนที่มาเชยชมเป็นอย่างมาก อานซื่อที่เดินตามหลังเฉินซื่อก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ย “บ้านเช่นนี้ เพียงต่อเติมซ่อมแซมเกรงว่าคงจะใช้เงินไม่น้อยเลยเจ้าค่ะ” 

 

 

หนานกงมั่วยิ้มพร้อมกับเอ่ยตอบ “ทั้งหมดนี้เป็นผลงานของลิ่นฉังเฟิงทั้งสิ้น ข้าเองก็ไม่ค่อยรู้รายละเอียดเท่าใดนัก” 

 

 

ค่าต่อเติมซ่อมแซมถือว่าแพงมาก บ้านแห่งนี้ถูกซื้อมาในราคาเพียงหนึ่งหมื่นกว่าตำลึงเท่านั้น แต่กลับใช้เงินในการต่อเติมซ่อมบำรุงไปราวเจ็ดแปดหมื่นตำลึงเห็นจะได้ ทว่าอย่างไรเสียที่นี่ก็ถือว่าเป็นบ้านในอนาคตของนางแล้ว หนานกงมั่วจึงรู้สึกว่าคุ้มค่าราคาเป็นอย่างมาก 

 

 

ก่อนหน้านี้อานซื่อเคยให้บุตรีของนางมาตีสนิทหนานกงมั่ว ทว่านึกไม่ถึงเลยว่าหนานกงมั่วจะเว้นระยะห่างจากบุตรีของนางพอสมควร และไม่ได้พูดคุยอันใดกับบุตรีของนางเลย เดิมทีนางเองก็กำลังกลัดกลุ้มใจอยู่แล้ว ตอนนี้จึงยิ่งรู้สึกไม่ชอบใจเข้าไปใหญ่ แต่อย่างไรเสียนางเองยังไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของหนานกงมั่วดีพอ จึงยังไม่กล้าลงมือทำสิ่งใดทั้งนั้น 

 

 

“เสด็จแม่และเสด็จป้าเห็นว่าที่นี่เป็นอย่างไรบ้างเพคะ” หนานกงมั่วประคองแขนขององค์หญิงฉังผิงพลางเอ่ยถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม 

 

 

พระชายาเยี่ยนอ๋องยิ้ม เอ่ยว่า “ย่อมต้องดีเลิศอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าในเมืองโยวโจวยังมีบ้านเช่นนี้หลงเหลืออีกหรือไม่ น้องหญิงห้าวาสนาดี ต่อไปภายภาคหน้าข้าคงจะต้องมาเที่ยวหาเจ้าบ่อยๆ แล้ว” 

 

 

หนานกงมั่วยิ้มแล้วจึงเอ่ย “หม่อมฉันและเว่ยจวินมั่วอยู่ข้างนอกเป็นส่วนใหญ่ หากเสด็จป้าสามารถมาเที่ยวหาเสด็จแม่บ่อยๆ หม่อมฉันก็รู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างมากเพคะ” 

 

 

องค์หญิงฉังผิงตบหลังมือของหนานกงมั่วเบาๆ จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความปลื้มใจ “อู๋สยากล่าวได้ถูกต้อง ข้ากลัวก็แต่พี่สะใภ้สามไม่ยอมมาต่างหาก” 

 

 

หนานกงมั่วยิ้มพลางชี้ไปยังเรือนที่อยู่อีกฝั่ง “เสด็จแม่ว่าเรือนนั้นเป็นอย่างไรเพคะ” 

 

 

องค์หญิงฉังผิงหันไปมองตาม เห็นว่าเป็นเรือนสามทางเข้า ยังไม่ทันจะเดินเข้าไปก็สามารถมองเห็นการประดับตกแต่งที่แกะสลักด้วยลวดลายละเอียดประณีตเป็นอย่างมาก งดงามตระการตาแต่ไม่ขาดซึ่งรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ละเมียดละไม คละเคล้าไปด้วยกลิ่นอายเสน่ห์ของเจียงหนานทางตอนใต้ 

 

 

หนานกงมั่วยิ้มพลางเอ่ย “ที่กลางลานของเรือนหลังนั้นมีต้นท้อราวสิบต้นเห็นจะได้ อีกไม่กี่วันก็ถึงฤดูกาลดอกไม้บานแล้ว จวินมั่วบอกว่าเสด็จแม่ชอบดอกท้อเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้หม่อมฉันก็เลยอยากเชิญเสด็จแม่มาพำนักอยู่เรือนนี้ เดิมทีเรือนนี้มีชื่อว่าเรือนหลิงเย่ว์ ทว่าเว่ยจวินมั่วเปลี่ยนชื่อเป็นหอชุนฮุย เสด็จแม่เห็นควรอย่างไรเพคะ” 

 

 

องค์หญิงฉังผิงย่อมต้องถูกใจมากอยู่แล้ว เรือนนี้เป็นอย่างไรไม่รู้ ทว่าความตั้งใจของบุตรชายและลูกสะใภ้ที่มีต่อนาง ทำให้นางปลื้มปีติเป็นอย่างมาก 

 

 

“ดีเลย เราไปชมที่นั่นด้วยกันเถิด” องค์หญิงฉังผิงเอ่ยด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม 

 

 

“เพคะ” 

 

 

หอชุนฮุยคือเรือนที่ใหญ่ที่สุดในเรือนซี่จ้าว ถึงแม้ว่าตำแหน่งที่ตั้งจะอยู่ส่วนหลัง แต่ก็กินพื้นที่หนึ่งในห้าของพื้นที่ภายในบ้านแห่งนี้ มิใช่แค่หอแห่งนี้เท่านั้นที่มีต้นท้อปลูกรายล้อม แต่บริเวณรอบๆ ริมทะเลสาบก็ปกคลุมไปด้วยต้นท้อเช่นกัน ดอกไม้ทางตอนเหนือบานค่อนข้างช้า จึงมองเห็นเพียงดอกที่ยังตูมอยู่บนต้นท้อเท่านั้น ราวสิบถึงสิบห้าวันดอกท้อที่งดงามเหล่านี้ก็จะบานสะพรั่งทั่วทั้งบ้านแห่งนี้อย่างแน่นอน 

 

 

เมื่อเดินเข้าไปในหอแล้ว ก็มีสาวใช้เดินออกมาต้อนรับทันที “ถวายพระพรพระชายาเยี่ยนอ๋อง องค์หญิงเพคะ” 

 

 

องค์หญิงฉังผิงทั้งดีใจและแปลกใจในเวลาเดียวกัน “จัดเตรียมเสร็จหมดแล้วหรือ” 

 

 

หนานกงมั่วเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้ม “เรียบร้อยแล้วเพคะ คุณชายฉังเฟิงเป็นคนคัดเลือกบ่าวรับใช้เองกับมือ และก็ได้เลือกจำนวนหนึ่งมาฝึกงาน ที่เชิญเสด็จแม่มาวันนี้ก็เพื่อให้เสด็จแม่ตรวจดูความเรียบร้อย ว่าขาดตกบกพร่องหรือไม่เหมาะสมตรงไหน หม่อมฉันจะได้ไปอบรมสั่งสอนพวกนาง จะได้เตรียมพร้อมสำหรับการย้ายเข้ามาอยู่ได้ตลอดเวลาเพคะ” องค์หญิงฉังผิงยิ้มพร้อมกับพยักหน้าเบาๆ “ไม่ถูกใจตรงไหนกันเล่า ฉังเฟิงทำงานละเอียดอ่อนและรอบคอบ แม่ย่อมต้องถูกใจอยู่แล้ว พวกเจ้ามีธุระที่ต้องจัดการ แต่กลับเจียดเวลามาทำสิ่งเหล่านี้เพื่อแม่ แม่จะไม่ชอบได้อย่างไรกัน” 

 

 

นี่มิใช่คำพูดเกรงใจขององค์หญิงฉังผิงแต่อย่างใด บ้านแห่งนี้ถูกบูรณะจนงดงามและใหม่เอี่ยมทั้งหมดเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าทุกกระเบียดนิ้วของบ้านได้รับการตกแต่งตามความชอบขององค์หญิงฉังผิง เกรงว่าเรือนในจินหลิงที่องค์หญิงฉังผิงอาศัยมานานนับยี่สิบปีก็อาจจะไม่ถูกใจเท่าบ้านแห่งนี้ก็เป็นได้ 

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

Status: Ongoing

นิยายรักย้อนยุค ว่าด้วยการแก้แค้นของหมอหญิงมือสังหาร และแต่งงานกับบุรุษสุดประหลาด!

เมื่อมารดาสิ้นใจและตนถูกไล่ให้มาอยู่หมู่บ้านบรรพบุรุษ เพราะความลำบากและคับแค้นใจจึงทำให้ หนานกงชิง คุณหนูคนโตแห่งตระกูลหนานกงจากโลกนี้ไป

ร่างของนางกลับถูกแทนที่ด้วยวิญญาณของ หนานกงมั่ว นักฆ่าสาวมือฉกาจแห่งเอเชีย เมื่อได้รับชีวิตใหม่หนานกงมั่วก็ได้กราบอาจารย์ เรียนวิชาแพทย์ ใช้ชีวิตอิสระเสรีตามที่ตนหวัง พร้อมรับใบสั่งสังหารคนบ้างเป็นครั้งคราว… จนเมื่อราชโองการพระราชทานสมรสมาถึงชีวิตของนางก็ถึงคราวพลิกผัน!

เล่าลือกันว่าจวิ้นอ๋องว่าที่สามีของนาง เว่ยจวินมั่ว แม้จะมียศสูงศักดิ์แต่เพราะดวงตาแปลกประหลาดสีม่วงและการคลอดก่อนกำหนดทำให้ชาติกำเนิดของเขาตกเป็นขี้ปากคนไปทั่ว อาจเพราะแบบนี้การสมรสนี้จึงตกมาถึงตัวนาง แม้คนทั่วไปไม่ยินดีแต่นางดูๆ แล้วกลับคิดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท