ความจริง…นางก็อยากลงมือด้วยตนเอง แต่เพื่อภาพลักษณ์ของนาง ยังต้องอดทนเอาไว้ ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่เลวเหมือนกัน
“นี่ทำอันใดกัน” เสียงชราเอ่ยดังขึ้นด้วยความสงสัย จากนอกประตู
“ท่านหมอเวิน ช่วยข้าด้วย” ท่านหมอซือที่ถูกรุมจนมองไม่เห็นในที่สุดก็ร้องขึ้นมาด้วยความดีใจ แม้ท่านหมอเวินจะอายุมาก ทว่าได้รับความเคารพเป็นอย่างยิ่งในกองทัพ คุณชายเหล่านี้เองก็ไม่มีทางไปล่วงเกินหมอชราโดยไร้สาเหตุ อย่างไรก็ต่อยตีจนสะใจแล้ว ทุกคนจึงหยุดมืออย่างพึงพอใจ ในที่สุดท่านหมอซือก็ตะเกียกตะกายออกมาจากกลุ่มคนนั้นได้ ทว่าสภาพถูกกระทืบจนดูไม่ได้
ท่านหมอเวินมุมปากยกขึ้นอย่างอดไม่ได้ ถอนหายใจอยู่ในใจ ท่านหมอซือชอบมาหาเรื่องเว่ยฮูหยิน เรื่องนี้ใช่ว่าท่านหมอเวินจะไม่รู้ อีกทั้งยังเอ่ยเตือนอยู่หลายครั้ง ทว่าคนผู้นี้นั้นมีใจยโสโอหัง แม้แต่กับเขาเองยังเป็นเพียงการเคารพต่อหน้าเท่านั้น ไหนเลยจะเชื่อฟังวาจาของเขา เพียงแต่กลายเป็นเยี่ยงนี้ อีกทั้งยังเป็นเพื่อนร่วมงานเขาคอยดูแลสำนักแพทย์ จะไม่มาถามไถ่เลยก็ไม่ได้
“ท่านหมอซือ นี่มันอันใดกัน”
ท่านหมอซือตะเกียกตะกายมาอยู่ด้านข้างท่านหมอเวิน ชี้ไปยังเหล่าคุณชายเอ่ยเสียงดัง “พวกเขาทำร้ายข้า”
ท่านหมอเวินเอ่ยเงียบๆ อยู่ในใจ แน่นอนข้ารู้ว่าพวกเขาทำร้ายเจ้า แม้ข้าจะอายุมาก ตายังไม่ได้บอดหรอกนะ
ถอนหายใจออกมา ท่านหมอเวินมองไปยังเหล่าคุณชายที่แสดงสีหน้าออกมาว่าไม่ใส่ใจ จากนั้นหันไปมองหนานกงมั่ว เอ่ยถาม “เว่ยฮูหยิน เมื่อครู่เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือ” หนานกงมั่วลุกขึ้น เอ่ยตอบอย่างสุภาพ “ท่านหมอเวิน เมื่อครู่เหล่าคุณชายมาหาข้าเพื่อขอยา บังเอิญเจอกับท่านหมอซือ ไม่ทันระวังวาจาจึงได้เกิดการทะเลาะกันขึ้นเพียงเท่านั้นเจ้าค่ะ”
ท่านหมอเวินเองรู้ดีว่าท่านหมอซือนั้นปากไม่ดีมาแต่ไหนแต่ไร โชคดีที่เขาเป็นหมอประจำกองทัพ เหล่าทหารเองก็เคารพเขาอยู่บ้าง หากทหารทั้งหลายมีนิสัยเยี่ยงนี้หมด คงมีคนมาเอาเรื่องเขาหลายรอบแล้ว อีกทั้งชายหนุ่มเหล่านี้ เพียงมองเขาก็ดูออกแล้วว่าฐานะไม่ธรรมดา แน่นอนว่านิสัยเองก็คงไม่ได้ว่าง่าย เมื่อวาจาไม่ลงรอยกันต่อยตีขึ้นมานับว่าเป็นเรื่องปกติ
ท่านหมอเวินส่ายศีรษะแล้วจึงเอ่ย “ช่างเถิด คนหนุ่มอารมณ์ร้อนแน่นอนว่าต้องมี เรื่องนี้ข้าจะรายงานต่อผู้บังคับการกองพันเว่ย อีกทั้งถือว่าเป็นการสั่งสอนท่านหมอซือไปด้วย ท่านหมอซือ ท่านว่าอย่างไร” ท่านหมอซืออยากบอกไม่เห็นด้วย แต่เมื่อเจอสายตาข่มขู่จากทุกคน สุดท้ายจึงกลืนคำพูดลงไป กัดฟันเอ่ย “ข้าไม่มีข้อโต้แย้ง หวังว่าผู้บังคับการเว่ยจะให้คำอธิบายแก่ข้าได้”
“ต้องการให้ข้าอธิบายเรื่องใดหรือ” เสียงเย็นของเว่ยจวินมั่วดังขึ้นมาจากด้านนอก คุณชายทั้งหลายตัวสั่นขึ้นมาโดยไม่อาจห้ามได้ รีบกระถดตัวเบียดเข้าหากันยังมุมหนึ่ง แทบอยากม้วนตนเองเป็นก้อนเล็กๆ แล้วกลิ้งออกไป ทำให้เว่ยจวินมั่วมองไม่เห็นตนเอง
ไม่รู้ว่าเว่ยจวินมั่วมายืนอยู่หน้าประตูตั้งแต่เมื่อใด อยู่ในอาภรณ์สีคราม ดูสง่างามยิ่งมีอำนาจเสียกว่าแม่ทัพที่อยู่ในชุดเกราะและมีผ้าคลุม กวาดสายตาเรียบนิ่งไปยังทุกคน สุดท้ายมาหยุดอยู่ที่ท่านหมอซือที่จมูกเขียวใบหน้าบวมเป่ง
ท่านหมอซือเชิดหน้าขึ้นมาสบตากับเว่ยจวินมั่ว ดวงตาสีม่วงคู่นั้นทำให้เขาสันหลังเย็นวาบขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ กัดฟันเอ่ย “ผู้ใต้บังคับบัญชาของผู้บังคับการกองพันเว่ยลงมือทำร้ายหมอประจำกองทัพ หรือว่าท่านผู้บังคับการจะไม่มีคำอธิบายให้ข้าเลยหรือ”
สายตาของเว่ยจวินมั่วเคลื่อนออกจากเขา เดินเข้าไปหยุดตรงหน้าหนานกงมั่ว หนานกงมั่วส่ายหน้าเบาๆ บอกเขาว่านางไม่เป็นไร เว่ยจวินมั่วมองไปยังเซวียปิน “พวกเจ้ามาทำอันใดที่นี่” เดิมทีเวลานี้อู๋สยาต้องกลับถึงเขตกองพันแล้ว รออยู่ชั่วครู่กลับไม่เห็นนางกลับมาจึงได้มาตาม แต่ไม่คิดว่าสำนักแพทย์จะครึกครื้นเช่นนี้
เซวียปินรีบเอ่ยตอบ “เอ่อ…พวกข้า รายงานผู้บังคับการกองพัน พวกเรามาขอยาจากเว่ยฮูหยินขอรับ”
เว่ยจวินมั่วพยักหน้าตอบรับ เขารู้ดีว่าระดับการฝึกของเขาเป็นเช่นไร และไม่ได้ถึงขั้นห้ามให้ใครใช้ยา นายทหารหนึ่งพันคนภายใต้การดูแลของเขา มีเพียงไม่กี่คนที่เป็นคนใหม่ แน่นอนว่ามีเพียงพวกเขาที่ลำบากที่สุด
เห็นว่าเขาไม่ถือสาเอาความ เซวียปินจึงเอ่ยต่อด้วยความยินดี “พวกเราได้รับยาแล้วกำลังจะไป แต่บังเอิญเจอกับท่านหมอซือผู้นี้เข้ามาสั่งสอนเว่ยฮูหยิน ปากยังไม่ดีอีก พวกเราจึงลงมือด้วยอารมณ์โกรธเพียงชั่ววูบ ขอผู้บังคับการให้ความเป็นธรรมด้วยขอรับ” ใครบอกว่ามีเพียงคนร่ำเรียนจึงจะใส่ไฟคนอื่นได้ คุณชายใหญ่เซวียเองก็ถือโอกาสนี้ทำลายคนแซ่ซือคนนั้นเหมือนกัน แม้ว่าความจริงเขาก็ไม่ได้ใส่ความ หากไม่เอ่ยออกมาต่อหน้าคนอื่นให้เสียชื่อเสียงของเว่ยฮูหยิน เล่าถึงคำพูดของคนแซ่ซือให้เว่ยจวินมั่วได้รู้ เกรงว่าเว่ยจวินมั่วคงได้ฆ่าเขาตายแน่
ทุกคนรีบพยักหน้าพร้อมเพรียง ดวงตาจริงใจมองไปยังผู้บังคับการกองพันเว่ย พวกเราลงมือเพราะปกป้องเว่ยฮูหยินนะ
เว่ยจวินมั่วพยักหน้า หันกลับมาหาท่านหมอเวิน เอ่ย “ในเมื่อเป็นการทะเลาะกันของทั้งสองฝ่าย แน่นอนว่าตบมือข้างเดียวไม่ดัง เพียงแต่พวกเขาทำร้ายหมอประจำกองทัพเป็นความผิดของพวกเขาจริงๆ คืนนี้ไม่ต้องกินข้าว ไปฝึกซ้อมที่ลานฝึกเพิ่มอีกหนึ่งชั่วยาม ท่านหมอเวิน ท่านเห็นเช่นไร”
การลงโทษเช่นนี้…เดิมทีก็ไม่ใช่การลงโทษ ท่านหมอเวินเองก็จนปัญญา เพียงแต่ท่านหมอซือก็สมควรแล้วที่จะได้รับการสั่งสอน จึงทำเพียงพยักหน้า เอ่ย “ผู้บังคับการกองพันเว่ยกล่าวถูกแล้ว”
เว่ยจวินมั่วกวาดตามองทุกคน “ยังไม่ไปอีก”
“ข้าน้อยขอตัวลาขอรับ” ทุกคนดีใจ รีบเอ่ยพร้อมเพรียงและวิ่งหนีออกไป
ตั้งแต่ต้นจนจบไม่มีใครสนใจความคิดเห็นของท่านหมอซือที่อยู่บนพื้น สีหน้าของท่านหมอซือเขียวขึ้นมา เจ็บปวดอยู่ในใจไม่อาจเอ่ยออกมาได้ คุณชายเว่ยพยักหน้า เอ่ย “ดูเหมือนว่าท่านหมอเวินเองก็ไม่มีขอโต้แย้งแล้วใช่หรือไม่ ดูเหมือนท่านหมอซือจะบาดแผลเพียงภายนอก พาเขากลับไปพักผ่อนเถิด” ลูกศิษย์ที่ยืนอยู่ด้านนอกไม่กล้าเดินเข้ามาได้ยินเช่นนั้นก็รีบวิ่งเข้ามาประคองท่านหมอซือที่ร่างกายสั่นเทาออกไป
หนานกงมั่วก้าวเดินขึ้นไปด้านหน้าสองก้าว เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “น่าอายต่อหน้าท่านหมอเวินแล้ว ไม่รู้ว่าท่านมาที่นี่มีเรื่องอันใดหรือเจ้าคะ”
ท่านหมอเวินโบกปัดมือ ถอนหายใจออกมา เอ่ย “นิสัยของท่านหมอซือไม่เหมาะสมนัก ขอเว่ยฮูหยินอย่าได้ถือสาเขา จริงสิ ข้ามาเพราะสูตรยาของเว่ยฮูหยิน ข้าได้นำมันไปให้ท่านแม่ทัพและเยี่ยนอ๋องแล้ว ท่านแม่ทัพเองก็ให้คนทดลองดูแล้วเห็นว่าเป็นยาที่ดีจริงๆ เยี่ยนอ๋องเองก็มีรับสั่งลงมาแล้วว่าต่อไปกองทัพต้องจัดเตรียมยาห้ามเลือดชนิดนี้ ต่อไปการรักษาทหารบาดเจ็บจะได้ง่ายขึ้นมาบ้าง นับเป็นความดีความชอบที่ยิ่งใหญ่ของฮูหยิน” หนานกงมั่วยิ้มบาง เอ่ย “เป็นเรื่องที่ควรทำ ท่านหมอเวินกล่าวหนักไปแล้วเจ้าค่ะ”
ท่านหมอเวินเอ่ย “จะหนักเกินไปได้เยี่ยงไร ท่านขุนพลมีคำสั่งลงมา ต่อไปหากเว่ยฮูหยินต้องการสมุนไพรอันใดให้รีบบอกเป็นพอ นอกจากนี้…ฮูหยินมีฐานะพิเศษ ไม่สะดวกในการเลื่อนขั้นในกองทัพ ขุนพลจูจึงมอบรางวัลสำหรับฮูหยินเป็นเงินจำนวนสองร้อยตำลึงทอง ท่านขุนพลบอกแล้วว่าความดีความชอบของฮูหยินท่านขุนพลและเยี่ยนอ๋องจะจดจำเอาไว้”
หนานกงมั่วเลิกคิ้ว ไม่เคยคาดคิดว่าจะดีเพียงนี้ แม้เงินสองร้อยตำลึงทองสำหรับหนานกงมั่วจะไม่ได้มากมายอันใด แต่สำหรับคนธรรมดาทั่วไปนั่นเป็นจำนวนไม่น้อย เงินเดือนของทหารในกองทัพเมื่อรวมกันหนึ่งปียังไม่ถึงสิบตำลึงเงินด้วยซ้ำ แม้หนานกงมั่วจะเข้ามาอยู่ในกองทัพ แต่ก็ไม่อาจนำเงินส่วนตัวของตนเข้ามาสนับสนุนในกองทัพได้ เรื่องส่วนตัวและส่วนรวมต้องแบ่งแยกให้ชัดเจนจึงจะดี
หนานกงมั่วครุ่นคิด เอ่ย “เช่นนี้ คงต้องรบกวนท่านหมอเวินขอบคุณท่านขุนพลแทนข้า นอกจากนี้ข้าเห็นว่าสำนักแพทย์ของเราไม่พร้อม ห้าสิบตำลึงก็แบ่งไปขยายสำนักแพทย์ดีหรือไม่”