ความจริงในกองทัพยาเหล่านี้ใช่ว่าจะหาไม่ได้ แปดส่วนเพราะทหารเหล่านั้นไม่ชอบบรรดาคุณชายทั้งหลายจึงไม่บอกพวกเขาเท่านั้น หนานกงมั่วเองก็ไม่อาจพูดมาก ยิ้มปล่อยให้ติงเสียวเถี่ยรับเงินเอาไว้ แม้เงินไม่กี่ตำลึงไม่นับว่ามากมาย ทว่าสามารถซื้อสมุนไพรได้ไม่น้อย การศึกษาสูตรยาเป็นการเผาผลาญเงิน สามารถใช้เงินคนอื่นได้แน่นอนว่าดีกว่าใช้เงินตนเอง
“เว่ยฮูหยินที่นี่ช่างครึกครื้นเสียจริง” หน้าประตูมีเสียงดังขึ้นมา หนานกงมั่วขมวดคิ้วขึ้นด้วยความเคยชิน การมีเพื่อนร่วมงานที่ดีนั่นเป็นเรื่องที่ดีทีเดียว ตอนนี้หนานกงมั่วได้ประสบพบเจอมาด้วยตนเอง แม้ว่าท่านหมอซือจะไม่มีผลกระทบอันใดต่อนางมาก แต่หากมีคนคอยเสียดสีตอแยอยู่ตลอดทั้งวันแน่นอนว่าคงไม่ชอบใจนัก และการเป็นคนมาใหม่ หนานกงมั่วเองก็ไม่อาจทำสิ่งใดต่อท่านหมอซือได้อย่างโจ้งแจ้งนัก
เงยหน้าขึ้นมา หนานกงมั่วยิ้มบาง เอ่ย “ท่านหมอซือ มีเรื่องอันใดหรือ”
ท่านหมอซือส่งเสียงหยันในลำคอ สะบัดแขนเสื้อที่ไม่มีแม้แต่ไรฝุ่น เลิกคิ้วเอ่ย “ไม่มีอันใด เพียงได้ยินเสียงครึกครื้นมาจากฝั่งเว่ยฮูหยินจึงมาดูว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือไม่ นี่…” ดวงตาของท่านหมอซือกวาดไปยังยาขวดเล็กที่เหล่าชายหนุ่มยังเก็บไปไม่หมด เอ่ยเสียงเข้ม “นี่คล้ายว่าจะไม่ใช่ยาของกองทัพ” เอ่ยพลางยื่นมือออกมาหยิบ
ทว่าตรงหน้านั้นเป็นใครกัน เดิมทีนั้นเดินกร่างอยู่ในเมืองโยวโจว ยามนี้ถูกเขาหยิบยาไปโดยไม่ถามอันใดสักคำเดียวอย่างไร้มารยาท พวกเขาจะยอมได้เยี่ยงไร ยื่นมือหนึ่งข้างออกไปตีมือของท่านหมอซือ เอ่ยขึ้นท่าทางไม่พอใจ “ทำอันใด ดูท่าทางมีการศึกษา ไม่ถามสักคำก็หยิบแย่งของคนอื่นไป ไม่รู้หรือ”
สีหน้าของท่านหมอซือไม่ดีขึ้นมา เอ่ยขึ้น “ข้าจะดูว่ามันคือยาอันใด”
“ยาอันใดแล้วท่านยุ่งอันใดด้วย นี่เป็นของของข้า”
ท่านหมอซือกวาดตามองหลายคนตรงหน้าไปหนึ่งรอบ ล้วนแต่งกายอยู่ในชุดของทหารธรรมดา แม้ดูไม่เหมือนกับนายทหารชั้นล่างคนอื่นๆ แต่ท่านหมอซือก็ไม่สนใจ ยิ้มเย็น เอ่ย “สมุนไพรและยาในกองทัพนั้นมีจำกัด ผู้ใดใช้เท่าใดนั้นมีกฎชัดเจน เป็นเพียงทหารเล็กๆ ไม่กี่คนก็กล้ามาขอยาเองที่สำนักแพทย์อย่างนั้นหรือ พวกเจ้าอยู่ในสนามรบแล้วหรือ บาดเจ็บแล้วหรือ เว่ยฮูหยิน คงไม่ใช่ว่าทหารเหล่านี้ถูกสามีเจ้าทรมานแล้วจึงได้รับสิทธิ์พิเศษหรอกนะ นี่จะให้คนอื่นมองสำนักแพทย์ของเราเยี่ยงไร”
ได้ยินวาจาของท่านหมอซือ บรรดาคุณชายจึงไม่พอใจ เซวียปินเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าที่ไม่ดีนัก “หมายความเยี่ยงไร แม้แต่ข้าจะซื้อยาใช้เองก็ทำมิได้เลยหรือ เจ้ามีสิทธิ์อันใดกัน”
ท่านหมอซือได้ยินเช่นนั้น กวาดสายตาน่ารังเกียจมองพวกเขา ที่แท้ก็เป็นคุณชายที่เข้ามาปะปนอยู่ในกองทัพ จึงหันเป้าหมายไปยังหนานกงมั่ว “เว่ยฮูหยินช่างกล้า กล้านักที่เอายาของกองทัพมาขาย ดูเหมือนจะไม่เห็นกองทัพอยู่ในสายตาเลย”
หนานกงมั่วเงยหน้าขึ้นมาอย่างเบื่อหน่าย เอ่ยเสียงเรียบ “ส่งยาให้ท่านหมอซือหนึ่งขวด ให้เขาดูว่าข้าใช้สิ่งใดของกองทัพหรือไม่ ถือโอกาสเอาสูตรยาให้ท่านหมอซือไปด้วย จะได้ไม่มาสงสัยว่าข้าทำของปลอม”
“ขอรับ ฮูหยิน” ติงเสียวเถี่ยจ้องท่านหมอซือเขม็ง ฮูหยินใช้สมุนไพรที่ซื้อมาเอง ออกไปเก็บสมุนไพรเพื่อศึกษาสูตรยาด้วยตนเอง เกี่ยวอันใดกับคนเหล่านี้ ยามฮูหยินปรุงยาก็ไม่เคยใช้สมุนไพรของกองทัพเลยสักตัว
ชายหนุ่มเหล่านั้นกวาดตามองท่านหมอซืออย่างไม่พอใจ ยัดขวดยาในมือใส่มือของท่านหมือซือแรงๆ พร้อมเอ่ย “อย่าทำเสียหายเล่า เงินสองตำลึงของข้า”
สีหน้าของท่านหมอซือเดี๋ยวเขียวเดี๋ยวม่วง ทหารทั่วไปในกองทัพล้วนแล้วแต่เคารพต่อหมอ ไหนเลยจะเคยได้รับการปฏิบัติเช่นนี้
ลังเลอยู่ชั่วครู่ ท่านหมอซือเปิดขวดยาออกสูดดมกลิ่น สีหน้าพลันเปลี่ยนไป แม้ว่าเขาจะเป็นคนใจแคบ แต่วิชาการแพทย์นั้นยังพอพึ่งได้ แน่นอนว่าสามารถแยกได้ว่าส่วนผสมของยาในขวดนั้นไม่มีสมุนไพรจากกองทัพ เห็นชัดว่าเป็นของที่หนานกงมั่วเตรียมเอาไว้เอง กองทัพมิได้สั่งห้ามหมอศึกษาสูตรยาด้วยตนเอง อย่างไรการแพทย์ก็ต้องมีการพัฒนาและก้าวหน้า เพียงแต่กฎระเบียบและการใช้ยานั้นเข้มงวด ไม่อนุญาตให้ใช้เครื่องมือส่วนรวมเป็นการส่วนตัว ตัวเขาเองก็นำสมุนไพรที่เหลือมาทำยาและลอบขายให้กับนายทหารชั้นล่างอยู่บ้าง อย่างไรการเตรียมยาในยามมีศึกสงครามมากสักหน่อยก็ถือเป็นว่าช่วยชีวิตได้เพิ่มอีกหนึ่งชีวิต นี่เป็นสิ่งที่รู้กันโดยไม่ต้องเอ่ยออกมา
เห็นใบหน้าที่นิ่งค้างของเขา คุณชายเหล่านั้นจึงส่งเสียงหยัน รีบแย่งยาของตนเองกลับคืนมา “ไม่มีปัญหาแล้วใช่หรือไม่”
ท่านหมอซือมองหมอประจำกองทัพที่เป็นลูกศิษย์ของตนไม่กี่คนยืนมองอยู่ไม่ไกลออกไป กัดฟันเอ่ย “นี่ไม่เหมาะสม พวกเจ้าต้องส่งยาพวกนี้ออกมา” หากปล่อยไปง่ายๆ เช่นนี้ เขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ใดเล่า คนที่สำนักแพทย์เหล่านี้ต่อไปจะมองเขาเช่นไร
เซวียปินหันหน้าไปกวาดตามองเขา เอ่ยอย่างเกียจคร้าน “ไม่เหมาะสมเยี่ยงไร กองทัพห้ามใช้เงินซื้อของตั้งแต่เมื่อใดกัน เพียงข้าใช้เงินตนเองซื้อ เว่ยฮูหยินขายยาที่เป็นของตนเอง เจ้ามายุ่งอันใดด้วย อย่าว่าแต่เว่ยฮูหยินขายยาที่เป็นของตนเองเลย ต่อให้พวกเราใช้เงินซื้อยาของสำนักแพทย์ก็ยังไม่เป็นปัญหาอันใดเลยมิใช่หรือ” เพียงแต่มีจำนวนจำกัดก็เท่านั้น อย่างไรกองทัพก็ต้องดูแลทหารเมื่อยามศึกสงครามเป็นอันดับแรก คิดว่าพวกเขาเป็นทหารใหม่ที่เพิ่งเข้ามาในกองทัพวันแรกอย่างนั้นหรือ ต่อให้ตนเองไม่มา คุณชายตระกูลพวกเขาที่ปะปนอยู่ในกองทัพก็มีไม่น้อย
ท่านหมอซือถูกสกัดจนใบหน้าทะมึน เอ่ยเสียงเข้ม “พวกเจ้าเป็นทหารใหม่จะไปรู้อันใด เข้าข้างเว่ยฮูหยินเช่นนี้ หรือว่าพวกเจ้ามีความสัมพันธ์ลับๆ อันใดหรือ”
ทันใดนั้นห้องทั้งห้องจึงระเบิดทันใด โดยเฉพาะเซวียปินที่เพียงอยากชวนนางดื่มชาจนต้องนอนอยู่แต่บ้านกว่าครึ่งเดือน หัวใจของคนแซ่เว่ยนั่นเล็กกว่าเข็มเสียอีก หากวาจานี้ไปถึงหูเขาได้หรือ
เสียงทุ้มต่ำด่าทอ เซวียปินยกเท้าเตะเก้าอี้ล้มไปทันใด ตุ้บ
“สั่งสอนมัน” ดวงตาเหล่าคุณชายพลันวาววับขึ้นมา บาดแผลบนตัวไม่เจ็บแล้ว รุมเข้าหาท่านหมอซือราวกับโกรธแค้นมาก เดิมท่านหมอซือที่ดูอ่อนแอพลันหายไปในกลุ่มคน ไม่นานก็มีเสียงก่นด่าดังขึ้น
“ใครใช้ให้เจ้าปากเสีย” มัดหนึ่งซัดเข้าที่ท้อง
“รนหาที่ตาย ไม่ดูว่าข้าเป็นใคร” เท้ากระทืบลงไป
“หน้าตาก็อัปลักษณ์ยังกล้าออกมาข่มขู่คนอื่นอีก” ฝ่ามือหนึ่งฟาดเข้าไปที่ใบหน้า
“ฮู…ฮูหยิน…” ติงเสียวเถี่ยนิ่งอึ้ง กะพริบตาปริบมองหนานกงมั่ว “นี่…ทำอย่างไรหรือขอรับ” เกิดท่านหมอซือเป็นอันใดไป ท่านขุนพลจะเอาเรื่องฮูหยินหรือไม่ หลายวันมานี้ติดตามหนานกงมั่ว ติงเสียวเถี่ยรู้ว่าฮูหยินเป็นสตรีอยู่ในกองทัพอย่างเท่าเทียมกับบุรุษนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
หนานกงมั่วนั่งดื่มชาด้วยท่าทีเรียบนิ่ง “ไม่เป็นไร ไม่ต้องกังวล พวกเขารู้หนักเบา” คนเหล่านี้มีเรื่องชกต่อยอยู่ในโยวโจวจนชินแล้ว พวกเขาต่อยตีมาหลายปีแล้วยังไม่เคยเกิดเรื่องอันใดเท่านั้นก็รู้แล้วว่าพวกเขาเพียงต่อยไปเท่านั้น รู้จักหนักเบา มองคนที่ถูกรุมอยู่ในกลุ่มคนได้ยินเพียงเสียงร้องโอดครวญทว่าไม่เห็นร่างคน มุมปากของคุณหนูใหญ่ตระกูลหนานกงกระตุกขึ้นเบาๆ