ในยามที่แม่ทัพอันหย่วนกำลังจะออกคำสั่งยิงธนูอีกครั้ง ทั้งสองก็หายออกไปจากสายตาแล้ว
“น่าชิงชังยิ่งนัก”
เว่ยจวินมั่วอยู่ในชุดเครื่องแบบกองทัพสีดำหาตัวยาก แต่หนานกงมั่วที่อยู่ในชุดสีฟ้าอ่อนนั้นมองหาได้ง่าย แม่ทัพอันหย่วนมองหนานกงมั่วที่ปะปนอยู่ในกลุ่มคนด้านล่างพร้อมกับยิ้มเย็น “อาณาจักรเซี่ยไม่มีคนแล้วหรือ ถึงได้ให้สตรีมาอยู่ในสนามรบ ฆ่านาง”
เอ่ยจบจึงควบม้าออกไปด้วยตนเอง หนานกงมั่วใช้กำลังภายในลอยตัวไปมาอยู่ในสนามรบที่วุ่นวาย พร้อมทั้งกำจัดทหารของเป่ยหยวนอยู่เป็นระยะ มองเห็นทหารเป่ยหยวนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาล้อมนางเอาไว้ตามคำสั่งของแม่ทัพอันหย่วน หนานกงมั่วแสยะยิ้มให้แม่ทัพอันหย่วนที่กำลังควบม้าเข้ามาใกล้ เท้าเหยียบลงบนหอกยาวของทหารที่พุ่งเข้ามาใกล้ ถีบตัวลอยขึ้นไป แม่ทัพอันหย่วนตื่นตระหนก เห็นเพียงเงาสีดำตรงหน้า เว่ยจวินมั่วที่ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ไปอยู่ที่ใดมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าตนเอง หนานกงมั่วพลันเบี่ยงตัวเข้าหารองแม่ทัพที่กำลังพุ่งเข้ามา
ราวกับมีความเงียบเข้าปกคลุมสนามรบอยู่ชั่วขณะ แต่เมื่อฟังให้ดีกลับพบว่าเสียงการต่อสู้ปะทะกันยังคงกึกก้อง ในเวลาเดียวกันนั้นคนที่ยืนอยู่บนหอประตูสูงมองเห็นดาบยาวของเว่ยจวินมั่วฟันเข้าที่ลำคอของแม่ทัพอันหย่วน และรองแม่ทัพพลันร่วงลงจากหลังม้าเมื่อหนานกงมั่วลอยสวนไป
“แม่ทัพตายแล้ว” ไม่รู้เสียงใครดังขึ้น นายทหารของเป่ยหยวนโกลาหลขึ้นมา เสียงโห่ร้องดังขึ้น ทหารเป่ยหยวนรีบถอยทัพกลับไปรวดเร็วราวกับสายน้ำ เหลือไว้เพียงศพที่กองอยู่เกลื่อนพื้นและทหารอารักขาของอาณาจักรเซี่ยที่กำลังตกตะลึง
หนานกงมั่วลอยลงบนพื้น หันกลับไปมองร่างที่ร่วงลงมาจากหลังม้าพร้อมกับเลิกคิ้ว รอยเลือดเป็นเส้นบนลำคอนั้นกำลังแยกออก หันกลับไปมองไม่ไกลออกไปนัก เว่ยจวินมั่วกำลังเดินเข้ามาหาตนพร้อมกับกระบี่ยาวในมือของเขา หยดเลือดไหลเป็นทางยาวตามแนวกระบี่และหยดลงบนพื้น
“พวกเราชนะแล้ว” ในสนามรบ เสียงกู่ร้องด้วยความดีใจดังขึ้นทันที
“อู๋สยา เจ้าบาดเจ็บหรือไม่” เว่ยจวินมั่วจับมือหนานกงมั่วขึ้นมา เอ่ยถามเสียงเบา
หนานกงมั่วยิ้มบาง เอ่ย “ไม่เป็นไร ไม่คิดว่าจะง่ายเพียงนี้”
“ไม่ทันตั้งตัวเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น…เพียงแม่ทัพอันหย่วนเอง” เว่ยจวินมั่วไม่ใส่ใจ แม่ทัพอันหย่วนเป็นเพียงแม่ทัพขั้นสามของกองทัพเป่ยหยวน ไม่นับว่าสำคัญอันใด แต่ตอนนี้สำหรับเว่ยจวินมั่วที่เป็นเพียงผู้บังคับการกองร้อยนับว่าเป็นความดีความชอบอันยิ่งใหญ่
“พวกเราชนะแล้ว” ในยามที่ทุกคนพากันโห่ร้องดีใจ เหล่าทหารภายใต้การบังคับการของเว่ยจวินมั่วเดินเข้ามาหา มองร่างที่นอนแน่นนิ่งอยู่บนพื้นทั้งสองร่าง เผิงซิ่นเอ่ยด้วยความอิจฉา “ดูเหมือนผู้บังคับการกองร้อยจะได้เลื่อนขั้นเป็นผู้บังคับการกองพันเสียแล้วกระมัง”
คนสู้คนต้องตาย ของสู้ของต้องทิ้งจริงๆ เลย คนผู้นี้พึ่งมาไม่นาน แต่ว่าความดีความชอบ…ต่อให้ให้เวลาพวกเขากว่าสิบปีก็ไม่แน่ว่าจะทำความดีความชอบยิ่งใหญ่ได้เพียงนี้
หนานกงมั่วยิ้มบาง เลิกคิ้วเอ่ย “หัวหน้ากองธงเผิง ท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่”
“เอ๋” เผิงซิ่นสีหน้างุนงง หนานกงมั่วชี้ไปที่ด้านหลังของเขา “แผลของท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่ อยู่ในสนามรบต้องระวังสักหน่อย”
เผิงซิ่นนึกขึ้นมาได้ ผู้นี้…คล้ายกับเพิ่งช่วยชีวิตของตนเองไป แม้การถูกสตรีช่วยชีวิตเอ่ยออกไปแล้วอาจไม่น่าฟัง ทว่าอย่างไรเผิงซิ่นก็เป็นลูกผู้ชายใจคอกว้างขวางตรงไปตรงมา จำต้องก้าวขึ้นไปและเอ่ยขอบคุณหนานกงมั่ว หนานกงมั่วเองไม่ใส่ใจ โยนยาขวดเล็กๆ ให้เขา “นี่เป็นยาทาแผล ดูว่าใครใช้ได้ก็ใช้เถิด พวกท่านไม่เป็นไรแล้วก็ไปช่วยพี่น้องที่บาดเจ็บเหล่านั้น”
เผิงซิ่นมองเว่ยจวินมั่วด้วยท่าทีลังเล เว่ยจวินมั่วมองเขาด้วยท่าทีเฉยเมย “ยังไม่ไปอีกหรือ”
“ขอรับ ข้าน้อยขอตัวก่อนขอรับ” เผิงซิ่นกัดฟัน สะบัดแขนเสื้อแล้วพาคนเดินออกไปทันที นับว่าเขาเข้าใจแล้ว สองคนนี้เขาไม่อาจล่วงเกินใครได้เลย
สนามรบนองไปด้วยเลือด บรรดาทหารเริ่มทำความสะอาดสนามรบ ร่างของทหารที่ตายไปแล้วก็หามกลับ หรือบาดเจ็บก็หามกลับไปรักษา อีกทั้งยังมีชาวเป่ยหยวนที่บาดเจ็บไม่ทันเอากลับไปด้วย นอกจากคนที่จิตใจแข็งแกร่งยอมฆ่าตัวตายแล้วคนพวกนี้ก็ต้องช่วย เพียงแต่เอาไว้ทีหลังทหารอาณาจักรเซี่ยที่บาดเจ็บ คนที่ถูกจับเป็นเชลยในสนามรบนอกจากมีคำสั่งจากเบื้องบน โดยทั่วไปแล้วไม่สังหาร รอต่อไปสามารถนำมาแลกเปลี่ยนกับเชลยศึกหรือแลกของแลกเงิน หรือไม่ก็สามารถเอามาเป็นทาสได้
หนานกงมั่วมองทหารบาดเจ็บที่ถูกหามออกไป หันกลับมามองเว่ยจวินมั่ว เอ่ย “ข้าจะไปช่วย”
เว่ยจวินมั่วจับนางเอาไว้ “ข้าจะไปกับเจ้า”
“เอ๋” หนานกงมั่วเลิกคิ้ว เว่ยจวินมั่วเอ่ยเสียงเรียบ “ตอนนี้ข้าไม่มีอันใดต้องทำแล้ว” เขาเป็นเพียงผู้บังคับการกองร้อยเท่านั้น ต่อให้ต้องหารือเรื่องสถานการณ์ทางทหารหรือมีเรื่องอื่นใดต้องหารือก็ไม่จำเป็นให้เขาต้องไปยุ่ง หนานกงมั่วเข้าใจทันใด ยิ้มหวานเอ่ย “เช่นนั้นพวกเราไปด้วยกันเถิด”
ผู้ใต้บังคับบัญชาของเว่ยจวินมั่ว เพราะคุณชายเว่ยฝึกซ้อมเข้มงวดจึงไม่มีใครตายในสนามรบ มีเพียงหนึ่งคนที่บาดเจ็บเล็กน้อย หนึ่งคนบาดเจ็บหนักขึ้นมาสักหน่อย ทว่ายังนับว่าดีอยู่ ทั้งสองถูกจัดการดูแลเรียบร้อยแล้ว ช่วงระยะเวลาที่ติงเสียวเถี่ยติดตามหนานกงมั่ว แม้ยังไม่ได้เรียนวิชาการแพทย์อันใดนัก เพียงแต่อย่างน้อยยาห้ามเลือดเขาก็รู้จัก อีกทั้งพันแผลอย่างไรก็รู้อยู่บ้าง บาดแผลของคนเหล่านี้ถูกจัดการได้ไม่เลวเลย มองเห็นทั้งสองคนเดินเข้ามา ติงเสียวเถี่ยดวงตาพราวระยับวิ่งเข้าไปหา “ฮูหยิน ข้าสังหารชาวเป่ยหยวนไปหนึ่งคนด้วยขอรับ”
หนานกงมั่วยื่นมือไปเขกหน้าผากเขาเบาๆ เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “โอ้ ลงสนามรบครั้งแรกก็สังหารศัตรูได้แล้วหรือ ไม่เลวเลยนี่”
ได้รับคำกล่าวชมจากฮูหยิน ติงเสียวเถี่ยยิ้มจนตาหยี ทว่ากลับไม่มีความหวาดกลัวของการลงสนามรบครั้งแรกด้วยซ้ำ หนานกงมั่วลอบยิ้มอยู่ในใจ เจ้าเด็กผู้นี้อายุยังน้อย ฉลาดหลักแหลม ไม่ชอบคิดมากทว่าไม่ต้องกังวลว่าจะแก้ปัญหาไม่ได้
“เว่ยฮูหยิน…” น้ำเสียงร้อนใจดังขึ้น ทุกคนหันกลับไปมองเห็นบุรุษคุ้นตาวิ่งตรงเข้ามาหาหนานกงมั่ว เว่ยจวินมั่วเลิกคิ้ว ก้าวเดินขึ้นไปด้านหน้าหนึ่งก้าวบังอยู่ตรงหน้าหนานกงมั่ว “ผู้บังคับการกองร้อยเหยียน” ผู้นี้คือผู้บังคับการกองร้อยเหยียนที่หนานกงมั่วเคยเจอเมื่อครั้งที่แล้ว เขตกองกำลังของเขาอยู่ข้างๆ เขตกองกำลังของพวกเขา มักจะเจอกันอยู่บ่อยครั้ง เพียงแต่ยามนี้เลือดเปรอะเปื้อนและท่าทางตะลีตะลานของเขาทำให้จำแทบไม่ได้
“เว่ยฮูหยิน ได้ยินมาว่า…ได้ยินมาว่าเจ้ารู้วิชาการแพทย์อย่างนั้นหรือ” ผู้บังคับการกองร้อยเหยียนเอ่ยถามอย่างร้อนรน
หนานกงมั่วพยักหน้าเบาๆ “พอรู้อยู่บ้าง มีใครบาดเจ็บหรือ”
ผู้บังคับการกองร้อยเหยียนพยักหน้า เอ่ย “กองธงเล็กนายหนึ่งของข้าถูกธนูยิง ท่านหมอบอกว่าบาดเจ็บในจุดสำคัญเกรงว่า… ฮูหยินได้โปรดช่วยไปดูสักนิดเถิด”
“ผู้บังคับการกองร้อยเหยียนเชิญนำทางเถิด” หนานกงมั่วเอ่ย
“ขอบคุณฮูหยินมาก” ผู้บังคับการกองร้อยเหยียนเอ่ยขอบคุณ เดิมทีหมอในกองทัพก็มีไม่มาก ทหารชั้นผู้น้อยอย่างพวกเขาหากได้รับบาดเจ็บหนัก หมอเพียงตรวจดูเล็กน้อยแล้วเอ่ยหนึ่งประโยคว่ารักษาไม่ได้เพียงเท่านั้น ไม่มีใครคิดหาวิธีช่วยอย่างช่วยเหลือให้ถึงที่สุด ผู้บังคับการกองร้อยเหยียนก็จนหนทาง นึกขึ้นมาได้ว่าเว่ยฮูหยินรู้วิชาการแพทย์ จึงจำต้องลองให้ถึงที่สุดแล้ว
คนที่ผู้บังคับการกองร้อยเอ่ยถึงนั้นดูเหมือนพึ่งจะยี่สิบต้นๆ ใบหน้าอ่อนวัยเต็มไปด้วยเลือดแทบสลบไสล ลูกธนูปักเข้ายังหน้าอกทะลุไปด้านหลัง เช่นนี้แล้วยังสามารถยืนหยัดมาถึงตอนนี้ได้นับว่าคนผู้นี้นั้นมีจิตใจที่แข็งแกร่งแล้ว