หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1 – ตอนที่ 611 การพระราชทานสมรสอย่างไม่คาดคิด (2)

ตอนที่ 611 การพระราชทานสมรสอย่างไม่คาดคิด (2)

“ฮือๆ…เว่ยฮูหยิน ท่านให้ผู้บังคับการกองพันเว่ยไปคิดบัญชีกับท่านพ่อของข้าเองได้หรือไม่” เซวียปินที่ออกมาจากสนามรบวิ่งล้มลุกคลุกคลานอย่างน่าสงสารมาอยู่ตรงหน้าหนานกงมั่ว หนานกงมั่วพินิจมองใบหน้าหล่อเหลาที่พยายามบีบน้ำตาแต่ก็ไม่มีน้ำตา เลิกคิ้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อันใดกันอีกเล่า”

เซวียปินใบหน้าขมขื่น เอ่ยถามเสียงเล็กเสียงน้อยว่า “วรยุทธ์ของผู้บังคับการกองพันเว่ยมีเท่าใดกันแน่” เซวียปินคิดว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเขามีพัฒนาการอย่างเห็นได้ชัด เชื่อว่าหลังจากนี้มีประสบการณ์การรบอีกสักปีสองปี แม้แต่บิดาของเขาก็มิใช่คู่ต่อสู้ของเขาอย่างแน่นอน แต่ว่า ทำไมกันเล่า…พวกเขาตั้งหลายคนล้อมใครบางคนเพียงคนเดียวแต่ก็ยังพ่ายแพ้ให้กับเขา

หนานกงมั่วครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ลังเลว่าควรทำลายความเชื่อมั่นของเขาหรือไม่

“ท่านเอ่ยมาตามตรงเถิด ข้าต้องใช้เวลาอีกกี่ปีจึงจะสามารถตามเขาให้ทันได้” เซวียปินแสดงท่าทีออกมาอย่างแน่วแน่ว่าตนเองยินยอมที่จะเผชิญหน้ากับการโจมตี หนานกงมั่วมองเขาด้วยความสงสาร เอ่ย “ก็คง…”

“เดือนหน้าหรือ” ดวงตาเซวียปิงวาววับ

เฉินซิวที่เดินมาด้านหลังอดไม่ได้หัวเราะเสียงดังออกมา แม้แต่จูเหมิงเองยังยกมือขึ้นมาปิดหน้าอย่างห้ามไม่ได้ เซวียปินโดนผู้บังคับการกองพันเว่ยตีสมองแล้วหรือ

“ชาติหน้า” หนานกงมั่วเอ่ยตอบ

เซวียปินเบิกตากว้าง “เป็นไปไม่ได้ อาจารย์ที่สอนวรยุทธ์แก่ข้าในครั้งนั้นยังเคยกล่าวว่ามีสิทธิ์จะกลายเป็นปรมาจารย์ด้านการต่อสู้ เป็นผู้มีวรยุทธ์ล้ำเลิศ”

หนานกงมั่วถอนหายใจ มองเขาด้วยความสงสาร “จอมยุทธ์จอมหลอกลวงในยุทธภพล้วนกล่าวเช่นนี้กันทั้งนั้น” แม้ว่ากระดูกของคุณชายเซวียนับว่าธรรมดา โดยพื้นฐานแม้จะไม่เก่งกาจ แต่หากตั้งใจฝึกฝน เดิมทีความกล้าก็มีมากเพียงพอที่จะนำไปใช้ในสนามรบได้ แต่เขาไม่ยอม อยากไล่ตามให้ถึงระดับวรยุทธ์สูงส่ง หากเว่ยจวินมั่วเป็นปรมาจารย์จอมยุทธ์ที่ใครๆ ต่างก็ขอเคล็ดวิชา เช่นนั้นเซวียปินก็คงเป็นเหมือนคนที่มาคารวะอาจารย์เข้าสำนักแต่แทบทนไม่ไหวอยากถีบเขากระเด็นออกไป

เซวียปินผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง “เอ่ยเช่นนี้…ก็หมายความว่าข้าไม่มีความหวังที่จะเอาชนะเขาได้เลยอย่างนั้นหรือ”

เฉินซิวและจูเหมิงเงยหน้ามองท้องฟ้าโดยพร้อมเพรียง เจ้ายังฝันกลางวันอยู่หรือ

“เช่นนั้นข้าก็ไม่ต้องโดนเขาเหยียบย่ำตลอดไปหรอกหรือ เป็นตาเฒ่าบ้านข้าต่างหากที่ไปทำให้เขาขุ่นเคือง ไม่ใช่ข้าสักหน่อย” เซวียปินโวยวาย เฉินซิวลูบปลายคาง กลั้นรอยยิ้ม เอ่ย “ความจริง…เป็นเจ้าต่างหากที่เข้าไปแหย่ผู้บังคับการกองพันเว่ยมิใช่หรือ” บิดาของเขาก็ทำให้เว่ยจวินมั่วขุ่นเคืองเช่นกัน แต่เฉินอวี้คิดว่าตนเองยังพออยู่ได้

เซวียปินหัวเราะ เนิ่นนานจึงบ่นพึมพำ เอ่ย “ใครใช้ให้เขายื่นข้อเสนอนั้นเล่า…เห็นชัดว่ายุให้คนผิดพลาด”

ขอเพียงสามารถรับกระบวนท่าของผู้บัญชาการเว่ยได้เพียงหนึ่งกระบวนท่า อยากดื่มกินอาหารเลิศรสก็เชิญเลย มอบอาวุธดีๆ และคนฝีมือดีให้ วันหยุดเพิ่มสามเท่า… ดังนั้น ทุกๆ วันต่างก็มีคนต่อแถวต่อสู้เป็นกลุ่ม ลอบทำร้าย ซุ่มโจมตี มีทุกรูปแบบ น่าเสียดายที่ผู้ใต้บังคับบัญชาของผู้บังคับการกองพันเว่ยมีเพียงหนึ่งพันคน โดยทั่วไปล้วนจัดการได้ในกระบวนท่าเดียว บางครั้งยังจัดการหลายคนได้ในกระบวนท่าเดียว สองสามครั้งแล้วคนก็เริ่มน้อยลง จนถึงตอนนี้คนที่ยังสู้ไม่ยอมถอยก็คงเหลือเพียงเซวียปินและเผิงซิ่นที่มีผู้ใต้บัญชาการกว่าร้อยคน ไม่รู้ว่าเป็นความรู้สึกของเซวียปินหรือไม่ ทุกครั้งที่เขาโดนล้วนแล้วแต่หนักๆ ทั้งนั้น

หนานกงมั่วถอนหายใจ มองเซวียปิงด้วยความสงสาร ต่อให้เซวียปินยอมแพ้ เว่ยจวินมั่วก็คงคิดวิธีอื่นเพื่อจะทรมานเขา เด็กน่าสงสารผู้นี้มิได้มีสายตาซ่อนเร้นเหมือนเฉินซิว ถูกเว่ยจวินมั่วจัดการครั้งสองครั้งก็ไม่มีอันใดอีกแล้ว

“ข้าคิดว่า…นี่ไม่น่าจะใช่ปัญหาของท่านขุนพลเซวีย” หนานกงมั่วเอ่ย

เซวียปินกะพริบตาปริบอย่างน่าสงสาร “ข้าควรทำเช่นไรดี” เขาคิดว่าผู้บังคับการเว่ยคงนำเอาการจัดการกับเขามาเป็นกิจวัตรประจำวันไปเสียแล้ว วันไหนไม่ได้ตีเขาร่างกายคงรู้สึกไม่สบาย

“อยู่ห่างจากเขาหน่อยเป็นเยี่ยงไร” หนานกงมั่วเอ่ยขึ้นอย่างลังเล

เซวียปินเกิดความสงสัย “ได้หรือ”

“คงจะได้”

“ฮูหยิน ท่านคงไม่เป่าหูเขาอันใดหรอกใช่หรือไม่ กรรมเกิดจากเหตุ มีเหตุแล้วย่อมมีผลตามมา” ข้าเพียงอยากเป็นนายทหารเล็กๆ ทั่วไปไยจึงอยากเพียงนี้

หนานกงมั่วลำบากใจ “เจ้าช่างกตัญญู” การยืมมือบุคคลที่สามนี้ เมื่อครั้งแม่ทัพเซวียให้กำเนิดบุตรชายคงลืมดูฤกษ์ยามเป็นแน่

“อู๋สยา” คนที่พวกเขากำลังเอ่ยถึงเดินถือกระบี่เข้ามา ภายใต้อาภรณ์สีครามท่ามกลางแสงแดดที่สาดส่องทำให้เขาดูทรงอำนาจ ใบหน้าหล่อเหลายังคงเย็นชาเงียบขรึม ทำให้คนไม่กล้าสบตา ที่สำคัญก็คือ…ชายผู้นี้พึ่งออกมาจากลานประลอง…ทั้งที่ออกมาจากลานประลอง…พอหันไปมองเซวียปินที่เต็มไปด้วยเศษฝุ่นและเหงื่อไคล จากนั้นหันมามองเว่ยจวินมั่วที่สะอาดสะอ้านราวกับไม่ได้เคลื่อนไหว แม้แต่เหงื่อหยดเดียวก็ไม่มี นี่มันเดือนหกนะ…

“ผู้บังคับการกองพัน” เฉินซิวทำความเคารพอย่างระแวดระวัง

“ผู้บังคับการกองพัน” จูเหมิงเอ่ยติดขัด แต่ยังมีมารยาทอยู่

เว่ยจวินมั่วพยักหน้ารับเบาๆ จากนั้นหันไปมองเซวียปินที่นั่งอยู่บนพื้น เซวียปินดีดตัวลุกขึ้นมาจากบนพื้นอย่างรวดเร็ว “ผู้…ผู้บังคับการกองพันเว่ย”

เว่ยจวินมั่วพยักหน้า ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ “ดูเหมือน เจ้ายังไม่ได้ออกแรงเต็มที่”

เซวียปินรู้สึกปวดไปทั่วทั้งตัวขึ้นมาทันใด “ข้า…ข้าเหนื่อย…ข้าอยากกลับไปพักผ่อน…” มองเห็นใครบางคนหนีไปไม่เห็นแม้แต่ฝุ่น เฉินซิวถอนหายใจออกมา เจ้าเด็กคนนี้เป็นลูกของขุนพลเซวียจริง ๆหรือ

“ผู้บังคับการกองพัน ฮูหยิน ข้าน้อยต้องขอตัวก่อน”

มองตามร่างทั้งสาม หนานกงมั่วอดไม่ได้ยกมือขึ้นปิดปากหัวเราะ เว่ยจวินมั่วจับมือนางขึ้นมากุมเอาไว้ พาเดินกลับไป พลางเอ่ย “อู๋สยาหัวเราะอันใด”

หนานกงมั่วเอ่ย “เซวียปินมีพัฒนาการรวดเร็ว ดูเหมือนการฝึกของท่านจะได้ผล” ทำสงครามหรือ หัวใจสำคัญก็คือการต่อสู้ สามารถสังหารศัตรูและเอาชีวิตรอดกลับมาจากสนามรบนั่นนับว่าชนะแล้ว ดังนั้นหัวใจสำคัญในการฝึกของคุณชายเว่ยก็คือการฝึกฝนอย่างหนัก ถูกต่อยถูกตีบ่อยเข้าก็จะรู้หลักหลบหลีกด้วยตนเอง ต่อสู้กันมากๆ จะได้รู้ว่าต้องจัดการกับศัตรูด้วยวิธีใดจึงจะเป็นผล

เว่ยจวินมั่วเอ่ยเสียงเรียบ “หากเซวียปินฝึกฝนดีๆ อนาคตสามารถเป็นขุนพลที่เก่งกาจในสนามรบได้ จูเหมิงดูจะไม่สะดุดตา นิสัยหยาบกระด้างสักนิด ความจริงภายใต้ความหยาบกระด้างกลับมีความละเอียดอ่อน”

“เฉินซิวเล่า” หนานกงมั่วเอ่ยถามอย่างแปลกใจ เฉินซิวเป็นคนที่ฉลาดที่สุดในสามคนนี้ แต่ว่าความสนใจของเว่ยจวินมั่วต่อเขานั้นดูเหมือนจะไม่เท่าอีกสองคน

เว่ยจวินมั่วเอ่ย “เฉินซิวเป็นคนฉลาด เขารู้ว่าตนเองต้องเดินไปในเส้นทางใด ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาเอ่ยอันใดมาก ขุนพลเฉินเพียงส่งเขามาเข้าร่วมการฝึก เรียนรู้การป้องกันตัวในสนามรบเท่านั้น” อีกทั้งโอกาสการสร้างผลงานของเว่ยจวินมั่วนั้นมีมากกว่าขุนพลคนอื่นๆ แม้ฐานะอย่างเฉินอวี้ อยากดึงบุตรชายขึ้นมาก็คงไม่มีใครว่าอันใด เพียงแต่จะถูกมองว่าไม่เหมาะสม

“นอกจากนี้…” เว่ยจวินมั่วขมวดคิ้ว เอ่ย “เฉินซิวใจเย็นเกินไป มีความเข้มแข็งและกล้าหาญน้อยกว่าที่ขุนพลควรจะมี คงเป็นเพราะเหตุผลนี้ขุนพลเฉินจึงให้เขาอยู่ด้วยกันกับเซวียปินและจูเหมิง”

การเป็นนายทหารชั้นสูง ใจเย็นนั่นเป็นเรื่องที่ดี แต่บางครั้งใจเย็นเกินไปก็มิใช่เรื่องดี

หนานกงมั่วพยักหน้า มองเว่ยจวินมั่วด้วยสายตาชื่นชม

“คุณชายเว่ย เว่ยฮูหยินช้าก่อน” ด้านหลังมีเสียงร้อนรนดังขึ้น

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

Status: Ongoing

นิยายรักย้อนยุค ว่าด้วยการแก้แค้นของหมอหญิงมือสังหาร และแต่งงานกับบุรุษสุดประหลาด!

เมื่อมารดาสิ้นใจและตนถูกไล่ให้มาอยู่หมู่บ้านบรรพบุรุษ เพราะความลำบากและคับแค้นใจจึงทำให้ หนานกงชิง คุณหนูคนโตแห่งตระกูลหนานกงจากโลกนี้ไป

ร่างของนางกลับถูกแทนที่ด้วยวิญญาณของ หนานกงมั่ว นักฆ่าสาวมือฉกาจแห่งเอเชีย เมื่อได้รับชีวิตใหม่หนานกงมั่วก็ได้กราบอาจารย์ เรียนวิชาแพทย์ ใช้ชีวิตอิสระเสรีตามที่ตนหวัง พร้อมรับใบสั่งสังหารคนบ้างเป็นครั้งคราว… จนเมื่อราชโองการพระราชทานสมรสมาถึงชีวิตของนางก็ถึงคราวพลิกผัน!

เล่าลือกันว่าจวิ้นอ๋องว่าที่สามีของนาง เว่ยจวินมั่ว แม้จะมียศสูงศักดิ์แต่เพราะดวงตาแปลกประหลาดสีม่วงและการคลอดก่อนกำหนดทำให้ชาติกำเนิดของเขาตกเป็นขี้ปากคนไปทั่ว อาจเพราะแบบนี้การสมรสนี้จึงตกมาถึงตัวนาง แม้คนทั่วไปไม่ยินดีแต่นางดูๆ แล้วกลับคิดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท