ทั้งสองหันกลับไป เห็นชายผู้หนึ่งพกดาบวิ่งเข้ามาหาอย่างรีบร้อน เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนในกองทัพ
“มีเรื่องอันใด”
ผู้มาใหม่ยกแสดงป้ายถ่ายทอดคำสั่งในมือ เอ่ยเสียงเข้ม “ท่านอ๋องมีรับสั่ง เชิญคุณชายและฮูหยินกลับโยวโจวทันทีขอรับ”
ทั้งสองมองสบตากัน ดวงตาฉายแววงุนงง เว่ยจวินมั่วเอ่ยเสียงเรียบ “ทราบแล้ว”
เยี่ยนอ๋องส่งคนมาตาม แน่นอนว่าต้องมีเรื่องด่วน ทั้งสองฝากฝังงานของตนเองให้ผู้ใต้บังคับบัญชาและผู้ที่ทำงานร่วมกันแล้ว ไปรายงานต่อผู้บังคับการรักษาดินแดนและเดินทางกลับโยวโจวทันที ผู้บังคับการรักษาดินแดนรู้ว่าตัวตนของทั้งสองนั้นไม่ธรรมดา อีกทั้งเยี่ยนอ๋องยังมีป้ายถ่ายทอดคำสั่งมา ไหนเลยจะกล้าเอ่ยโต้แย้งอันใด รีบพยักหน้าตอบรับและปล่อยทั้งสองออกเดินทาง
จากค่ายมาถึงเมืองโยวโจว ควบม้าเร็วใช้เวลาเจ็ดแปดชั่วโมงก็มาถึง ทั้งสองออกเดินทางยามเช้า กว่าจะมาถึงโยวโจวก็มืดแล้ว โชคดีที่มีป้ายถ่ายทอดคำสั่งของเยี่ยนอ๋องมาด้วยจึงสามารถเข้าเมืองมาได้ ยังไม่ทันได้ไปถวายพระพรต่อองค์หญิงฉังผิง ก็ถูกเยี่ยนอ๋องเรียกเข้าพบที่จวนเยี่ยนอ๋องทันที
เพราะไม่รู้ว่าเกิดเรื่องใดขึ้น ทั้งสองจึงรีบกลับมาโดยมิได้พักเหนื่อย กลับมาถึงจวนเยี่ยนอ๋องก็พบว่าไม่ว่าจะเป็นในเมืองหรือในจวนต่างก็เงียบเชียบ ความแปลกใจยิ่งเพิ่มมากขึ้นในใจ
ดึกมากแล้ว เยี่ยนอ๋องยังคงไม่นอน เห็นได้ชัดว่ารู้ว่าทั้งสองจะรีบมาถึงในวันนี้
“เสด็จลุง”
เยี่ยนอ๋องพยักหน้า ส่งสัญญาณให้ทั้งสองนั่งลงพูดคุยกัน
เว่ยจวินมั่วเองไม่อ้อมค้อม เอ่ยถามทันที “เสด็จลุง เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือพ่ะย่ะค่ะ”
สีหน้าของเยี่ยนอ๋องตึงเครียด หนานกงมั่วเอ่ย “เรื่องที่จินหลิงหรือเพคะ”
เยี่ยนอ๋องถอนหายใจออกมา เอ่ย “ฝ่าบาทพระราชทานสมรสแก่เชียนเหว่ยและเชียนจย่งแล้ว”
หัวใจหนานกงมั่วเองพลันหนักอึ้งขึ้นมา เซียวเชียนเยี่ยจะใจดีพระราชทานสมรสให้เชียนเหว่ยและเชียนจย่งเลยหรือ เพียงคิดก็รู้ว่าไม่มีทาง เกรงว่าอีกฝ่ายคงไม่ได้มาดีแน่ ตลอดหลายวันมานี้แม้พวกเขาจะอยู่ในกองทัพ แต่ข่าวที่ควรรับรู้ก็ยังไม่พลาด เซียวเชียนเยี่ยอยู่จินหลิงมีขุนนางเฒ่าคอยช่วยเหลือ อีกทั้งยังมีการประนีประนอมกับตระกูลผู้มีอำนาจทั้งหลาย ดูเหมือนบัลลังก์จะมั่นคงแล้ว เพียงนึกถึงเว่ยจวินมั่วและหนานกงมั่วที่หนีออกมาจากมือของเขาได้ คงเป็นเหมือนก้างปลาติดคอ
“ไม่ใช่ว่าเสด็จป้า…”
เยี่ยนอ๋องส่งเสียงหยันในลำคอ เห็นชัดว่าไม่พอใจต่อเรื่องนี้เช่นกัน เอ่ยเสียงแข็ง “เฉินซื่อผู้นั้นก็ไม่รู้ไปกินยาอันใดผิดมา…ก่อนหน้านี้ทำเรื่องการเลือกภรรยาให้เชียนเหว่ยเสียปั่นป่วน พวกเราจึงต้องพักเรื่องนี้เอาไว้ก่อน ผ่านช่วงนี้ไปค่อยว่ากันทีหลัง ใครจะรู้ว่า…” ใครจะรู้ว่าเวลาผ่านไปยังไม่ถึงสองเดือน สมรสพระราชทานจากเซียวเชียนเยี่ยก็มาแล้ว แม้แต่หนานกงมั่วเองยังอดคิดไม่ได้ว่าเฉินซื่อจะเป็นสายลับที่เซียวเชียนเยี่ยส่งมาป่วนจวนเยี่ยนอ๋องหรือไม่
“ปฏิเสธได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” เว่ยจวินมั่วเอ่ยถาม
สีหน้าเยี่ยนอ๋องไม่น่ามองขึ้นมา “คนและสินเจ้าสาวนำราชโองการมาถึงโยวโจวแล้ว เจ้าจะปฏิเสธได้เยี่ยงไร หากเกิดอันใดขึ้นกับสตรีที่พระราชทานมาให้…ไม่รู้ว่าผู้ชายในจินหลิงพวกนั้นจะมาไม้ไหนอีก” หากเกิดเรื่องกับคนใดคนหนึ่งยังพอเรียกว่าอุบัติเหตุได้ ทว่าหากเกิดเรื่องกับทั้งสองคน ต่อให้บอกว่าเป็นอุบัติเหตุเกรงว่าคงไม่มีใครเชื่อ
หนานกงมั่วมองสบตากับเว่ยจวินมั่ว หนานกงมั่วถอนหายใจออกมา เอ่ย “เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว แต่งสตรีสองคนเข้ามา เสด็จลุงคงไม่กลัวจะเอาพวกเขาไม่อยู่”
เยี่ยนอ๋องมองสำรวจหนานกงมั่ว รอยยิ้มที่แฝงไปด้วยบางอย่างปรากฏขึ้นมา เอ่ย “เจ้ารู้หรือไม่ เซียวเชียนเยี่ยส่งผู้ใดมาให้เชียนเหว่ย”
หนานกงมั่วเลิกคิ้ว คนที่นางรู้จักที่จินหลิงก็มีไม่กี่คน หรือว่ายังเป็นคนคุ้นเคยอีกหรือ
เยี่ยนอ๋องเอ่ยเสียงเข้ม “พระราชทานแก่เชียนเหว่ยนั่นคือซั่นจยาจวิ้นจู่ จูชูอวี้ พระราชทานแก่เซียวเชียนจย่งคือหลานสาวหัวหน้าสำนักหอดูดาวหลวง ซุนเหยียนเอ๋อร์”
เอาล่ะ เป็นคนคุ้นเคยจริงๆ ด้วย เพียงแต่…จูชูอวี้อย่างนั้นหรือ หนานกงมั่วมีลางสังหรณ์ไม่ดีนัก “หม่อมฉันจำได้ว่า…ซั่นจยาเซี่ยนจู่คล้ายกับว่าจะเสียโฉมแล้ว” ไม่ใช่ว่านางดูถูกสตรีที่เสียโฉม แต่เซียวเชียนเยี่ยที่เป็นฮ่องแต่ส่งสตรีเช่นนี้มาให้เชื้อสายหลักของเสด็จอาของตนเอง ก่อนหน้านี้ไม่แม้แต่เอ่ยถามสักคำ เห็นชัดว่ากำลังดูถูกเยี่ยนอ๋อง มิน่าเยี่ยนอ๋องจึงได้โกรธเพียงนี้
เยี่ยนอ๋องส่งเสียงหยัน เอ่ย “ดังนั้น เขาจึงได้ส่งเชื้อสายรองจวนเอ้อกั๋วกงมาเป็นภรรยารอง นับว่าเป็นการชดเชย ยิ่งไปกว่านั้นตัวจูชูอวี้นั้นมีฐานะเป็นจวิ้นจู่ ไม่นับว่าดูถูกเชียนเหว่ย” หมากนี้ของเซียวเชียนเยี่ยเดินได้ไม่เลว ส่งคนมา จวนเยี่ยนอ๋องต้องการปฏิเสธไม่รับก็ทำไม่ได้ หากส่งสตรีทั้งสองกลับคืนไป ไม่เพียงขัดต่อราชโองการยังเป็นปฏิปักษ์ต่อตระกูลจูและขุนนางในราชสำนักอีกด้วย เท่ากับทำลายชื่อเสียงและเกียรติยศของสตรีทั้งสอง ความเจ็บช้ำนี้ไม่ว่าอย่างไรจวนเยี่ยนอ๋องก็ต้องกล้ำกลืนมันลงไป
หนานกงมั่วทำได้เพียงถอนหายใจ เอ่ย “เสด็จป้าว่าอย่างไรบ้างเพคะ”
เยี่ยนอ๋องเอ่ยเสียงเข้ม “ช่วงนี้พระชายากำลังประชวร พรุ่งนี้เจ้าค่อยไปถวายพระพร”
เว่ยจวินมั่ววางมือลงบนพนักด้านข้าง หลุบตามองต่ำ เอ่ยถาม “ในเมื่อเรื่องราวเป็นที่แน่นอนแล้ว เสด็จลุงเรียกพวกกระหม่อมมาเรื่องใดหรือพ่ะย่ะค่ะ”
เยี่ยนอ๋องแค่นเสียงในลำคอ ปรายตามองเขาอย่างไม่พอใจ เอ่ย “งานแต่งงานของเชียนเหว่ยและเชียนจย่ง พวกเจ้าไม่ต้องกลับมาหรือ พระชายาป่วย ให้อู๋สยากับฉังผิงช่วยกันเตรียมพิธีในจวนเถิด” เยี่ยนอ๋องไม่ได้เอ่ยถึงว่าเฉินซื่อเป็นอย่างไรแล้ว ทว่าหนานกงมั่วก็พอคาดเดาได้ว่าสถานการณ์ตอนนี้ของเฉินซื่อเป็นอย่างไร เพียงไม่รู้ว่าพอเห็นสถานการณ์ในตอนนี้แล้วเฉินซื่อจะรู้สึกเสียใจภายหลังหรือไม่
“ไม่ได้” เว่ยจวินมั่วขมวดคิ้ว เอ่ยปฏิเสธราบเรียบ
เยี่ยนอ๋องจ้องเขาไม่เอ่ยสิ่งใด เว่ยจวินมั่วเอ่ย “จูชูอวี้เป็นจวิ้นจู่ อู๋สยามิได้มีตำแหน่งอันใด”
ความหมายก็คือไม่ยอมให้หนานกงมั่วต่ำต้อยต่อหน้าจูชูอวี้
เยี่ยนอ๋องส่งเสียงหยัน ใบหน้าแสดงความไม่พอใจออกมา “เพียงจวิ้นจู่คนเดียว เจ้าคิดว่าจวนเยี่ยนอ๋องของข้าเป็นอันใดกัน ในเมื่อคิดจะเข้ามาอยู่ในจวนเยี่ยนอ๋อง ก็ต้องเคารพกฎของจวนเยี่ยนอ๋อง ชื่อเอ๋อร์เป็นถึงเยี่ยนอ๋องซื่อจื่อยังไม่ได้จัดใหญ่โตโอ่อ่า นางจวิ้นจู่เพียงคนเดียวคิดจะพลิกฟ้าหรืออย่างไร”
หนานกงมั่วจับมือเว่ยจวินมั่วด้วยรอยยิ้ม เอ่ย “ท่านไม่ต้องกังวล ซั่นจยาเซี่ยนจู่เป็นคนฉลาด ข้าเพียงค่อนข้างแปลกใจ…ไยซั่นจยาเซี่ยนจู่จึงยอมแต่งมาอยู่ที่โยวโจว”
โยวโจวไม่ใช่สถานที่ที่ดีแต่อย่างใดนัก จูชูอวี้ที่ไม่มองแม้แต่เซียวเชียนเยี่ยไยจึงยอมแต่งมาอยู่โยวโจวได้ อีกทั้งยังอยู่ในสถานการณ์ที่รู้ทั้งรู้ว่าจวนเยี่ยนอ๋องไม่ต้อนรับนาง ถอนหายใจออกมา เอ่ย “ไม่รู้ทำไม ข้าพลันรู้สึก…ว่าครั้งนี้เซียวเชียนเยี่ยคงคิดจะเล่นสกปรก”
จูชูอวี้ผู้นี้ จนกระทั่งตอนนี้หนานกงมั่วยังรู้สึกว่ามองนางไม่ออก สิ่งที่นางมั่นใจก็คือจูชูอวี้ไม่ได้มีใจเป็นศัตรูกับพวกเขาอย่างแท้จริง หรือเอ่ยได้ว่าขอเพียงไม่ขัดขวางผลประโยชน์ของนางนางก็จะไม่มองเป็นศัตรู เช่นนั้นแล้วโยวโจวมีผลประโยชน์อันใดที่จูชูอวี้ต้องการกัน
เยี่ยนอ๋องยิ้มเย็น เอ่ย “ไม่ว่าตระกูลจูคิดจะทำอันใด ข้าก็ไม่สนใจทั้งนั้น ข้า…ไม่ใช่เซียวเชียนเยี่ย”
ตระกูลจูต้องการปีนขึ้นสูงเยี่ยนอ๋องรู้ดีและเข้าใจได้ ทว่าสิ่งที่จูชูอวี้ทำ เยี่ยนอ๋องไม่อาจยอมรับได้ หน้าไหว้หลังหลอก ปากหวานก้นเปรี้ยว ไม่อาจเยินยอออกหน้าไม่พอยังไร้ซึ่งขอบเขตอีกด้วย แม้จะอยู่ไกลถึงโยวโจว แต่เรื่องที่หลิงโจวอีกทั้งเรื่องของเซียวฉุนและเยี่ยนอ๋องก็ยังรู้อยู่บ้าง เรื่องของตระกูลจูและจูชูอวี้ที่ร่วมอยู่ในนั้นแน่นอนว่าไม่พ้นสายตาของเยี่ยนอ๋อง สตรีที่มีจิตใจร้ายกาจเช่นนี้ เยี่ยนอ๋องคิดว่าเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก น่าเสียดาย…เยี่ยนอ๋องไม่เคยชื่นชอบสตรีเช่นนี้