Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 1887 ไม่มีใครทัดเทียมได้

ตอนที่ 1887 ไม่มีใครทัดเทียมได้
คนผู้หนึ่ง ถ้าขนาดความกล้าที่จะท้าสู้ผู้แข็งแกร่งยังไม่มี เช่นนั้นต้องเป็นพวกขี้แพ้ไปชั่วชีวิตแน่
เช่นเดียวกัน หากผู้ฝึกปราณคนหนึ่งไม่กล้าเข้าประชัน คิดจะก้าวหน้าบนมหามรรคก็เป็นเรื่องละเมอเพ้อพก!
ตอนนี้ผู้เข้าร่วมต่อสู้ความรู้สึกฮึกเหิม เลือดร้อนสูบฉีด ภาพนี้ย่อมทำให้หลายคนรู้สึกซาบซึ้งไม่น้อย
ผู้แข็งแกร่งเดิมทีก็ควรเป็นเช่นนี้!
หลินสวินก็พอใจกับสิ่งนี้มาก เขาไม่สนใจแพ้ชนะ ที่สนใจก็คือได้พบเห็นและสัมผัสกับพลังเขตแดนมรรคได้มากน้อยเพียงไหน
การประลองอันดุเดือดยกแล้วยกเล่าดำเนินขึ้นบนสังเวียนทั้งสิบแปดแห่งในเวลาต่อมา
บ้างสมน้ำสมเนื้อ มีสีสันผิดธรรมดา
บ้างพลังทำลายล้างรุนแรง สะท้านใจคน
บ้างเกิดอันตรายไม่หยุดหย่อนชวนให้ตื่นเต้น
บ้าง…
มีเพียงสังเวียนของหลินสวินที่มีลักษณะอย่างหนึ่ง
นั่นก็คือไม่ว่าจะเป็นคู่ต่อสู้คนไหน ไม่ว่าจะมีฐานะอะไร ไม่ว่าจะครอบครองพลังมหามรรคใด ก็ถูกเอาชนะตลอด
ไม่ออกตัวยอมแพ้เอง ก็ถูกเล่นงานจนยอมแพ้
ส่วนหลินสวินตั้งแต่เริ่มจนจบยังมีท่าทีนิ่งเฉยดั่งภูผา สูงตระหง่านเยือกเย็น
ความรู้สึกที่มอบให้คนอื่นก็คือคำว่า… มั่นคงจนน่ากลัว!
เวลาผันผ่าน สองชั่วยามผ่านไป
ผู้แข็งแกร่งที่ยังยืนหยัดอยู่บนสังเวียนไม่เคยถูกเอาชนะ เหลือเพียงหลินสวิน ฉู่ชิว จั๋วเฟิ่งอิ่งและสือหลงสี่คน
พูดอีกอย่างก็คือ ตั้งแต่การคัดเลือกรอบแรกเริ่มขึ้นจนตอนนี้ ตั้งแต่ทั้งสี่คนเหยียบย่างบนสังเวียนก็เหมือนเจ้าสังเวียน เอาชนะศัตรูทุกๆ คน ยืนหยัดมาถึงตอนนี้!
ในกลุ่มนี้ความสามารถของฉู่ชิวเป็นไปตามที่ทุกคนคาดหมาย เพราะใครก็รู้ว่าฉู่ชิวแห่งเขาเทพประกายฟ้าเป็นผู้โดดเด่นที่ยอดเยี่ยมปานใด
จั๋วเฟิ่งอิ่งเป็นหญิงสาวผู้เย็นชาดุจหิมะ รูปลักษณ์งามเด่นคนหนึ่ง แต่งกายชุดม่วงทั้งตัว ผมสั้นเท่าติ่งหู แก้มดั่งลิ้นจี่สด ผิวขาวงามกระจ่าง
นางมาจากเผ่าเก่าแก่เผ่าหนึ่งในแคว้นเมฆา…
เผ่าโบราณกระเรียนทอง
‘มรรคทวน’ ที่นางครอบครองดุดันดุจวาโย ลวงตาดั่งมายา ยอดเยี่ยมเลิศล้ำอย่างแท้จริง จนตอนนี้ยังไม่มีใครเอาชนะนางได้
ความสามารถของจั๋วเฟิ่งอิ่งไม่ทำให้ทุกคนแปลกใจเช่นเดียวกับฉู่ชิว
ส่วนสือหลงเป็นบุคคลขอบเขตมกุฎรุ่นอาวุโสผู้หนึ่ง หยุดอยู่ที่ระดับมกุฎอริยะขั้นต้นมาหกร้อยปีแล้ว นอกจากนี้ฐานะของเขาก็คือผู้อาวุโสในขุมอำนาจชั้นรองแห่งหนึ่งในแคว้นเมฆา
แต่ความสามารถที่เขาแสดงออกมาในรอบแรกกลับทำให้ทุกคนตกตะลึง
ถึงกับมีผู้แข็งแกร่งระดับมกุฎราชันอริยะขั้นปลายถูกเขาเอาชนะ!
ก็ในตอนนี้เอง พลังปราณที่แท้จริงของสือหลงจึงเผยออกมา ที่แท้คนรุ่นอาวุโสคนนี้ก็เป็นระดับมกุฎราชันอริยะขั้นปลายผู้หนึ่งมานานแล้ว!
แต่พอหลินสวินทะลวงออกมาราวกับม้ามืดตัวหนึ่ง ก็กลบรัศมีของสือหลงมิดเสียแล้ว
ไม่ว่าอย่างไรสือหลงก็ถือเป็นคนใหญ่คนโตผู้หนึ่งในแคว้นเมฆา แต่หลินสวินแตกต่างออกไป ก่อนหน้านี้ใครก็ไม่เคยได้ยินว่าในแคว้นเมฆามีบุคคลอย่าง ‘จินตู๋อี’ มาก่อน
และยิ่งคิดไม่ถึงว่าแม้แต่เกาหลิงเทียนกับกู่เจี้ยนสิงยังถูกเขาเอาชนะทั้งสิ้น!
สู้กันจนถึงตอนนี้
ฉู่ชิวได้รับชัยชนะยี่สิบเจ็ดครั้งติด จอนผมเริ่มชื้น สีหน้าซีดขาว ตามร่างมีบาดแผลเลือดไหลรินอยู่บ้าง นอกจากจุดนี้ก็ยังไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส
จั๋วเฟิ่งอิ่งได้รับชัยชนะยี่สิบสี่ครั้งติด เทียบกันแล้วอาการบาดเจ็บของนางหนักกว่าหน่อย สีหน้าซีดขาวเป็นอย่างยิ่ง ลมหายใจติดขัดเล็กน้อย หว่างคิ้วเจือแววอ่อนล้า
สือหลงได้รับชัยชนะอย่างต่อเนื่องยี่สิบเอ็ดครั้ง สถานการณ์ของเขายิ่งไม่สู้ดีนัก แขนซ้ายถูกระเบิด โชกเลือดไปทั้งร่าง มีแต่บาดแผลเต็มไปหมด
ใครก็ดูออกว่าสือหลงยืนหยัดได้อีกไม่นานแล้ว
หลินสวินได้รับชัยชนะต่อเนื่องยี่สิบสามครั้ง และมีเขาเพียงคนเดียวที่จนถึงตอนนี้ไม่แปดเปื้อนฝุ่นธุลี ไม่มีความเสียหายสักนิด สีหน้าไม่เปลี่ยนไป เรียบเฉยดังเก่า
นี่ทำให้คนนับไม่ถ้วนต่างตกตะลึง ควรรู้ว่าหลินสวินเคยต่อสู้ดุเดือดกับกู่เจี้ยนสิง ทั้งยังได้โรมรันกับเกาหลิงเทียน เทียบกันแล้วเขาควรเสียพลังกายไปมากกว่าถึงจะถูก
แต่เขากลับเป็นคนเดียวที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ!
“จินตู๋อีคนนี้แข็งแกร่งจนอยู่นอกเหนือเหตุผลจริงๆ…”
เถาซงถิงยังตกตะลึงโดยสิ้นเชิง ทอดถอนใจออกมา ตอนนี้เขาไม่ยอมรับคงไม่ได้
“พี่เถา เจ้ามาแย่งข้าไม่ได้นะ จินตู๋อีคนนี้ข้าถูกใจเป็นคนแรก ไม่ช้าก็เร็วจะกลายเป็นผู้สืบทอดลัทธิเทพดาราเมฆของข้า”
อวี๋ฮูหยินเอ่ยเตือน
บุคคลระดับกึ่งจักรพรรดิที่อยู่ข้างกันบางคนเดิมทีก็เกิดความคิดจะดึงจินตู๋อีมา ถ้าได้รับผู้ฝึกปราณอิสระเช่นนี้เข้าไปในขุมอำนาจของตน นั่นย่อมยิ่งดี
แต่พอได้ยินถ้อยคำของอวี๋ฮูหยินก็ทำให้พวกเขาอดยิ้มขื่นไม่ได้
มีเพียงหงอวี่ที่รู้ดีว่า ต่อให้เป็นอวี๋ฮูหยิน… เกรงว่าจะสมปรารถนาได้ยาก!
เวลาค่อยๆ ผันผ่านไปทีละนิด
ในช่วงนี้ก็มีผู้แข็งแกร่งบางคนที่ได้เผยความสามารถของตัวเองออกมา ได้รับชัยชนะสิบครั้งรวดบนสังเวียนอื่น แต่ส่วนมากต่างเลือกรามือ ไม่ได้สู้ต่อไป
เพียงแต่ผู้แข็งแกร่งที่ได้รับชัยชนะสิบครั้งต่อเนื่องเหล่านี้ แม้ก่อให้เกิดความอึกทึกครึกโครมไม่น้อย แต่เมื่อเทียบกันดู กลับไม่อาจทัดเทียมพวกหลินสวิน ฉู่ชิว
แล้วก็ผ่านไปอีกหนึ่งถ้วยชา
เมื่อสือหลงสู้ดุเดือดกับคู่ต่อสู้คนที่ยี่สิบสี่ก็ออกตัวยอมแพ้เอง เพราะอาการบาดเจ็บของเขารุนแรงถึงที่สุดแล้ว ทั้งพลังกายยังแทบแห้งเหือดไปด้วย
การยอมแพ้ของเขากลับทำให้ผู้ชมการต่อสู้มากมายถอนหายใจโล่งอก ต่างรู้สึกเลื่อมใสจากใจจริง
คนรุ่นอาวุโสคนหนึ่งกรำศึกมาจนถึงตอนนี้ได้ก็เป็นผลงานอันเยี่ยมยอดแล้ว!
สือหลงยอมแพ้ไปไม่นาน อีกสังเวียนหนึ่งหลังจากจั๋วเฟิ่งอิ่งเอาชนะคู่ต่อสู้คนที่ยี่สิบเก้า ก็เป็นฝ่ายออกจากสังเวียนไปเอง
นางไม่ได้แพ้ แต่เพราะพลังกายไม่พอให้นางสู้ต่อไปอีกแล้ว
ก่อนออกมา สายตาของนางมองฉู่ชิวที่ยังคงต่อสู้อยู่ ทั้งยังมองหลินสวินซึ่งอยู่ไกลออกไปที่จนกระทั่งตอนนี้ยังไม่ได้รับบาด ความไม่ยินยอมผุดขึ้นในใจ
สุดท้ายนางก็ส่ายหัว ถอนหายใจเฮือกหนึ่งแล้วหันหลังจากมา
ถึงตอนนี้ผู้แข็งแกร่งที่หลังจากชนะต่อเนื่องสิบครั้งแล้วยังยืนหยัดสู้บนสังเวียนต่อ เหลือเพียงฉู่ชิวกับหลินสวินสองคน!
ฉู่ชิวได้รับชัยชนะครั้งที่สามสิบสาม
หลินสวินก็ได้รับชัยชนะครั้งที่ยี่สิบเจ็ดแล้ว
จนถึงตอนนี้ ความสั่นสะท้านในใจผู้ชมการต่อสู้ทั้งที่นั้นไม่อาจใช้คำใดมาบรรยายได้แล้ว
คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าการคัดเลือกรอบแรกเท่านั้น กลับมีภาพน่าตื่นเต้นที่เรียกได้ว่าสะท้านโลกเช่นนี้
ฉู่ชิว แข็งแกร่งสมคำร่ำลือ
ส่วนจินตู๋อี ทำให้ทุกคนยากจะเชื่อเหนือคาดหมาย
“ถึงท้ายที่สุด ใครในสองคนนี้จะแพ้ก่อนกัน”
ทุกคนต่างจับตามองอย่างใกล้ชิด
แม้แต่พวกเถาซงถิง อวี๋ฮูหยิน หงอวี่ยังใจจดใจจ่อบนสังเวียนของทั้งสอง
……
‘เจ้าหมอนี่… โผล่มาจากไหนกันแน่’
สู้มาถึงตอนนี้ ฉู่ชิวก็รู้สึกเหนื่อยล้าหมดแรงแล้ว แต่ที่ทำให้เขาไม่ยินยอมก็คือ หลินสวินที่อยู่อีกสังเวียนหนึ่งดันไม่ได้รับบาดเจ็บมาตลอด!
และเทียบกันแล้วตัวเขาในตอนนี้ได้รับบาดเจ็บหลายแห่งแล้ว เรื่องนี้กระทบกระเทือนใจอย่างไม่ต้องสงสัย
‘ข้าไม่เชื่อหรอก!’
ฉู่ชิวตาลุกวาว กัดฟันแน่นยืนหยัดต่อไป
นี่ก็คือการประชันอันไร้รูป ด้วยปณิธานของฉู่ชิว จะยินยอมถูกคนอื่นก้าวล้ำไปได้อย่างไร
ยกที่สามสิบสี่
ยกที่สามสิบห้า
….ที่ทำให้คนที่ดูการต่อสู้ต่างสั่นสะท้านก็คือ เห็นฉู่ชิวที่สภาพแทบหมดแรงแล้วเอาชนะคู่ต่อสู้อีกสองคนได้อย่างต่อเนื่องเสียนี่
ท่วงท่าการต่อสู้ที่ไม่ยอมแพ้ ดื้อดึง และยืนหยัดเช่นนั้น ทำให้ผู้แข็งแกร่งไม่น้อยต่างหวั่นไหวเพราะเขา
“ฉู่ชิว!”
“ฉู่ชิว!”
“ฉู่ชิว!”
ไม่รู้ว่าเป็นใครส่งเสียงให้กำลังใจออกมา ครู่เดียวก็จุดความรู้สึกที่อยู่ในใจผู้ชมการต่อสู้ ต่างร้องเสียงดังให้กำลังใจเขาไปด้วย
กู่เจี้ยนสิงที่มองดูทั้งหมดนี้อยู่ไกลๆ ลอบกำหมัดแน่น
กู่เจี้ยนสิงที่ชนะต่อเนื่องสิบครั้งบนอีกสังเวียนมานานแล้วแต่ไม่ได้สู้ต่ออีก จึงหัวเสียอย่างอดไม่ได้ ถ้ารู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ จะดื้อดึงทำเช่นนั้นหรือไม่
จั๋วเฟิ่งอิ่งที่กำลังนั่งขัดสมาธิรักษาบาดแผล ความรู้สึกซับซ้อนไปครู่หนึ่ง ความสามารถที่ฉู่ชิวเผยออกมาทำให้นางไม่ยอมรับคงยาก
เพียงแต่ต่อให้มีเสียงให้กำลังใจสนั่นฟ้าดังขึ้น ฉู่ชิวก็ยืนหยัดต่อไปไม่ไหวแล้ว
พลังกายคนมีวันหมด!
สู้มาถึงตอนนี้ ฉู่ชิวระเบิดและใช้ศักยภาพแฝงทั้งปวง เค้นพลังจนหมดสิ้นแล้ว ก่อนที่การต่อสู้ยกที่สามสิบเจ็ดจะเริ่มขึ้น เขารู้สึกเพียงว่าฟ้าดินหมุนวน รับรู้ได้ว่าตนสู้ต่อไปไม่ได้แล้วจริงๆ…
เขาเก็บกลั้นความเหนื่อยล้า หันหลังเดินลงไปจากสังเวียน
ยามสายตามองเห็นหลินสวินที่ยังสู้อยู่บนสังเวียนที่อยู่ไกลออกไปโดยไม่ตั้งใจ ในใจเขาก็มีความรู้สึกพ่ายแพ้ ไร้กำลัง และเศร้าซึมผุดขึ้นมา
เจ้าหมอนี่… โผล่มาจากไหนกันแน่นะ…
พอเห็นเงาร่างฉู่ชิวเดินลงมาทีละก้าว เสียงร้องให้กำลังใจทั้งหลายก็หยุดลงทันที แต่ละคนต่างเผยความรู้สึกซับซ้อน
ฉู่ชิว สุดท้ายก็ออกจากสังเวียนเร็วกว่าจินตู๋อีคนนั้นอยู่ดี…
นี่ทำให้ทุกคนรู้สึกผิดหวังอย่างบอกไม่ถูก
และเมื่อทุกคนสังเกตเห็นหลินสวินที่กำลังประลองอยู่บนสังเวียนอีกแห่ง ต่างหมดคำพูดและตะลึงงันไปครู่หนึ่ง
เพราะจนตอนนี้เขายังไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ!
แม้แต่เสื้อผ้ายังไม่มีรอยขาดสักรอย!
ในสมองของคนมากมายต่างเกิดความคิดหนึ่งอย่างอดไม่ได้ ในร่างของเจ้าหมอนี่เป็นหลุมดำหรือไงนะ หาไม่แล้วเหตุใดพลังกายถึงแกร่งกล้าปานนี้
“แม้ฉู่ชิวจะออกจากสังเวียนเอง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะสู้จินตู๋อีคนนี้ไม่ได้!”
มีคนร้องลั่น
“ใช่แล้ว ฉู่ชิวชนะติดต่อกันสามสิบหกครั้ง จินตู๋อีเพิ่งชนะไปสามสิบครั้ง ยังห่างกันมากอยู่ดี ก็ดูว่าเขาจะทุบสถิติของฉู่ชิวได้หรือไม่แล้ว”
หลายคนต่างพยักหน้า
แต่ที่ทำให้ทุกคนต่างรู้สึกเหลือเชื่อก็คือ ในเวลาต่อมาจินตู๋อีที่พวกเขาจับตามองอย่างใกล้ชิดยังเอาชนะผู้ที่มาท้าสู้คนแล้วคนเล่าดังเก่า…
ไม่ได้รับบาดเจ็บ
และไม่เผยท่าทีหมดแรงแต่อย่างใด!
จวบจนท้ายที่สุดเสียงในที่นั้นต่างหายไป สายตาล้วนรวมที่หลินสวิน มองดูเขากรำศึกบนสังเวียนเหมือนมหาคีรีที่ไม่อาจสั่นคลอน…
ครั้งที่สามสิบสี่ ชนะ
ครั้งที่สามสิบห้า ชนะ
ครั้งที่สามสิบหก ชนะ!
พอหลินสวินเริ่มสู้กับคู่ต่อสู้คนที่สามสิบเจ็ด ความรู้สึกที่ผู้ชมการต่อสู้ทั้งลานกดข่มไว้ในใจมานานปะทุออกมาในขณะนี้ สั่นสะท้านโดยสมบูรณ์
เพราะนี่หมายความว่าเขาทำลายสถิติการต่อสู้ที่ฉู่ชิวทำได้บนสังเวียนไปแล้ว!
“คิดไม่ถึงว่าม้ามืดคนนี้จะแทนที่ฉู่ชิวได้ด้วย นี่มีนัยว่าเขาเรียกได้ว่าเป็นอันดับหนึ่งอย่างเต็มภาคภูมิในการคัดเลือกรอบแรกแล้วใช่หรือไม่”
เถาซงถิงพึมพำ
“ไม่ ถือว่าเป็นอันดับหนึ่งในการถกมรรคเมืองหลิงเฟิงเท่านั้น”
อวี๋ฮูหยินสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง เอ่ยแก้อย่างจริงจัง
การคัดเลือกถกมรรครอบแรกของแคว้นเมฆาไม่ได้ดำเนินอยู่แค่ในเมืองหลิงเฟิงเท่านั้น ในพื้นที่อื่นภายในแคว้นเมฆาต่างก็กำลังดำเนินการคัดเลือกอยู่
แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ ประโยคเดียวของอวี๋ฮูหยินเท่ากับยอมรับความสำเร็จที่หลินสวินทำได้ใน ‘ลานแสดงมรรคหลิงเฟิง’ ไปแล้ว
อย่างน้อยสำหรับตอนนี้ ก็เรียกได้ว่าไม่มีใครทัดเทียมแล้ว!
——
Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท