เวลาผ่านไปไม่นาน เซียวเชียนชื่อก็เดินเข้ามา “หลานถวายพระพรเสด็จอา” มองเห็นเฉินซื่อและอานซื่อคุกเข่าอยู่บนพื้น เซียวเชียนชื่อขมวดคิ้ว “พวกเจ้ามาทำอันใดที่นี่ เสด็จอา พวกนางทำให้เสด็จอาไม่พอใจหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
องค์หญิงฉังผิงถอนหายใจ เอ่ย “พวกเจ้าเล่าเรื่องทั้งหมดให้เชียนชื่อฟัง”
อานซื่อร้องไห้โศกเศร้า ทรุดตัวลงใกล้เท้าของเซียวเชียนชื่อร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวด “ซื่อจื่อ ได้โปรดช่วยจูเอ๋อร์ด้วยเถิด…”
“นี่มันเรื่องอันใดกันแน่ ค่อยๆ เอ่ย” เซียวเชียนชื่อขมวดคิ้ว
เฉินซื่อที่อยู่ด้านข้างกัดฟัน ลอบกำมือแน่น นังแพศยา!
ฟังอานซื่อเอ่ยด้วยเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้น ระหว่างนั้นยังมีการตอบโต้ด้วยความโกรธของเฉินซื่ออยู่เรื่อยๆ เซียวเชียนชื่อฟังจนเริ่มโกรธขึ้นมา หันไปมององค์หญิงฉังผิงและหนานกงมั่วที่นั่งอยู่ด้านข้าง รู้สึกขายหน้าขึ้นมา
“ทำให้เสด็จอาต้องเป็นกังวลแล้ว เชียนชื่อไม่ดีเอง หลานจะจัดการพวกนางให้ดี ขอเสด็จอาอย่าได้ถือโทษ” เซียวเชียนชื่อเอ่ยเสียงเข้ม
องค์หญิงฉังผิงพยักหน้า นางเองก็ไม่มีใจคิดสนใจว่าเซียวเชียนชื่อจะจัดการกับภรรยาของตนอย่างไร ทำเพียงเอ่ย “ข้าให้หมอไปตรวจจูเอ๋อร์แล้ว เจ้าเองก็ไปดูนางสักหน่อย เรื่องเหล่านี้เจ้าจัดการตามที่เห็นสมควรเถิด มารดาของเจ้ายังป่วยอยู่ อย่าเอาเรื่องพวกนี้ไปรบกวนนาง”
เซียวเชียนชื่อเองก็เป็นเด็กกตัญญู นึกถึงสาเหตุที่มารดาป่วยพลันรู้สึกละอายใจขึ้นมา ความโกรธที่มีต่อเฉินซื่อยิ่งเพิ่มมากขึ้น รีบพยักหน้า เอ่ย “หลานเข้าใจ เสด็จอาวางใจเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
“เข้าใจก็ดี เจ้าเป็นเด็กรู้ความ” องค์หญิงฉังผิงพยักหน้า เอ่ย “เจ้าไปเถิด พี่สะใภ้สามคงจะตื่นแล้ว ข้ากับอู๋สยาจะไปเยี่ยมนางสักหน่อย”
เซียวเชียนชื่อรีบตอบรับ ยกมือประสานคารวะหนานกงมั่ว เอ่ย “ลำบากพี่ชายและพี่สะใภ้ต้องรีบกลับมาจากกองทัพ เชียนชื่อไม่ได้มาต้อนรับ ขอพี่สะใภ้โปรดอภัยด้วย” หนานกงมั่วยิ้มบางๆ เอ่ย “ซื่อจื่อกล่าวหนักแล้ว ซื่อจื่อเองก็มีเรื่องต้องจัดการ ไปเถิด ข้าจะไปหาเสด็จป้าพร้อมกับเสด็จแม่ กลับมาแล้วยังไม่ทันได้ถวายพระพรเสด็จป้าเลย”
“ขอรับ เชียนชื่อขอตัวลาแล้ว”
มองภรรยาทั้งสองที่ยังคุกเข่าอยู่บนพื้น ใบหน้าสุขุมของเซียวเชียนชื่อทะมึนลงอย่างไม่อาจห้ามได้ เอ่ยเสียงแข็ง “ยังไม่รีบลุกขึ้นแล้วกลับไปอีก”
“เจ้าค่ะ ซื่อจื่อ” ทั้งสองเอ่ยตอบรับพร้อมเพรียง มองสบตากัน ต่างฝ่ายต่างมีความคิดอยู่ในใจ
มองทั้งสามคนเดินออกไป องค์หญิงฉังผิงจึงส่ายศีรษะ “ต่อไปจวนเยี่ยนอ๋องเกรงว่าคงจะครึกครื้นมากกว่านี้” นี่เพิ่งแต่งลูกสะใภ้เข้ามาครอบครัวเดียวยังวุ่นวายเพียงนี้ ต่อไปเกรงว่าวุ่นวายมากกว่านี้
หนานกงมั่วเสียดายอยู่เล็กน้อย เอ่ย “ซื่อจื่อนิสัยอ่อนโยน เกรงว่า…” คนที่อ่อนโยนหากไม่ซ่อนความชั่วร้ายอยู่ในใจ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนจิตใจอ่อนไหว จัดการเรื่องบางเรื่องก็เลี่ยงได้ยากที่จะลังเลไม่เด็ดเดี่ยว ดูออกว่าเซียวเชียนชื่อมีความรู้สึกต่อเฉินซื่อ เพียงแต่ช่วงนี้เฉินซื่อแตกต่างไปจากปกติจึงทำให้เซียวเชียนชื่อไม่พอใจ ทว่าอย่างไรก็เป็นภรรยาของตนเอง เซียวเชียนชื่อก็ไม่อาจละทิ้งภรรยาเพราะเรื่องนี้ หากเฉินซื่อเข้าใจจิตใจของเซียวเชียนชื่อคงดี หากเอาแต่หมกมุ่น ต่อไปคงได้ก่อความวุ่นวายขึ้นอีกเป็นแน่
ในห้องของพระชายาเยี่ยนอ๋อง พระชายาเยี่ยนอ๋องที่เคยมีกำลังวังชามากมายยามนี้กำลังนั่งพิงหัวเตียงดื่มยาโดยมีสาวใช้ป้อน เมื่อมองเห็นทั้งสองเดินเข้ามาจึงส่งสัญญาณให้สาวใช้ถอยออกไป ส่งยิ้มบางให้หนานกงมั่ว เอ่ย “มั่วเอ๋อร์กลับมาแล้วหรือ จวินมั่วกลับมาด้วยหรือไม่”
หนานกงมั่วพยักหน้า ก้าวขึ้นไปใกล้ “อู๋สยาถวายพระพรเสด็จป้าเพคะ จวินมั่วอาจมารบกวนเสด็จป้าได้ ขอเสด็จป้าได้โปรดอภัยด้วยเพคะ”
พระชายาเยี่ยนอ๋องส่ายศีรษะ ยามนี้นางป่วยเว่ยจวินมั่วที่เป็นบุรุษไม่สะดวกเข้ามาถวายพระพร ไหนเลยจะโทษเขาได้
หนานกงมั่วมองดูสีหน้าของพระชายาเยี่ยนอ๋อง ดูซูบผอมและซีดเซียวลงไปมาก อากาศยังเต็มไปด้วยกลิ่นยาคละคลุ้งเข้มข้น เห็นชัดว่าพระชายาเยี่ยนอ๋องใช้ยามาเป็นระยะเวลาไม่น้อยแล้ว เพียงดมกลิ่นก็สามารถคาดเดาระยะเวลาได้ หมอเองก็คงสั่งยาเพื่อสงบจิตสงบใจ ยาช่วยลดภาวะความโกรธที่เกิดขึ้นในใจ กล่าวว่าเฉินซื่อทำให้พระชายาเยี่ยนอ๋องโกรธไม่น้อยคงไม่ผิด เพียงแต่เกรงว่าเฉินซื่ออาจจะไม่ใช่เหตุผลทั้งหมด ส่วนใหญ่ก็คงเป็นเพราะการแต่งงานของเซียวเชียนเหว่ยและเซียวเชียนจย่ง ไม่ว่ามารดาคนไหนก็ไม่ยอมให้ลูกแต่งภรรยาที่มีเจตนาร้ายแฝงอยู่ แต่รูปการณ์ตอนนี้ จวนเยี่ยนอ๋องไม่อาจปฏิเสธสมรสพระราชทานจากฮ่องเต้ได้
นั่งลงด้านข้างพระชายาเยี่ยนอ๋องช่วยนางตรวจชีพจร หนานกงมั่วเอ่ยเสียงเบา “เสด็จป้าต้องใจเย็นสักหน่อย ร่างกายก็จะดีขึ้นเองนะเพคะ”
พระชายาเยี่ยนอ๋องยิ้มขมขื่น “ขายหน้าต่อพวกเจ้าแล้ว”
องค์หญิงฉังผิงยิ้มเอ่ย “พี่สะใภ้เอ่ยอันใดกัน พระองค์ต้องรีบดีขึ้นจึงจะถูก จวนเยี่ยนอ๋องมีเรื่องมากมาย ไหนเลยจะขาดพระองค์ได้ หลายวันมานี้ข้าจัดการจนหัวหมุนไปหมดแล้ว”
พระชายาเยี่ยนอ๋องพยักหน้า “เจ้าวางใจ ข้าเองก็จะดีขึ้น เพียงแต่ยังต้องรบกวนน้องห้าสักระยะ แต่ตอนนี้มีอู๋สยากลับมาช่วยเจ้าแล้วมิใช่หรือ”
หนานกงมั่วยิ้มขมขื่น เอ่ย “เสด็จป้า ท่านอย่าเอ่ยเยี่ยงนี้ หม่อมฉันไม่เคยดูแลบ้าน เทียบเสด็จแม่ไม่ได้ด้วยซ้ำเพคะ จวนเยี่ยนอ๋องนี้ยังต้องพึ่งเสด็จป้าจึงจะเอาอยู่”
สองแม่สามีลูกสะใภ้อยู่พูดคุยกับพระชายาเยี่ยนอ๋องอยู่ชั่วครู่ หัวคิ้วของพระชายาเยี่ยนอ๋องก็คลายออกไม่น้อย เพียงแต่นึกถึงบุตรชายทั้งสองก็อดรู้สึกผิดไม่ได้ “น่าเสียดายเหว่ยเอ๋อร์และจย่งเอ๋อร์ หลังจากนี้ไม่รู้ว่าจะเกิดอันใดขึ้นบ้าง”
หนานกงมั่วเอ่ยเสียงเบา “เสด็จป้าวางใจ เด็กตระกูลซุนผู้นั้นหม่อมฉันพอรู้จักอยู่บ้าง เป็นสตรีที่ฉลาดเฉลียวว่าง่าย คิดว่าคงไม่ทำสิ่งใดที่ไม่เหมาะสม”
พระชายาเยี่ยนอ๋องพยักหน้า ในเมื่อหนานกงมั่วเอ่ยเช่นนี้แน่นอนว่านางเชื่อ ทว่าเดิมทีที่พวกเขากังวลก็ไม่ใช่ซุนเหยียนเอ๋อร์ แต่เป็นซั่นจยาจวิ้นจู่จูชูอวี้ แม้จะอยู่โยวโจว พระชายาเยี่ยนอ๋องก็รับรู้ถึงชื่อเสียงของคุณหนูใหญ่ตระกูลจูผู้นี้อยู่บ้าง สตรีเช่นนี้ต่อให้ไม่มีสถานการณ์คลุมเครือในตอนนี้ สตรีที่มีความทะเยอทะยานเช่นนี้หากแต่งกับเซียวเชียนชื่อเป็นพระชายาซื่อจื่อก็ยังพอได้ หากแต่งกับเชียนเหว่ย…หลังจากนี้…”
“ทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องนี้ ข้าก็อดไม่ได้…” นึกถึงเรื่องน่ากังวลเหล่านี้ พระชายาเยี่ยนอ๋องแทบอยากหย่าเฉินซื่อโง่เขลาผู้นี้
องค์หญิงฉังผิงต้องปลอบโยนอีกครั้ง พระชายาเยี่ยนอ๋องครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ยกับหนานกงมั่ว “ยามนี้ซั่นจยาจวิ้นจู่และคุณหนูซุนยังพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมในเมือง ร่างกายข้าไม่สบายและไม่อาจจัดเตรียมพิธีได้ลำบากพวกนางแล้ว ต้องรบกวนมั่วเอ๋อร์ช่วยไปแทนข้าสักครั้ง ไปดูพวกนางสักหน่อยเถิด” แม้จะไม่ต้อนรับว่าที่สะใภ้ทั้งสอง ทว่าอย่างไรก็ไม่อาจปล่อยปละละเลย มิเช่นนั้นเอ่ยออกไปสุดท้ายก็เป็นพระชายาเยี่ยนอ๋องเป็นฝ่ายผิด
หนานกงมั่วพยักหน้า “เสด็จป้าวางใจเพคะ”
“โชคดีที่มีเจ้าและน้องห้า” พระชายาเยี่ยนอ๋องถอนหายใจออกมา
เดินออกมาจากเรือนพระชายาเยี่ยนอ๋อง พลันมองเห็นเซียวเชียนจย่งที่กำลังเดินมาทางนี้ เซียวเชียนจย่งดูท่าทางหงอยเหงา เมื่อมองเห็นหนานกงมั่วจึงดูมีชีวิตชีวาขึ้นมา รีบวิ่งเข้ามาหา “พี่สะใภ้ ท่านกลับมาตั้งแต่เมื่อใดกันขอรับ”
หนานกงมั่วยิ้ม เอ่ย “เมื่อคืนวาน เจ้ากำลังจะไปถวายพระพรเสด็จป้าหรือ”
เซียวเชียนจย่งส่ายหน้า “ช่างเถิดขอรับ ข้ามาถวายพระพรแล้ว อีกทั้ง ช่วงนี้เสด็จแม่มักจะมองข้ากับพี่รองด้วยใบหน้ารู้สึกผิด จนข้าทำตัวไม่ถูก” หนานกงมั่วยิ้มออกมา เพื่อชื่อเสียงของซื่อจื่อ แน่นอนว่าเฉินซื่อไม่อาจอยู่เฉยได้ เฉินซื่อคิดจะทำลายการแต่งงานของเซียวเชียนเหว่ยก็ช่างเถิด ยามนี้กลับมีพิธีสมรสสองงานเกิดขึ้น เห็นชัดว่าเพื่อรักษาสมดุลจวนเยี่ยนอ๋องและฝั่งจินหลิง พิธีแต่งงานสองงานนี้ไม่อาจปฏิเสธได้ นั่นหมายความว่า การแต่งงานของเซียวเชียนเหว่ยและเซียวเชียนจย่ง เยี่ยนอ๋องต้องเสียสละแล้ว แม้เดิมทียุคสมัยนี้จะมีบิดามารดาเป็นคนตัดสินใจ ผู้เป็นลูกไม่มีสิทธิ์เอ่ยปาก ทว่าการแต่งลูกสะใภ้ที่ไม่คู่ควรทั้งสอง พระชายาเยี่ยนอ๋องจะไม่รู้สึกผิดและเศร้าใจต่อบุตรชายทั้งสองคงเป็นไปไม่ได้