หนานกงมั่วกลับไม่ได้สนใจว่าจูชูอวี้กำลังคิดสิ่งใดอยู่ เพียงพูดคุยกับซุนเหยียนเอ๋อร์ ถามเรื่องราวการเดินทางมายังตอนเหนือของนาง รวมไปถึงมีสิ่งใดไม่คุ้นเคยในโยวโจว ซุนเหยียนเอ๋อร์…ตอบกลับ ยิ้มพลางเอ่ย “จริงสิ ก่อนจะมา เพ่ยหวนกับคุณหนูฉินสี่มาส่งข้าด้วย พวกนางยังฝากให้ข้านำของบางอย่างมาให้เจ้าด้วย”
หนานกงมั่วประหลาดใจ “เอ๋ พวกนางยังให้เจ้านำของมาด้วยหรือ” พวกนางเดินทางฉุกละหุก แม้แต่เวลาสั่งลาเซี่ยเพ่ยหวนและฉินซียังไม่มี
ซุนเหยียนเอ๋อร์พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ก็ใช่น่ะสิ โชคดีที่พวกเรามีคนมากมาย จึงเอาของมาด้วยได้ พวกนางกังวลว่าเจ้ามาอยู่โยวโจวแล้วจะไม่คุ้นชิน ของใช้ประจำวัน และเสื้อผ้าที่สตรีในเมืองจินหลิงใช้กันก็เอามาไม่น้อย” หนานกงมั่วอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ “แม้โยวโจวจะไม่ได้รุ่งเรืองเหมือนจินหลิง แต่ไหนเลยจะถึงขั้นที่หาซื้อของพวกนี้ไม่ได้เล่า เพียงแต่ข้ายังต้องขอบคุณพวกนาง”
ซุนเหยียนเอ๋อร์เอ่ย “ในเมื่อเจ้ามาแล้ว ก็เอากลับไปด้วยเถิด”
หนานกงมั่วเองก็ไม่เกรงใจ พยักหน้าตอบรับ จูชูอวี้มองทั้งสองคนพูดคุยกันด้วยรอยยิ้มไม่สนใจสิ่งใด ถอนหายใจออกมา เอ่ยขึ้นอย่างอิจฉา “ได้ยินมาว่าความสัมพันธ์ของจวิ้นจู่และคุณหนูซุนไม่เลว ข้ารู้สึกอิจฉาขึ้นมาแล้วจริงๆ” หนานกงมั่วยิ้ม เอ่ย “จะมีอันใดกันเล่า จวิ้นจู่อยู่เมืองจินหลิงเองก็มีมนุษยสัมพันธ์ไม่เลวนัก ต่อไปมาอยู่โยวโจวก็คงจะมีสบายเพิ่มมากขึ้น”
เรื่องนี้เอ่ยขึ้นมาแล้วก็รู้สึกกระอักกระอ่วน จูชูอวี้อยู่จินหลิงเรียกไม่ได้ว่ามนุษยสัมพันธ์ไม่เลว อย่างน้อยในบรรดาคุณหนูตระกูลร่ำรวยมนุษยสัมพันธ์ของจูชูอวี้ก็ไม่ได้ดีนัก นอกจากตระกูลเล็กๆ ที่ต้องการพึ่งพาอาศัยตระกูลจูแล้ว บรรดาคุณหนูทั้งหลายก็ไม่มีใครยอมเป็นเพื่อนกับจูชูอวี้ นี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ซุนเหยียนเอ๋อร์เย็นชาต่อจูชูอวี้ จูชูอวี้และหนานกงมั่วต่างก็เป็นสตรีที่มีความโดดเด่น ทว่าเมื่อเทียบกับจูชูอวี้แล้ว คนส่วนใหญ่เลือกที่จะเป็นเพื่อนกับหนานกงมั่วมากกว่า
จูชูอวี้มองหนานกงมั่ว ลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเอ่ย “จวิ้นจู่ ข้ารู้ว่าถามเช่นนี้เสียมารยาทนัก เพียงแต่…มีบางเรื่องที่ต้องขอคำชี้แนะจากจวิ้นจู่”
หนานกงมั่วเลิกคิ้ว “จวิ้นจู่เชิญว่ามาเถิด”
จูชูอวี้เอ่ย “ไม่รู้ว่า…สมรสพระราชทานของฮ่องเต้ จวนเยี่ยนอ๋องมีแผนอย่างไรหรือ”
“ซั่นจยาจวิ้นจู่” ซุนเหยียนเอ๋อร์ตกใจ หน้านิ่วคิ้วขมวดมองไปยังจูชูอวี้
จูชูอวี้ยิ้มเจื่อน “คุณหนูซุน สตรีที่เอ่ยถามเช่นนี้เองดูไร้ยางอายก็จริง แต่ตอนนี้ข้าตัวคนเดียวในโยวโจว จะมีวิธีใดได้อีก ไต้เท่าเริ่นและไต้เท้าหยางเกรงว่า…”
หนานกงมั่วเลิกคิ้ว นี่จูชูอวี้กำลังแสดงออกว่าไม่พอใจต่อการละเลยของจวนเยี่ยนอ๋องอย่างนั้นหรือ จูชูอวี้มีตำแหน่งจวิ้นจู่ที่ได้รับแต่งตั้ง แน่นอนว่ามีสิทธ์ที่จะแสดงออกถึงความไม่พึงพอใจ มองจากภายนอกนั้นเหมือนจวนเยี่ยนอ๋องปฏิบัติไม่ถูกนัก ปล่อยสตรีทิ้งเอาไว้ในโรงเตี๊ยม แต่ใครเล่าจะคิดถึงความอึดอัดใจของจวนเยี่ยนอ๋องที่ถูกบีบจากการพระราชทานสมรสครั้งนี้ เจ้าสาวและราชโองการที่ถูกส่งมา ต่างจากการบังคับแต่งงานอย่างไรเล่า
หนานกงมั่วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเนิบช้า “จวิ้นจู่กำลังทำให้ข้าลำบากใจ ข้าเพียงมาดูแลแทนเสด็จป้าเท่านั้น เรื่องของเสด็จป้าและเสด็จลุงเป็นเรื่องที่ข้าคาดการณ์ได้หรือ แต่ว่าจวิ้นจู่วางใจเถิด ในเมื่อจวนเยี่ยนอ๋องรับราชโองการไปแล้ว ไม่มีทางทำสิ่งใดขัดต่อราชโองการแน่ ส่วนอย่างอื่น…คงต้องรอให้พระวรกายของเสด็จป้าดีขึ้นถึงจัดการได้ ขอจวิ้นจู่อภัยด้วย” คงไม่ได้อยากรีบแต่งงานจนถึงขั้นให้พระชายาเยี่ยนอ๋องต้องฝืนร่างกายมาจัดงานแต่งงานให้เจ้าหรอกใช่หรือไม่
จูชูอวี้ฝืนยิ้มออกมา เอ่ย “จวิ้นจู่เข้าใจผิดแล้ว ข้าเพียง…”
“ซั่นจยาจวิ้นจู่” ซุนเหยียนเอ๋อร์เอ่ยขึ้นทันใด มองไปยังจูชูอวี้และเอ่ยเสียงเบา “ซิงเฉิงจวิ้นจู่กล่าวไม่ผิดเลย พวกเรามาถึงโยวโจวกะทันหัน รอเงียบๆ ไปก่อนเถิด คิดว่าเยี่ยนอ๋องและพระชายาเยี่ยนอ๋องเองก็คงมีแผนการ”
จูชูอวี้หงุดหงิดใจ เพื่อนร่วมทางที่ตั้งใจเหน็บแนมก็ทำให้นางเริ่มรำคาญ แต่จะให้เป็นคนโง่ไม่สนใจอันใดเลยก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน หรือว่านางคิดว่าการอยู่ในโรงเตี๊ยมแบบนี้จะน่ามองน่าฟังหรือ ยามนี้บรรดาผู้มีอำนาจในเมืองโยวโจวไม่รู้ว่าหัวเราะเยาะพวกนางไปถึงไหนต่อไปแล้ว
หนานกงมั่วมองจูชูอวี้ ถอนหายใจเบาๆ “จวิ้นจู่คิดมากไปแล้ว เรื่องเหล่านี้จวนเยี่ยนอ๋องจัดการได้อย่างแน่นอน เสด็จลุงและเสด็จป้าชอบลูกสะใภ้ที่ว่านอนสอนง่าย” นี่นับว่าเป็นคำแนะนำ ทว่าจูชูอวี้จะรับเอาไว้หรือไม่ก็ไม่ใช่เรื่องที่หนานกงมั่วจะยุ่งได้
แน่นอนว่าจูชูอวี้ไม่อาจโต้เถียงกับหนานกงมั่วในเวลาเช่นนี้ จึงต้องพยักหน้า เอ่ยว่า “ขอบคุณจวิ้นจู่ที่ชี้แนะ”
หนานกงมั่วพยักหน้า ลุกขึ้น เอ่ย “ข้ายังมีธุระ เกรงว่าคงไม่อาจอยู่กับทั้งสองท่านได้ โปรดอภัยด้วย”
ทั้งสองรีบลุกขึ้นส่งหนานกงมั่ว ยืนอยู่หน้าประตู หนานกงมั่วหันกลับไปยิ้มให้ซุนเหยียนเอ๋อร์ เอ่ย “ผ่านไปอีกสักหน่อย หากมีเวลาว่างเจ้าก็มานั่งเล่นที่เรือนข้าได้ บ้านของข้าคือเรือนชิงมั่วอยู่ไม่ไกลจากจวนเยี่ยนอ๋องนัก” ซุนเหยียนเอ๋อร์พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม แน่นอนอยู่แล้ว”
“ข้าขอตัวลาแล้ว พวกเจ้าส่งเท่านี้ก็พอ”
“จวิ้นจู่เดินทางปลอดภัย”
มองร่างหนานกงมั่วที่เดินนำกลุ่มคนไกลออกไป จูชูอวี้หันกลับไปมองซุนเหยียนเอ๋อร์ถอนหายใจ เอ่ย “คุณหนูซุนและจวิ้นจู่ความสัมพันธ์ดีเพียงนี้ ต่อไปอยู่ในจวนเยี่ยนอ๋องก็คงไม่ลำบาก”
ซุนเหยียนเอ๋อร์ขมวดคิ้ว เอ่ยเสียงเรียบ “ซั่นจยาจวิ้นจู่กล่าวหนักไปแล้ว ซิงเฉิงจวิ้นจู่มีจวนของตนเอง ไหนเลยจะมายุ่งเรื่องในจวนเยี่ยนอ๋องได้ ข้าหวังเพียงว่า…สามารถอยู่ได้อย่างสงบสุขในแต่ละวันเท่านั้น”
จูชูอวี้ยิ้ม “คุณหนูซุนคงไม่รู้ ว่าเยี่ยนอ๋องให้ความสำคัญต่อคุณชายเว่ยมากเพียงใด เกรงว่าฐานะของซิงเฉิงจวิ้นจู่ต่อให้เป็นพระชายาซื่อจื่อก็คงไม่อาจเทียบได้ มิเช่นนั้น คนที่มาวันนี้ควรจะเป็นพระชายาซื่อจื่อไม่ใช่ซิงเฉิงจวิ้นจู่ และไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอันใดกับพระชายาซื่อจื่อหรือไม่”
ซุนเหยียนเอ๋อร์ส่ายศีรษะไร้ซึ่งว่า เอ่ยเสียงเบา “ขอบคุณซั่นจยาจวิ้นจู่ที่แนะนำ ข้าขอกลับห้องไปพักผ่อนก่อนแล้ว”
จูชูอวี้เองก็ไม่ขัดขวางนาง ทำเพียงหัวเราะหยันเบาๆ มองซุนเหยียนเอ๋อร์เดินจากไป ดวงตาฉายแววเย้ยหยันและไม่พอใจ
“จวิ้นจู่ คุณหนูซุนผู้นี้ช่างไม่ให้เกียรติเหลือเกิน” ด้านข้าง สาวใช้ท่าทางอ่อนหวานกระซิบเบาๆ คุณหนูอยากผูกมิตรด้วยความจริงใจ ซุนเหยียนเอ๋อร์กลับมีท่าทีเย็นชาไม่สนใจ ช่างไม่ให้เกียรติกันเลยจริงๆ จูชูอวี้ยิ้มเย็น เอ่ยเสียงเรียบ “เพียงถูกครอบครัวเอาอกเอาใจก็เท่านั้น รอเข้าไปอยู่ในจวนเยี่ยนอ๋องนางจะได้รู้ถึงความยากลำบากเอง”
สาวใช้ยิ้ม เอ่ย “ใช่เจ้าค่ะ ถึงตอนนั้น เกรงว่านางคงต้องมาขอร้องจวิ้นจู่”
จูชูอวี้ถอนหายใจ เอ่ย “จวนเยี่ยนอ๋องนี้…เกรงว่าคงไม่ได้น่าอยู่เพียงนั้น พระชายาเยี่ยนอ๋อง…” พระชายาซื่อจื่อหรือว่าซุนเหยียนเอ๋อร์ไม่ได้อยู่ในสายตาของนาง แต่พระชายาเยี่ยนอ๋องนั้นไม่ให้ความสำคัญไม่ได้ ไม่ต้องเอ่ยถึงชื่อเสียงของพระชายาเยี่ยนอ๋อง เพียงฐานะพระชายาเยี่ยนอ๋องก็ได้เปรียบแล้ว นางไม่เคารพไม่ได้ ยามนี้ภาพลักษณ์ของนางในสายตาของพระชายาเยี่ยนอ๋องแน่นอนว่าไม่ดี ต่อไป…คงต้องใช้ความคิดให้มากขึ้น
“ดูเหมือนซิงเฉิงจวิ้นจู่จะมีความสุขไม่น้อย” สาวใช้คนนั้นอดไม่ได้เอ่ยขึ้น พวกนางคิดว่าซิงเฉิงจวิ้นจู่และคุณชายเว่ยหนีจากจินหลิงมาพึ่งจวนเยี่ยนอ๋อง ต่อให้เยี่ยนอ๋องให้ความสำคัญแต่อย่างไรอยู่ในรั้วของคนอื่นก็คงไม่สบายเหมือนอยู่ในพื้นที่ของตนเอง แต่ตอนนี้ดูแล้ว ซิงเฉิงจวิ้นจู่ยังคงเปล่งประกายพรั่งพราว ดูเหมือนจะอิสระเสียยิ่งกว่าตอนอยู่จินหลิงด้วยซ้ำ
จูชูอวี้ส่งเสียงหยัน “เยี่ยนอ๋องให้ความสำคัญกับเว่ยจวินมั่ว เกรงว่าแม้แต่คุณชายทั้งสามก็ยังเทียบไม่ได้ มิเช่นนั้นซิงเฉิงจวิ้นจู่คงไม่เหมือนปลาได้น้ำเช่นนี้หรอก ไหนเลยจะต้องถูกมัดมือมัดเท้าเหมือนอยู่ในจินหลิง ช่างเถิด ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาอิจฉาซิงเฉิงจวิ้นจู่” ตอนนั้นหากได้แต่งงานกับเว่ยจวินมั่วดังที่ปรารถนา ตอนนี้ไหนเลยจะเกิดเรื่องมากมายเพียงนี้ น่าเสียดาย…นางไม่ได้โชคดีเพียงนั้น อยากได้สิ่งใดก็ต้องดิ้นรนด้วยตนเอง