พระชายาเยี่ยนอ๋องพยักหน้า มองไปยังเซียวเชียนชื่อ เอ่ย “ยามนี้ในจวนกำลังยุ่ง เรื่องของภรรยาเจ้าข้าก็คร้านจะคิดเล็กคิดน้อย ให้นางมาเป็นลูกมือเสด็จอาและพี่สะใภ้ของเจ้าเถิด มีบทเรียนครั้งนี้แล้ว นางก็คงจะรู้ขอบเขตแล้ว หากสร้างเรื่องอีกก็อย่าหาว่าข้าที่เป็นแม่สามีไม่ไว้หน้าพระชายาซื่อจื่อเช่นนาง”
เซียวเชียนชื่อรีบพยักหน้า เอ่ย “ลูกทราบแล้วพ่ะย่ะค่ะ ขอบพระทัยเสด็จแม่ ลูกจะตักเตือนนางให้ดีพ่ะย่ะค่ะ”
พระชายาเยี่ยนอ๋องจึงพยักหน้าพึงพอใจ ถอนหายใจ เอ่ย “เจ้าไม่เคยต้องให้มารดาเป็นห่วง แต่ภรรยาของเจ้าช่วงนี้ช่างเลอะเลือน เห็นอยู่ว่าน้องชายทั้งสองจะแต่งงานแล้ว ให้นางเรียนรู้บ้างว่าการเป็นพี่สะใภ้ควรทำเยี่ยงไร” นึกถึงจูชูอวี้ที่กำลังจะแต่งเข้าเรือน พระชายาเยี่ยนอ๋องก็อึดอัดอยู่ในใจ คนอย่างเฉินซื่อ หากประมือกับซั่นจยาจวิ้นจู่จริงๆ เกรงว่าคงสู้ไม่ได้แม้เพียงปลายเล็บ
หากเป็นเมื่อก่อน พระชายาเยี่ยนอ๋องคงไม่แสดงท่าทีไม่พอใจต่อลูกสะใภ้คนโตเช่นนี้ แต่การกระทำของเฉินซื่อในช่วงนี้ทำให้พระชายาเยี่ยนอ๋องยากจะทนไหวแล้ว หากยังคงให้อภัยดังที่ผ่านมา เกรงว่านางจะนึกว่าความผิดของตนไม่มีค่าพอให้เอ่ยถึง
องค์หญิงฉังผิงยื่นมือไปตบเบาๆ ลงบนหลังมือพระชายาเยี่ยนอ๋อง เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พี่สะใภ้สาม เชียนชื่อเป็นเด็กรู้ความ เขาจำได้แล้ว มีบทเรียนในครั้งนี้ ภรรยาของเชียนชื่อเองก็คงเข้าใจ ท่านรักษาอาการป่วยให้สบายใจเถิด”
พระชายาเยี่ยนอ๋องพยักหน้า ไม่คิดเรื่องรบกวนจิตใจอีก หากถึงวันแต่งงานของบุตรชายทั้งสองแล้วนางยังไม่ดีขึ้น เช่นนั้นคงดูไม่ดีนัก
เดินออกมาจากเรือนพระชายาเยี่ยนอ๋อง เซียวเชียนชื่อเดินตามมาโค้งคำนับให้กับองค์หญิงฉังผิง เอ่ย “เสด็จอา ขอบพระทัยท่านมาก…”
องค์หญิงฉังผิงถอนหายใจ เอ่ยว่า “เด็กดี เสด็จแม่ของเจ้าเองก็ทำเพื่อเจ้า กลับไปแล้วคุยกับเฉินซื่อให้เข้าใจ ครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น เชียนเหว่ยและเชียนจย่งเองอย่างไรก็เป็นพี่น้อง ไม่มีทางห่างเหินกับเจ้าเพราะเรื่องนี้หรอก” หลายวันมานี้องค์หญิงฉังผิงพักอยู่ในจวนเยี่ยนอ๋อง ไยจะดูไม่ออกว่าบรรยากาศระหว่างสามพี่น้องนั้นกระอักกระอ่วน เอ่ยถึงตรงนี้ก็เพราะเฉินซื่อเป็นคนทำ เซียวเชียนจย่งดีใจหรือโกรธล้วนปรากฏบนใบหน้า ยังพูดง่ายสักหน่อย ส่วนเซียวเชียนเหว่ยเช่นนี้ดูไม่มีอันใดไม่พอใจ แต่ก็ไม่อาจพูดได้ ทว่าเมื่อพี่น้องต้องพูดคุยกันกลับเกิดความห่างเหินขึ้นมา เซียวเชียนชื่อเองก็จนปัญญา ความสัมพันธ์ของเขากับน้องชายทั้งสองเดิมทีก็ไม่ได้ดีมากนัก ครั้งนี้ภรรยาของตนทำผิดต่อน้องชายทั้งสอง เขาเอ่ยสิ่งใดได้เล่า
“พ่ะย่ะค่ะ เสด็จอา กระหม่อมขอตัวลาแล้ว”
“ไปเถิด”
มองตามทิศทางเซียวเชียนชื่อเดินจากไป เว่ยจวินมั่วขมวดคิ้วบางๆ เอ่ย “เสด็จแม่ เชียนชื่อเขาเป็นอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ” พวกเขาพึ่งกลับมาถึงเมื่อคืนวาน เช้าวันนี้คนหนึ่งถูกพระชายาเยี่ยนอ๋องสั่งให้ออกไปด้านนอก อีกคนก็ถูกเยี่ยนอ๋องเรียกเข้าพบในห้องหนังสือ ยังไม่เข้าใจเรื่องราวในจวนเยี่ยนอ๋อง
องค์หญิงฉังผิงถอนหายใจ เอ่ย “ไม่มีเรื่องใหญ่อันใด เพียงแต่เรื่องราวมาถึงขั้นนี้ เชียนชื่อจึงรู้สึกผิดต่อน้องชายทั้งสองเพียงเท่านั้น” หากบอกว่าเซียวเชียนเหว่ยและเซียวเชียนจย่งไม่รู้สึกขุ่นเคืองต่อเรื่องราวครั้งนี้เลยสักนิด ใครก็ไม่เชื่อ เพียงแต่นอกจากเซียวเชียนจย่งพี่น้องทั้งสองยังอดทนได้ ไม่ยอมเอ่ยอันใด เรื่องระหว่างพี่น้องหากมีสิ่งใดไม่พอใจเอ่ยออกมาและต่อยตีสักครั้งยังดี หากเก็บเอาไว้ไม่พูดเกรงว่าต่อไปจะเก็บจนเกิดเรื่องขึ้นได้
หนานกงมั่วประคององค์หญิงฉังผิง เอ่ยด้วยรอยยิ้มบาง “เสด็จแม่เองก็ไม่ต้องกังวลอันใดมาก เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นไปตามที่มันควรจะเป็นเถิดเพคะ”
องค์หญิงฉังผิงพยักหน้า เอ่ย “คงต้องเป็นเช่นนั้น เมื่อก่อนเห็นท่าทีซุกซนของเชียนจย่งแล้วข้ารู้สึกปวดหัว ตอนนี้กลับรู้สึกว่าเชียนจย่งเป็นแบบนั้นคงจะดีกว่า ช่างเถิด จัดการพิธีแต่งงานให้เรียบร้อยก่อนค่อยว่ากัน เสียเวลาต่อกองทัพของจวินเอ๋อร์ไม่เป็นไรใช่หรือไม่”
เว่ยจวินมั่วส่ายหน้า หนานกงมั่วทำได้เพียงกลอกตาเอ่ยเสริม “เสด็จแม่วางใจ ตอนนี้จวินมั่วเป็นเพียงผู้บังคับการเล็กๆ เรื่องใหญ่ในกองทัพไม่เกี่ยวอันใดกับเขาหรอกเพคะ หน้าที่ของเขาสามารถฝากให้ผู้ช่วยดูแลได้ ต่อให้เกิดเรื่องจริงๆ กองทัพกับโยวโจวก็ห่างกันเพียงเจ็ดแปดชั่วยามเองเพคะ กลับไปก็ไม่ใช่เรื่องยากอันใด”
“เช่นนั้นก็ดี”
ในเมื่อพระชายาเยี่ยนอ๋องบอกว่าจะจัดพิธีสมรสในวันที่หนึ่งเดือนหน้า แน่นอนว่าเพียงครึ่งเค่อก็ไม่อาจเลื่อนออกไปได้ คนในจวนเยี่ยนอ๋องหรือแม้แต่เมืองโยวโจวต่างก็วุ่นวายขึ้นมา เมืองโยวโจวไม่ได้มีร้านค้ามากมายเหมือนในจินหลิง บุตรชายเชื้อสายหลักทั้งสองของเยี่ยนอ๋องจะแต่งงานนับว่าเป็นเรื่องใหญ่ที่นานๆ ทีจะมีให้เห็น ร้านค้าต่างๆ พยายามอย่างยิ่งเพื่อผูกมิตรกับจวนเยี่ยนอ๋องจนหัวจะชนกันอยู่แล้ว ฝั่งขบวนส่งตัวเจ้าสาวเองก็ไม่มีเวลา เซียวเชียนเยี่ยรีบส่งสินเจ้าสาวและตัวเจ้าสาวมาพร้อมกับราชโองการ สินเจ้าสาวของทั้งสองคนแน่นอนว่ามีค่าและสะดวกในการหยิบจับ ของชิ้นใหญ่ต่างๆ ต้องมาจัดสร้างที่โยวโจว เพราะพิธีแต่งงานสองงาน จึงทำให้เมืองโยวโจวครึกครึ้นขึ้นมามากทีเดียว
ในเรือนองค์หญิงฉังผิง พ่อบ้านจวนเยี่ยนอ๋องเข้าๆ ออกๆ เพื่อรายงานเรื่องจุกจิกต่างๆ หนานกงมั่วนั่งฟังอยู่ด้านหลังโต๊ะหนังสือ พลิกเปิดสมุดบัญชีไปมาอยู่บ่อยครั้ง อ่านอย่างรวดเร็ว ความสามารถในการอ่านผ่านตาครั้งเดียวก็จำได้ทำให้หลายคนตกใจไม่เบา มองฮูหยินน้อยที่องค์หญิงฉังผิงรักราวกับบุตรีที่คลอดออกมาเองที่นั่งอยู่ด้วยสีหน้านิ่งสงบ ตรงหน้ามีบัญชีเรื่องจุกจิกมีรายละเอียดมากมายที่แม้แต่สตรีที่ดูแลจัดการบ้านมากี่สิบปียังต้องปวดหัว ท่าทางนิ่งสงบดูไม่สะทกสะท้านนั้นทำให้พ่อบ้านทั้งหลายที่มารายงานรู้สึกนับถือไม่น้อย
ตรงกันข้ามองค์หญิงฉังผิงกำลังนั่งดื่มชาเงียบๆ อยู่ด้านข้าง ใบหน้างดงามเต็มไปด้วยความสุขและอิ่มอกอิ่มใจ เฉินซื่อนั่งเงียบอยู่ด้านข้าง นอกจากหนานกงมั่วเอ่ยถามมิเช่นนั้นนางก็ไม่กล้าเอ่ยปาก เรื่องในครั้งนี้นับเป็นการดึงสติเฉินซื่อกลับมาเล็กน้อย แม้ว่านางจะแต่งเข้ามาในเชื้อพระวงศ์และกลายเป็นพระชายาซื่อจื่อ แต่อยู่ในจวนเยี่ยนอ๋อง หากพระชายาเยี่ยนอ๋องไม่พอใจนางอย่าได้หวังว่าจะมีชีวิตที่ดี
โบกปัดสั่งให้พ่อบ้านคนสุดท้ายออกไป หนานกงมั่วขยับร่างกายเล็กน้อยพ่นลมหายใจออกมายาวๆ เห็นเช่นนั้น องค์หญิงฉังผิงก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ รินน้ำชาหนึ่งถ้วยและยื่นให้ เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ลำบากอู๋สยาแล้ว รีบดื่มชาสักถ้วยและพักผ่อนเสียหน่อย โชคดีที่มีเจ้าอยู่ เรื่องราวมากมายเพียงนี้ให้เวลาข้าสองวันข้าก็ทำไม่เสร็จ”
หนานกงมั่วยิ้มบาง “เสด็จแม่กล่าวหนักไปแล้วเพคะ ไม่ได้เหนื่อยมากเพียงแต่ยุ่งยากสักหน่อย ผ่านวันนี้แล้วหม่อมฉันถึงได้รู้ว่าเสด็จป้าและเสด็จแม่ลำบากมากเพียงใด” สตรีสูงศักดิ์เหล่านี้ไม่ใช่เพียงนั่งดื่มชาอยู่บ้าน ชมนกชมไม้ แต่งตัวสวยและเอาอกเอาใจไปวันๆ เท่านั้นจริงๆ
องค์หญิงฉังผิงเอ่ย “เจ้าทำได้ดีมาก สมัยข้ายังเยาว์ไม่อาจจัดการเป็นระเบียบเช่นเจ้าด้วยซ้ำ
หนานกงมั่วเอนตัวพิงเก้าอี้ท่าทางเกียจคร้าน เอ่ย “ข้าวของจำเป็นที่ต้องใช้ในพิธีส่วนใหญ่ซื้อครบแล้ว เรือนของเชียนเหว่ยและเชียนจย่งให้คนจัดการทำความสะอาด เทียบเชิญนั้นต้องให้เสด็จลุงและเสด็จป้าตัดสินใจด้วยพระองค์เอง พวกเราก็นับว่าได้หายใจหายคอแล้วเพคะ” กลับมาโยวโจวหลายวันมานี้ ลำบากเสียยิ่งกว่าอยู่ในกองทัพเสียอีก
องค์หญิงฉังผิงพยักหน้าเอ่ย “ห่างจากวันพิธีเพียงไม่กี่วัน โชคดีที่ยังทัน”
“เสด็จแม่” เว่ยจวินมั่วเดินเข้ามาจากด้านนอก ถวายพระพรต่อองค์หญิงฉังผิงด้วยท่าทีนอบน้อม องค์หญิงฉังผิงยิ้ม เอ่ย “มารับอู๋สยาหรือ เสด็จลุงของเจ้ายอมปล่อยเจ้าออกมาแล้วหรือ ไม่รู้พวกเจ้าเอาเรื่องพูดคุยกันมาจากไหนมากมายเพียงนี้ โยนธุระมาให้อู๋สยา ไม่กลัวภรรยาเจ้าจะเหนื่อยหรือ”