“ขอบคุณฮูหยินน้อยมาก ได้ยินท่านบอกเช่นนี้ ท่านแม่และพี่สาวของข้าก็วางใจแล้ว” เซวียอวิ๋นอวินกำลังจะแต่งออกเรือนไปแล้ว จะไม่ให้เป็นห่วงพี่ชายที่พึ่งเข้าไปอยู่ในกองทัพได้อย่างไร
หนานกงมั่วยิ้ม เอ่ย “เรื่องเล็กน้อย อีกไม่กี่วันพวกเราจะกลับไปแล้ว หากเจ้าอยากฝากสิ่งใดไปให้คุณชายเซวีย…”
“ขอบคุณฮูหยินน้อย ท่านช่างเป็นคนดีมากจริงๆ” เซวียเสียวเสี่ยวดีใจพลางเอ่ยขึ้น สายตาที่มองไปยังหนานกงมั่วเปล่งประกายและเต็มไปด้วยความสุขและสนิทสนม
“ได้ยินมาว่าพิธีสมรสของคุณหนูเซวียจะถูกจัดขึ้นในเดือนแปดหรือ” หนานกงมั่วหันกลับไปหาเซวียอวิ๋นอวิน เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม เดือนหกเดือนเจ็ดไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการแต่งงาน เพียงแต่จวนเยี่ยนอ๋องไม่มีทางเลือก ตระกูลเซวียจะส่งบุตรีไปแต่งยังต่างเมือง แน่นอนคงไม่ฉุกละหุกเยี่ยงนี้
ใบหน้าของเซวียอวิ๋นอวินแดงระเรื่อ พยักหน้าเบาๆ
บรรยากาศพลันกระอักกระอ่วนขึ้นมา หนานกงมั่วถอนหายใจอย่างจนปัญญา แต่ในเมื่อได้เจอกันแล้ว เรื่องนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจปล่อยผ่าน ไม่ถามเลยไม่ได้จริงๆ เกรงว่าคนตระกูลเซวียเองยิ่งจะทำตัวไม่ถูก เซวียเจินเรียกได้ว่าภักดีต่อเยี่ยนอ๋อง ตลอดหลายปีมานี้มีผลงานโดดเด่น ต้องมาเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้โดยไม่มีวี่แววมาก่อน ตระกูลเซวียจัดการเรื่องทั้งหมดด้วยตนเอง อีกทั้งยังน้อมรับความผิดเอาไว้ที่ตนเองเพื่อให้จวนเยี่ยนอ๋องได้มีทางลงได้ ไม่ว่าอย่างไรจวนเยี่ยนอ๋องก็ต้องแสดงท่าทีออกมาเพื่อไม่ให้เป็นปมในใจแก่ขุนนาง
หนานกงมั่วยิ้มบาง เอ่ย “น่าเสียที่ถึงเวลานั้นข้าอาจไม่ได้อยู่ที่โยวโจว ไม่อาจมาร่วมยินดีกับคุณหนูเซวียได้ แต่ว่าเสด็จแม่จะต้องมาร่วมยินดีอย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นแน่นอนว่าคุณชายเซวียเองก็คงกลับมาเพื่อส่งน้องสาวด้วย”
เซวียอวิ๋นอวินชะงัก ใบหน้าแสดงความยินดีออกมา แม้ว่าเรื่องนี้ตระกูลเซวียเป็นฝ่ายเอ่ยปากถอนหมั้นก่อนนับว่าเป็นการให้ทางลงแก่จวนเยี่ยนอ๋อง แต่เหตุผลที่แท้จริงก็เพราะพวกเขาไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้ก็เท่านั้น เซวียอวิ๋นอวินรู้ตัวว่าตนเองเป็นเพียงสตรีธรรมดา ในเมื่อพระชายาซื่อจื่อแสดงออกมาว่าไม่ชอบตนเอง แล้วไยต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย พวกตนถอนหมั้นก่อน จวนเยี่ยนอ๋องมีความผิดอยู่แน่นอนว่าไม่กล้าว่าอันใด แต่อย่างไรก็ยังกังวลว่าพระชายาเยี่ยนอ๋องจะไม่พอใจ ยามนี้หนานกงมั่วเอ่ยเช่นนี้ นั่นหมายความว่าจวนเยี่ยนอ๋องไม่ได้สนใจเรื่องนี้
แม้หนานกงมั่วจะมิใช่เจ้านายจวนเยี่ยนอ๋องอย่างเป็นทางการ แต่ใครบ้างไม่รู้ว่าเยี่ยนอ๋องให้ความสำคัญกับคุณชายเว่ยและเว่ยฮูหยินน้อยยิ่งกว่าซื่อจื่อและพระชายาซื่อจื่อด้วยซ้ำ อย่างไรเสีย คุณชายทั้งสามแห่งจวนเยี่ยนอ๋องยังไม่มีใครเข้ามายุ่งกับกองทัพ คุณชายเว่ยและเว่ยฮูหยินน้อยกลับได้เข้าไปอยู่ในกองทัพแล้ว คุณชายตระกูลแม่ทัพหลายคนก็ไปอยู่ภายใต้บังคับบัญชาของคุณชายเว่ย ตระกูลเซวียเองก็ไม่ต่าง หลายวันมานี้เรื่องราวในจวนเยี่ยนอ๋องมีเว่ยฮูหยินเป็นคนจัดการ สิ่งที่นางเอ่ยเกรงว่าคงมีผลเสียยิ่งกว่าพระชายาซื่อจื่อเสียอีก
เซวียอวิ๋นอวินพยักหน้าเบาๆ ยิ้มพลางเอ่ยว่า “ขอบคุณฮูหยินน้อยเจ้าค่ะ”
หนานกงมั่วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เกรงใจแล้ว”
เซวียเสียวเสี่ยวหันมองทั้งสองคน เอ่ย “ไม่รู้ว่าพระชายาผู้นั้นในจวนของพวกท่านตอนนี้จะดีใจหรือไม่”
“เสียวเสี่ยว” เซวียอวิ๋นอวินขมวดคิ้ว ส่งเสียงปรามเบาๆ เซวียเสียวเสี่ยวเบ้ปาก เอ่ย “ก็จริงนี่ นางไม่ชอบพี่ใหญ่ ตอนนี้นางมีจวิ้นจู่มาเป็นน้องสะใภ้ของนางแล้ว นางคงจะดีใจเป็นแน่” แม้เฉินซื่อจะมีฐานะเป็นพระชายาซื่อจื่อ แต่ฐานะของจูชูอวี้นั้นเป็นจวิ้นจู่ แน่นอนก็อยู่สูงกว่าเฉินซื่อ เมื่อคิดถึงตรงนี้ เซวียเสียวเสี่ยวก็รู้สึกสนุกสนานกับการแต่งงานในครั้งนี้ขึ้นมา เจ้ากลัวว่าพี่สาวข้าจะไปกดเจ้าจึงทำลายชื่อเสียงของนาง ตอนนี้มีจวิ้นจู่มาแทนเป็นเยี่ยงไรเล่า
เซวียอวิ๋นอวินมองหนานกงมั่วอย่างจนใจ เอ่ย “ฮูหยินน้อย เสียวเสี่ยวไม่รู้จักกาลเทศะ โปรดให้อภัยด้วยเจ้าค่ะ”
หนานกงมั่วส่ายหน้าบอกว่าไม่เป็นไร เซวียเสียวเสี่ยวทำใบหน้าล้อเลียนพี่สาวของตนอย่างได้ใจ
“จวิ้นจู่” ห่างออกไปไม่ไกลมีเสียงคุ้นเคยดังขึ้น หนานกงมั่วเงยหน้าขึ้นไปมองเห็นจูชูอวี้และซุนเหยียนเอ๋อร์ ติดตามมาด้วยสาวใช้อีกไม่กี่คนเดินเข้ามา สีหน้าของซุนเหยียนเอ๋อร์ไม่ดีนัก ก้มหน้าไม่เอ่ยวาจา ได้ยินเสียงจูชูอวี้จึงเงยหน้าขึ้นมามอง เห็นหนานกงมั่วจึงชะงักไป
หนานกงมั่วเลิกคิ้ว “ซั่นจยาจวิ้นจู่”
เซวียเสียวเสี่ยวเบิกตาโต มองไปยังพี่สาวของตนอย่างลังเลเมื่อเห็นว่าสีหน้าของนางยังคงเรียนนิ่งจึงวางใจ นางเองก็ไม่คิดว่าได้เจอฮูหยินน้อยจึงลากพี่สาวเข้ามาถามไถ่ข่าวคราวของพี่ชาย กลับต้องมาเจอซั่นจยาจวิ้นจู่ที่ได้รับพระราชทานสมรสแก่คุณชายรองจวนเยี่ยนอ๋อง จะว่าไปตอนนี้พวกนางไม่เกี่ยวข้องอันใดกับจวนเยี่ยนอ๋อง แต่อย่างไรเซวียอวิ๋นอวินก็เคยเป็นคู่หมั้นของเซียวเชียนเหว่ย คิดถึงตรงนี้เซียวเสียวเสียวคิดว่าควรขอบคุณการกระทำของเฉินซื่อ มิเช่นนั้นรอซั่นจยาจวิ้นจู่ผู้นี้มาถึงโยวโจวแล้วพวกตนจะทำเช่นไร หรือจะให้พี่สาวใช้สามีร่วมกันกับซั่นจยาจวิ้นจู่หรือ
เพียงแต่ตอนนี้อดีตคู่หมั้นและคู่หมั้นในตอนนี้มาอยู่ด้วยกัน…ทำให้คนรู้สึกทำตัวไม่ถูกอยู่บ้าง
จูชูอวี้เดินเข้ามา เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่คิดเลยว่าจะบังเอิญเพียงนี้ ได้มาเจอซิงเฉิงจวิ้นจู่อยู่ที่นี่”
เซวียเสียวเสี่ยวส่งเสียงหยัน บังเอิญที่ไหนกันเล่า ไยนางจึงไม่เคยรู้มาก่อนว่าสตรีจินหลิงมีความยับยั้งชั่งใจน้อยกว่าสตรีโยวโจว จะแต่งงานอยู่แล้วยังออกมาเดินไปทั่วเยี่ยงนี้ได้หรือ
ได้ยินเสียงหยัน สายตาของจูชูอวี้มองไปยังสองพี่น้อง เอ่ยด้วยท่าทีสงสัย เอ่ย “สองท่านนี้คือ”
หนานกงมั่วหลุบตาลง เอ่ยเสียงเรียบ “นี่คือคุณหนูทั้งสองของตระกูลเซวีย บังเอิญเจอจึงได้มานั่งพูดคุยกัน” แน่นอนว่านางไม่เชื่อว่าคนเจ้าแผนการอย่างจูชูอวี้จะไม่รู้จักคุณหนูตระกูลเซวียทั้งสอง แต่เวลานี้ก็ไม่อาจหักหน้าได้ จูชูอวี้ยังคงยิ้มหวาน เอ่ย “ที่แท้ก็เป็นคุณหนูใหญ่เซวียและคุณหนูรองเซวียนี่เอง”
“คารวะซั่นจยาจวิ้นจู่” เซวียอวิ๋นอวินคว้าจับน้องสาวเอาไว้ คารวะจูชูอวี้พร้อมกัน จูชูอวี้รีบรับการคารวะจากทั้งสอง เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้ากับคุณหนูซุนเองเพียงออกมาเดินเล่น ไม่คิดว่าจะได้เจอกับจวิ้นจู่และคุณหนูทั้งสอง คงไม่ได้รบกวนพวกท่านใช่หรือไม่” หนานกงมั่วยิ้ม เอ่ย “แน่นอนว่าไม่ ทั้งสองเชิญนั่ง”
เดิมโต๊ะที่นั่งสามคนยามนี้ถูกเพิ่มขึ้นมาอีกสองคน เห็นได้ชัดว่าเริ่มเบียดกันขึ้นมา จูชูอวี้ทำราวกับมองไม่เห็นสีหน้าแปลกประหลาดของเซวียเสียวเสี่ยว ยังคงพูดคุยกับหนานกงมั่วและเซวียอวิ๋นอวินโดยไม่รู้ร้อนรู้หนาว พูดคุยกันอีกไม่กี่ประโยค เซวียอวิ๋นอวินจึงลุกขึ้นและเอ่ยกับหนานกงมั่ว “จวิ้นจู่ ที่บ้านเรายังมีธุระ คงต้องขอตัวก่อนแล้วเจ้าค่ะ”
หนานกงมั่วพยักหน้า เอ่ย “ไม่เป็นไร ต่อไปเมื่อมีเวลาค่อยคุยกัน หากเซวียฮูหยินต้องการฝากของสิ่งใดให้คุณชายเซวีย ให้คนส่งไปที่เรือนชิงมั่วเป็นพอ” เซวียอวิ๋นอวินพ่นลมหายใจออกมา ไม่สนใจว่าเซวียเสียวเสี่ยวกำลังต่อต้านรีบคว้าดึงน้องสาวลุกขึ้นแล้วเอ่ยลาทันที
มองสองพี่น้องตระกูลเซวียเดินลงบันไดไป จูชูอวี้จึงเอ่ยด้วยรอยยิ้มบาง “ดูเหมือนพวกเราจะมารบกวนจวิ้นจู่และคุณหนูตระกูลเซวียทั้งสองแล้ว”
หนานกงมั่วหลุบตาไม่เอ่ยปาก ดวงตาของจูชูอวี้ไหววูบ เกิดความโกรธขึ้นมาในใจ นางรู้ว่าหนานกงมั่วไม่ชอบตนเอง แต่มีคนทั่วไปภายนอกอยู่ก็ต้องฝืนเอาไว้เสมอ ทว่าหนานกงมั่วกลับไม่ไว้หน้าตนต่อหน้าซุนเหยียนเอ๋อร์ เพียงแต่นางรู้ดีว่าหากตนเองอยากมีชีวิตมั่นคงอยู่ในโยวโจว ก็ไม่อาจทำให้หนานกงมั่วต้องขุ่นเคือง จำต้องอดทนเอาไว้
หนานกงมั่วยื่นมือออกไปรินชาให้ทั้งคู่ วางลงไปตรงหน้าซุนเหยียนเอ๋อร์ เอ่ยถามว่า “เหยียนเอ๋อร์ พวกเจ้าออกมามีเรื่องอันใดหรือ” โดยทั่วไปแล้วสตรีที่ใกล้จะออกเรือนต้องอยู่ในบ้านไม่อนุญาตให้ออกมาด้านนอก ธรรมเนียมนี้เหนือใต้ล้วนเหมือนกัน ดังนั้นมองเห็นทั้งสองออกมาอยู่ที่นี่ เซวียเสียวเสี่ยวจึงมีสีหน้าแปลกประหลาดเช่นนั้น