กล่องสุดท้าย กลับเป็นดาบหนึ่งเล่ม หนานกงมั่วตกใจเล็กน้อย นั่นคือดาบหงหมิงที่พวกเขาได้มาจากจิ่นโจว หนานกงมั่วมีความสนใจต่อดาบแบบนี้ไม่มากนัก เดิมก็ยกให้เว่ยจวินมั่วเป็นคนจัดการ ไม่รู้ว่าเว่ยจวินมั่วเอาไปทำอันใด เดิมทีคิดว่าคงจะมอบให้แก่เยี่ยนอ๋อง แต่ไม่คิดว่าจะมาเจออยู่ที่นี่
อาจารย์อาเองก็ชะงักนิ่ง “นี่คือดาบหงหมิงหรือ”
แม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนใช้ดาบ แต่เมื่อวรยุทธ์มาถึงระดับหนึ่งแล้วจะใช้อาวุธใดก็ไม่เป็นปัญหา และคนที่มีวรยุทธ์ เมื่อเอ่ยถึงดาบหงหมิงที่เป็นสมบัติล้ำค่าเทียบได้กับกระบี่เซวียนหยวนที่ไม่รู้ว่าหายไปอยู่ที่ใด ยากนักที่จะไม่ตื่นเต้นขึ้นมา ต่อให้เป็นจอมยุทธ์ผู้มีวรยุทธ์สูงส่งและละจากทางโลกก็ตาม
เว่ยจวินมั่วพยักหน้าเบาๆ “ขอรับ”
อาจารย์อาเลิกคิ้ว มองสำรวจเว่ยจวินมั่ว เอ่ย “เจ้าเด็กคนนี้ น่าสนใจ” แน่นอนว่าเขาเคยเห็นกระบี่ของเว่ยจวินมั่ว แม้กระบี่จื่อเซียวของเว่ยจวินมั่วจะเป็นกระบี่ที่ดี แต่เมื่อเทียบกับดาบหงหมิงแล้วยังห่างไกลอยู่มาก ไม่แน่ว่ากระบี่ชิงหมิงที่หนานกงมั่วได้มาจากมือของจินผิงอี้ก็ไม่อาจเทียบได้ ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ อาจารย์อาจึงเอ่ยว่า “ข้าเองจะไม่เอาเปรียบเจ้า เอาไป” หยิบบางสิ่งออกมา กระบี่อ่อนที่เดิมอยู่ในมือของเขาถูกโยนไปอยู่ในมือของเว่ยจวินมั่ว เว่ยจวินมั่วคว้าเอาไว้และพินิจดู กระบี่ที่มีแสงสีครามจางๆ ตัวกระบี่ถูกสลักลวดลายซับซ้อน แต่กลับไม่ได้ให้ความรู้สึกรกรุงรัง กระบี่มีชิ้นอัญมณีสีม่วงฝังอยู่หนึ่งเม็ด เพื่อให้จิตใจเกิดความสงบ
เว่ยจวินมั่วเงียบไปชั่วครู่ เอ่ย “นี่คือ…ซือกุยหรือขอรับ”
“สายตาไม่เลว”
กระบี่เล่มนี้ไม่ได้มีชื่อเสียงตกทอดกันมา แต่ถูกตีขึ้นมาโดยตระกูลที่มีชื่อเสียงเมื่อสองร้อยปีก่อน กระบี่อ่อนเดิมทีก็ไม่ใช่อาวุธที่ใช้ในสงคราม ฝึกยากและยิ่งกว่านั้นคือใช้ได้ยากยิ่ง กระบี่อ่อนที่ยังสืบทอดกันมาได้จึงมีไม่มากนัก กระบี่อ่อนซือกุยเล่มนี้ยังเป็นของขั้นสูงอีกด้วย ไม่เพียงชื่อที่มีกลิ่นไอของความลุ่มหลง กระบี่เล่มนี้ยังควบคุมยากเสียยิ่งกว่ากระบี่จื่อเซียวของเว่ยจวินมั่ว หากไม่ใช่เพราะเว่ยจวินมั่วมีวรยุทธ์ถึงระดับ กระบี่เล่มนี้ต่อให้อาจารย์อามอบให้เขาก็ไม่อาจใช้ได้อยู่ดี อย่างน้อยหนานกงมั่วและคุณชายเสียนเกอก็ไม่มีทางใช้กระบี่เล่มนี้ได้อย่างแน่นอน
เว่ยจวินมั่วไม่ปฏิเสธ รับเอาไว้ “ขอบคุณอาจารย์อา”
รับของเขามามือไม้พลันอ่อน รับของขวัญชิ้นใหญ่จากเขา แน่นอนว่าไม่กล้าหาเรื่องจับผิดเขาอีก แม้ว่าชายชราจะโกรธศิษย์เขยผู้นี้มากเพียงใดก็ตาม แต่เห็นท่าทางเขากอดของเอาไว้ในอ้อมแขนแน่นก็รู้แล้วว่าเขาพึงพอใจต่อของขวัญมากเพียงใด เมื่อเข้ามาในเรือน หนานกงมั่วมองสำรวจเรือนธรรมดาทว่าข้าวของเครื่องใช้ครบครัน เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ดูเหมือนจะไม่เลว อาจารย์และอาจารย์อาชอบข้าก็วางใจ ศิษย์พี่พักที่ไหนเล่า” คุณชายเสียนเกอชี้ไปยังตำแหน่งหลังภูเขา เอ่ยตอบ “เรือนทางโค้งด้านข้างเก็บไว้ให้พวกเจ้าสองคน ยังมีเรือนใกล้ๆ อีกหลายเรือน คิดว่าคงเก็บไว้ให้คนจวนเยี่ยนอ๋องไม่กี่คนนั้นหรือไม่”
หนานกงมั่วพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม เอ่ย “วางแผนเอาไว้เช่นนั้น แต่ว่าช่วงนี้นอกจากเสด็จแม่แล้ว เสด็จลุงและเสด็จป้าคงไม่มีเวลาว่างมาอยู่แล้ว” คนจวนเยี่ยนอ๋องแน่นอนว่าไม่อาจลืมได้ ทว่าหนานกงมั่วและเว่ยจวินมั่วเองก็มิใช่คนร่ำรวยที่ใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย เพียงสร้างเรือนไว้ให้เยี่ยนอ๋องและพระชายาเยี่ยนอ๋องสักหลังเท่านั้น ส่วนเซียวเชียนชื่อสามพี่น้องตอนนี้ยังไม่ต้องคิดไตร่ตรองถึงเรื่องเหล่านี้
อาจารย์อาพยักหน้า เอ่ย “พวกเจ้ารอบคอบมาก เช่นนี้ก็ดีมากแล้ว”
เพียงลูกศิษย์นึกถึงตน เท่านี้พวกเขาก็มีความสุขแล้ว แต่คนของฝั่งแม่สามีเองก็ต้องดูแลให้ดี อย่างไรช่วงนี้หนานกงมั่วก็ต้องอยู่กับแม่สามีและคนจวนเยี่ยนอ๋อง พวกเขาเองก็เคยได้ยินถึงเรื่องท่าทีขององค์หญิงฉังผิงที่มีต่อหนานกงมั่ว ในฐานะองค์หญิง การมีเมตตาใจดีต่อลูกสะใภ้เช่นนี้ ไม่เอ่ยไม่ได้เลยว่าลูกศิษย์นั้นมีโชคไม่เลวทีเดียว
หนานกงมั่วยิ้มบาง พยักหน้า
ทุกคนเดินเข้าไปนั่งในเรือน อาจารย์อาเอ่ยถาม “หลังจากนี้พวกเจ้าคิดจะอยู่ในกองทัพอย่างนั้นหรือ”
หนานกงมั่วพยักหน้า “ตอนนี้คงจะเป็นเช่นนั้นเจ้าค่ะ” อาจารย์อาเลิกคิ้ว “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเจ้าจะสร้างที่แห่งนี้ให้มีพื้นที่ใหญ่โตเช่นนี้ไปเพื่ออันใดกัน ข้าได้ยินมาว่าในกองทัพเจ้ายังฝึกหมอประจำกองทัพไว้จำนวนไม่น้อยหรือ” หนานกงมั่วยิ้มออกมาโดยไม่อาจห้ามได้ เอ่ย “มิใช่ยังมีอาจารย์และอาจารย์อาหรือเจ้าคะ หมอประจำกองทัพไหนเลยจะฝึกฝนออกมาได้ง่ายเพียงนั้น เพียงสอนความรู้ขั้นต้นง่ายๆ เท่านั้นเจ้าค่ะ” อาจารย์อาเอ่ย “การเรียนวิชาการแพทย์เดิมก็ไม่อาจรีบเร่ง เจ้ามีแผนการอยู่ในใจก็ดี เรื่องที่นี่ เจ้าอย่าได้มาตามกับข้า ไปตามกับอาจารย์และศิษย์พี่ของเจ้าเถิด” เขาคงทำได้เพียงเออออก็เท่านั้น
หนานกงมั่วขยี้ดวงตา จ้องมองศิษย์พี่ของตนกะพริบตาปริบ อาจารย์นั้นไม่อาจพึ่งได้ คาดหวังกับเขาหรือก็ช่างเถิด เมื่อเป็นเช่นนั้น คุณชายเสียนเกอยังไม่ทันตอบก็ได้ยินเสียงชายชราเอ่ยขึ้นด้วยความตื่นเต้น “ศิษย์รัก กองทัพพวกเจ้าขาดหมอหรือ อาจารย์ไปเป็นหมอประจำกองทัพบ้างเป็นเยี่ยงไร เจ้าว่าข้าเหมาะจะเป็นขุนนางขั้นใด ขั้นหนึ่งพอหรือไม่”
ไม่ว่าจะเป็นหมอประจำกองทัพหรือหมอส่วนพระองค์ ต่างก็ไม่เคยมีขั้นหนึ่งมาก่อน
หนานกงมั่วทำราวกับไม่ได้ยิน เอ่ย “ศิษย์พี่”
คุณชายเสียนเกอถอนหายใจอย่างจนใจ เอ่ย “อยู่ที่ของเจ้าแล้ว แน่นอนว่าจะอยู่เฉยๆ ไม่ได้ เด็กเยี่ยงเจ้าไม่ทำกิจการนั่นคงแปลกแล้ว”
หนานกงมั่วรู้ว่าเขาตอบรับแล้ว เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ที่นี่เดิมทีมีคนดูแล ศิษย์พี่ไม่ต้องใส่ใจอันใดมาก เพียงแต่มีบางอย่างเกี่ยวกับการแพทย์ที่พวกเขาไม่รู้เพียงเท่านั้น หากสอนความรู้วิชาการแพทย์เล็กๆ น้อยๆ ได้ก็ยิ่งดี”
คุณชายเสียนเกอเหลือบตามองนางเล็กน้อย หันกลับไปหาเว่ยจวินมั่ว เอ่ย “เรื่องในบ้านของพวกเจ้ามีมั่วเอ๋อร์ตัดสินใจอย่างนั้นหรือ”
เว่ยจวินมั่วตวัดสายตาขึ้นมา “อู๋สยาเป็นภรรยาของข้า”
ไม่ช้าก็เร็วเจ้าจะกลายเป็นทาสของภรรยา
เขาชุ่ยเวยเป็นสถานที่ที่ไม่เลวเลยจริงๆ เพราะมีน้ำพุร้อนคอยเลี้ยงสภาพแวดล้อมบนเขาจึงไม่เหมือนโยวโจวที่แห้งแล้ง ทิวทัศน์ก็งดงามอย่างหาได้ยาก แม้ว่าอาจารย์และอาจารย์อาจะเลือกเรือนที่ดีที่สุดไปแล้ว แต่ความจริงแล้วทั่วทั้งเขาล้วนไม่เลว ไม่เพียงเขาชุ่ยเวยกว้างใหญ่แห่งนี้ คิดอยากหาสถานที่สร้างบ้านสักหลังก็มิใช่เรื่องยาก ทั่วทุกพื้นที่หนานกงมั่วสั่งให้คนปรับหน้าดินเรียบร้อยแล้ว
เรือนของหนานกงมั่วและเว่ยจวินมั่วอยู่ห่างจากเรือนที่สองชายชราเลือกไว้ไม่ไกลนัก ใช้เวลาในการเดินไม่ถึงหนึ่งเค่อด้วยซ้ำ เดินเลี้ยวไปก็มองเห็นเรือนซื่อเหอหย่วนเล็กอยู่ตรงหน้า เรือนพึ่งถูกสร้างไม่นาน ทว่าทั่วทั้งเรือนกลับจัดการตกแต่งเรียบร้อย ด้านข้างเรือนมีหญ้าหอม มีดอกเบญจมาศปลูกเอาไว้ ด้านหลังยังมีป่าไผ่อีกด้วย ประตูทางเข้ายังมีต้นท้อไม่กี่ต้น ต้นท้อสูงกว่าบ้านไปแล้ว เห็นชัดว่ามันถูกย้ายมาจากที่อื่น
“คุณชาย ฮูหยิน” หลิ่วหันและซิงเวยมารออยู่ที่เรือนก่อนแล้ว ด้านหลังของทั้งคู่ยังมีชวีเหลียนซิงที่ไม่ได้เจอกันนาน เห็นทั้งสองเดินเข้ามาต้อนรับก็รีบเดินตามมาด้วย
หนานกงมั่วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “หลายวันมานี้ลำบากพวกเจ้าแล้ว” นางและเว่ยจวินมั่วต่างก็ไม่อยู่ที่โยวโจว ฝังและลิ่นฉังเฟิงเองก็ไปอยู่ในกองทัพ ยามนี้คนที่จัดการเรื่องราวในโยวโจวก็เหลือเพียงซิงเวยและหลิ่วหันสองคนเท่านั้น ลำบากซิงเวยที่เดิมไม่ค่อยพูดจา ทั้งหลิ่วหันยังเป็นสตรีอีก แต่ถึงอย่างนั้นหลายวันมานี้ก็ยังจัดการเรื่องเหล่านี้ได้อย่างเรียบร้อย