หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1 – ตอนที่ 632 สงครามน้ำลาย จงใจหาเรื่อง (2)

ตอนที่ 632 สงครามน้ำลาย จงใจหาเรื่อง (2)

หนานกงมั่วเดินนำคนมาถึงเรือนรับแขก ด้านในมีเสียงโหวกเหวกโวยวาย โชคดีที่เรือนรับแขกอยู่ไกลจากเรือนของพระชายาเยี่ยนอ๋อง ยามนี้เรื่องราวมากมายในจวนเยี่ยนอ๋องล้วนไม่กล้ารายงานต่อนางเพื่อไม่ให้นางต้องกังวลใจ มิเช่นนั้นไม่ต้องให้เซียวเชียนชื่อทำอันใดก็คงรบกวนไปถึงพระชายาเยี่ยนอ๋องและเยี่ยนอ๋องแล้ว จือซูและหมิงฉินที่ติดตามหนานกงมั่วต่างก็อดขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้ หมิงฉินที่ปากไวเอ่ยขึ้นเสียงเบา “ไหนเลยจะมีเรื่องเช่นนี้ มาเป็นแขกบ้านเขาครั้งแรกยังก่อเรื่องเพียงนี้”

หนานกงมั่วหัวเราะเบาๆ เอ่ย “บางทีอาจเพราะพวกเขาคิดว่าตนเองมีที่พึ่งที่ยิ่งใหญ่ คิดจะเอาเปรียบได้กระมัง”

จือซูส่ายศีรษะ เอ่ย “เช่นนั้นก็ไม่อาจทำเช่นนี้ได้นะเจ้าคะ ต่อให้จวนเยี่ยนอ๋องเมินเฉยต่อซั่นจยาจวิ้นจู่ นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าปฏิบัติเช่นนั้นต่อซั่นจยาจวิ้นจู่โดยตรง แต่เป็นคนจินหลิงผู้นั้นที่ส่งนางมาต่างหาก ต่อให้เกาอี้ปั๋วฮูหยินทำเพื่ออนาคตของซั่นจยาจวิ้นจู่ในจวนเยี่ยนอ๋อง ก็ไม่ควรโวยวายเพียงนี้ หลังจากนี้หากท่านอ๋องและพระชายารู้เข้า จะมีภาพจำที่ดีต่อซั่นจยาจวิ้นจู่ได้เยี่ยงไร เห็นได้ว่าเกาอี้ปั๋วผู้นั้นก็ไม่ใช่คนเข้าใจอะไรมากนัก”

หนานกงมั่วนึกถึงหลายครั้งที่เจอกับเกาอี้ปั๋ว ถอนหายใจออกมา เอ่ย “ทั่วทั้งจวนเกาอี้ปั๋ว เกรงว่าคนที่รู้เรื่องที่สุดก็คงเป็นซั่นจยาจวิ้นจู่แล้ว” คิดเช่นนี้ วันเวลาที่ผ่านมาของจูชูอวี้เองก็ไม่ได้ดีนัก ทั้งบ้านนับตั้งแต่บิดามารดาจนกระทั่งพี่ชาย ล้วนแล้วแต่เลอะเลือนไร้เหตุผล หากจูชูอวี้รู้สึกไม่พอใจก็คงต้องย้ายที่อยู่ของตนเองแล้ว นางเป็นสตรีคนหนึ่ง นางสามารถพาจวนเกาอี้ปั๋วมาถึงขั้นนี้ท่ามกลางตระกูลขุนนางมากมายในจินหลิงก็นับว่าไม่ง่ายแล้ว ถึงแม้วิธีการหลายอย่างจะดูน่าเหยียดหยาม แต่หากไม่ใช่ศัตรูก็ยังรู้สึกชื่นชมอยู่ไม่น้อย

คนเฝ้าหน้าประตูมองเห็นหนานกงมั่วจึงถอนหายใจออกมา เอ่ยเสียงดัง “ซิงเฉิงจวิ้นจู่มาแล้ว”

ทั่วทั้งเรือนพลันเงียบลง หนานกงมั่วก้าวเดินเข้าไป เมื่อเดินเข้าไปด้านในพลันมองเห็นฮูหยินในชุดสวยงามผู้หนึ่งกำลังยืนอยู่กลางเรือนด้วยใบหน้าโกรธเกรี้ยว รอบข้างเต็มไปด้วยผู้ดูแล เห็นชัดว่ากำลังเกลี้ยกล่อมนางอยู่

น้ำเสียงของหนานกงมั่วนิ่งสงบ เอ่ยเชื่องช้า “ไม่รู้ว่าจวนเยี่ยนอ๋องดูแลไม่ทั่วถึงเรื่องใดเล่า ถึงได้ทำให้เกาอี้ปั๋วฮูหยินโกรธมากเพียงนี้”

เกาอี้ปั๋วฮูหยินอายุเพียงสี่สิบห้าสี่สิบหกปี เพียงแต่แต่งตัวโอ่อ่า แข็งกระด้างทำให้ใบหน้าเดิมที่งดงามกลับดูแก่ขึ้นหลายเท่า ดูเหมือนอายุมากกว่าเกาอี้ปั๋วไปหลายปี ดูเหมือนว่าพี่น้องตระกูลจูจะเหมือนเกาอี้ปั๋วเสียมากกว่า เกาอี้ปั๋วฮูหยินได้ยินเช่นนั้น หันกลับไปมองสำรวจหนานกงมั่ว ดวงตาดุดันจ้องเขม็งมองออกไป เอ่ยด้วยรอยยิ้มเย็น “ไหนเลยจะกล้าว่าจวนเยี่ยนอ๋องดูแลไม่ทั่วถึงได้”

หนานกงมั่วเลิกคิ้ว กวาดตามองทั่วทั้งเรือนที่ระเกะระกะ เอ่ย “เช่นนั้นแล้วฮูหยินกำลังทำอันใด หรือว่านี่เป็นมารยาทของคนจวนเกาอี้ปั๋วเมื่อไปถึงบ้านขอผู้อื่นหรือ”

วาจาของเกาอี้ปั๋วฮูหยินชะงักไป ใบหน้าโกรธเกรี้ยวแดงก่ำ เนิ่นนานจึงเอ่ยเสียงเย็นออกมา “จวนเกาอี้ปั๋วของเรานั้นต่ำต้อย แน่นอนว่ามิได้สูงส่งเช่นเชื้อพระวงศ์ แต่ว่าจวนเยี่ยนอ๋องก็คงไม่อาจรังแกคนเช่นนี้ได้หรอกใช่หรือไม่” สาวใช้ทั่วทั้งเรือนต่างก้มหน้าก้มตาไม่กล้าเอ่ยปาก แทบอยากให้ตัวเองไม่ได้ยินในสิ่งที่เกาอี้ปั๋วฮูหยินเอ่ย รอยยิ้มเย็นยะเยือกปรากฏบนใบหน้าของหนานกงมั่ว เอ่ย “รังแกคนหรือ ขอเกาอี้ปั๋วฮูหยินช่วยชี้แนะ ลองบอกกับจวิ้นจู่เช่นข้าทีว่าจวนเยี่ยนอ๋องรังแกคนอย่างไรหรือ”

เกาอี้ปั๋วฮูหยินเอ่ยด้วยความโกรธ “เจ้ากล้ายอมรับหรือไม่ พวกอวี้เอ๋อร์มาถึงโยวโจวแล้วจวนเยี่ยนอ๋องก็ไม่ถามไม่ไถ่ อวี้เอ๋อร์ที่น่าสงสารของข้าต้องพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมรอเข้าพิธี…” เมื่อเอ่ยแล้วเกาอี้ปั๋วฮูหยินก็เริ่มร้องไห้ดวงตาและจมูกแดงก่ำ ราวกับจวนเยี่ยนอ๋องรังแกอย่างนั้นจริงๆ หนานกงมั่วยังคงเอ่ยเสียงเรียบ “ในเมื่อเกาอี้ปั๋วฮูหยินไม่พอใจ ไม่รู้ว่าท่านมีแผนการเช่นไร คงจะไม่คิดให้คนจวนเกาอี้ปั๋วไปรับซั่นจยาจวิ้นจู่เข้ามาในจวนเยี่ยนอ๋องใช่หรือไม่ ท่านลองคิดให้ดี” ประโยคหลังไม่กี่คำนั้นหนานกงมั่วเอ่ยออกมาอย่างเนิบช้า แต่กลับทำให้เกาอี้ปั๋วฮูหยินที่เป็นผู้ฟังต้องหัวใจกระตุก แน่นอนว่านางไม่ได้เลอะเลือนเพียงนั้น เอ่ยว่าจะรับจูชูอวี้เข้ามาในจวนเยี่ยนอ๋องยามนี้ ยังไม่ทันได้ไหว้ฟ้าดินก็เข้ามาอยู่ในจวนเยี่ยนอ๋อง นั่นเป็นการลดทอนคุณค่าของตนเอง นอกเสียจากว่าจูชูอวี้จะอยากเป็นอนุภรรยาของเซียวเชียนเหว่ย

เกาอี้ปั๋วฮูหยินกัดฟันพร้อมกับเอ่ยว่า “เช่นนั้นก็ไม่อาจพักที่โรงเตี๊ยมมิใช่หรือ”

หนานกงมั่วเอ่ย “เกาอี้ปั๋วฮูหยินคงจะทราบ เยี่ยนอ๋องไม่ชอบความรื่นเริง จวนเยี่ยนอ๋องนั้นไม่มีเรือนพักนอกเมืองโยวโจว คุณชายจวนเยี่ยนอ๋องหลายคนก็ยังไม่แยกเรือน แน่นอนว่าไม่มีเรือนอื่นแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น…พิธีสมรสครั้งนี้มากะทันหัน การจะตระเตรียมเรือนพักที่อื่นก็คงต้องใช้เวลามิใช่หรือ” พวกเจ้าส่งตัวเจ้าสาวมาไม่บอกไม่กล่าวเอง โทษใครได้

เกาอี้ปั๋วฮูหยินลมหายใจกระตุก ยังไม่ทันเอ่ยปากพลันได้ยินหนานกงมั่วเอ่ยต่อ “นอกจากนี้ หากเกาอี้ปั๋วฮูหยินรักและเป็นห่วงบุตรีที่รักเพียงนี้ ไยจึงไม่จัดเตรียมเรือนพักเตรียมออกเรือนให้ซั่นจยาจวิ้นจู่ก่อนเล่า บ้านสักหลังในโยวโจวที่เหมาะกับการเป็นสินเจ้าสาวก็คงมีมิใช่หรือ ไยจึงต้องมาโทษว่าเป็นความผิดจวนเยี่ยนอ๋องเอายามนี้เล่า”

คิดจะทำสงครามน้ำลายแน่นอนว่าเกาอี้ปั๋วฮูหยินย่อมมิใช่คู่ต่อสู้ของหนานกงมั่ว ทำได้เพียงจ้องมองหนานกงมั่วเขม็ง กัดฟันเอ่ยตอบไป “ฮูหยินเช่นข้านั้นหมายถึงจวนเยี่ยนอ๋อง ซิงเฉิงจวิ้นจู่เป็นใครจึงมาออกหน้าแทนจวนเยี่ยนอ๋อง ไม่คิดว่าตนเองจะใจกว้างไปหน่อยหรือ”

ได้ยินเช่นนั้น หนานกงมั่วกลับไม่โกรธ มุมปากกลับเผยรอยยิ้มลุ่มลึก จนเกาอี้ปั๋วฮูหยินที่มองยังต้องตัวสั่น เพียงฟังเสียงใสของหนานกงมั่วเอ่ยตอบ “จวิ้นจู่เช่นข้านั้นเป็นหลานสะใภ้จวนเยี่ยนอ๋อง ตามหลักแล้วไม่มีสิทธิ์ออกหน้าพูดแทนจวนเยี่ยนอ๋อง น่าเสียดาย…พิธีแต่งงานครั้งนี้มากะทันหันเกินไป พระชายาเยี่ยนอ๋องยังมาป่วย พระชายาซื่อจื่อเองก็ไม่สบายนัก เสด็จป้าจึงได้ยกงานในจวนให้ข้าเป็นคนจัดการ จวิ้นจู่เช่นข้าเองก็…ลำบากอยู่ไม่น้อย”

เอ่ยยังไม่ทันจบ ใบหน้าของเกาอี้ปั๋วฮูหยินพลันซีดขาว ไม่รู้ว่าโกรธหรือตกใจ

พระชายาเยี่ยนอ๋องป่วยช่างบังเอิญ อย่าว่าแต่คนที่มาจากจินหลิงเลย เกรงว่าต่อให้เป็นคนโยวโจวเองก็คงแยกได้ยากว่าการป่วยของพระชายาเยี่ยนอ๋องเป็นเพราะโกรธเฉินซื่อหรือเพราะโกรธพิธีสมรสครั้งนี้ แต่ในเมื่อหนานกงมั่วเอ่ยขึ้นมาเช่นนี้ เกาอี้ปั๋วฮูหยินไหนเลยจะไม่เข้าใจสิ่งที่นางจะสื่อ

มองดูท่าทางนิ่งสงบของหนานกงมั่ว ท่าทางราวกับไม่เห็นนางอยู่ในสายตา เกาอี้ปั๋วฮูหยินก็ทนไม่ไหวกรีดร้องออกมา “ต่อให้เป็นเช่นนี้ อย่างไรบุตรีของข้าก็เป็นสะใภ้ที่จวนเยี่ยนอ๋องแต่งเข้ามาอย่างถูกต้อง เทียบกับหลานสะใภ้นอกคอกเช่นเจ้า…”

“ฮูหยิน!” หน้าประตูด้านใน เกาอี้ปั๋วตะคอกออกมาอย่างโกรธจัด เกาอี้ปั๋วฮูหยินชะงัก ดวงตาที่มองไปยังหนานกงมั่วเบิกโตขึ้น ประโยคด้านหลังนั้นอย่างไรก็ยังไม่ทันได้เอ่ยออกมา

เสียงสิ้นสุดลง พลันเห็นเกาอี้ปั๋วในชุดเรียบร้อยเดินออกมาจากด้านใน ด้านข้างยังมีโจวเซียงที่แม้เดินยังสั่นระริก เดินทางไกลจากจินหลิงมายังโยวโจว คนอายุมากอีกทั้งยังเป็นปัญญาชนแน่นอนว่าย่อมรับไม่ไหวเท่าเอ้อกั๋วกง

“ไม่รู้จักกาลเทศะ ขอจวิ้นจู่โปรดอภัยด้วย” เกาอี้ปั๋วเดินออกมา ยกมือขึ้นประสานมองไปยังหนานกงมั่วพลางเอ่ยขอโทษ

หนานกงมั่วยิ้มเย็น ทั้งสองคนนี้อยู่ในห้องทว่าปล่อยให้เกาอี้ปั๋วฮูหยินโวยวายเสียงดังอยู่ด้านนอก หากบอกว่าไม่ตั้งใจแล้วใครจะเชื่อ

“เกาอี้ปั๋วกล่าวหนักไปแล้ว เพียงแต่ร่างกายพระชายายังไม่ดีขึ้น คงต้องขอให้คนของจวนเกาอี้ปั๋วให้เกียรติด้วย หากพระชายาได้ยินวาจาเหลวไหลจนทำให้ร่างกายทรุดลงไม่อาจจัดพิธีสมรสได้ คงไม่ใช่เรื่องน่าเสียดายของคุณชายทั้งสองและพระชายาเยี่ยนอ๋องไปตลอดชีวิตหรอกหรือ”

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

Status: Ongoing

นิยายรักย้อนยุค ว่าด้วยการแก้แค้นของหมอหญิงมือสังหาร และแต่งงานกับบุรุษสุดประหลาด!

เมื่อมารดาสิ้นใจและตนถูกไล่ให้มาอยู่หมู่บ้านบรรพบุรุษ เพราะความลำบากและคับแค้นใจจึงทำให้ หนานกงชิง คุณหนูคนโตแห่งตระกูลหนานกงจากโลกนี้ไป

ร่างของนางกลับถูกแทนที่ด้วยวิญญาณของ หนานกงมั่ว นักฆ่าสาวมือฉกาจแห่งเอเชีย เมื่อได้รับชีวิตใหม่หนานกงมั่วก็ได้กราบอาจารย์ เรียนวิชาแพทย์ ใช้ชีวิตอิสระเสรีตามที่ตนหวัง พร้อมรับใบสั่งสังหารคนบ้างเป็นครั้งคราว… จนเมื่อราชโองการพระราชทานสมรสมาถึงชีวิตของนางก็ถึงคราวพลิกผัน!

เล่าลือกันว่าจวิ้นอ๋องว่าที่สามีของนาง เว่ยจวินมั่ว แม้จะมียศสูงศักดิ์แต่เพราะดวงตาแปลกประหลาดสีม่วงและการคลอดก่อนกำหนดทำให้ชาติกำเนิดของเขาตกเป็นขี้ปากคนไปทั่ว อาจเพราะแบบนี้การสมรสนี้จึงตกมาถึงตัวนาง แม้คนทั่วไปไม่ยินดีแต่นางดูๆ แล้วกลับคิดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท