พระชายาเยี่ยนอ๋องที่อยู่ด้านข้างเอ่ยขึ้น “ท่านอ๋องภรรยาของเหว่ยเอ๋อร์เอ่ยไม่ผิดเลยเพคะ เรื่องยังต้องสืบให้ชัดเจน”
เยี่ยนอ๋องส่งเสียงหยัน เอ่ย “ข้ารู้”
“เช่นนั้น โจวเซียงนั่น…” พระชายาเยี่ยนอ๋องยังลังเล อย่างไรก็เป็นที่ปรึกษาของฝ่าบาท ไล่เขาออกไปจากจวนเยี่ยนอ๋องเช่นนี้เกรงว่าจะไม่ดีนัก เยี่ยนอ๋องโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ เอ่ย “ไม่ต้องไปสนใจพวกเขา ไล่ออกไป หากต้องทนต่อไป พวกเขาคงคิดว่าข้าโง่”
พระชายาเยี่ยนอ๋องถอนหายใจ พยักหน้า เอ่ย “ช่างเถิด” ไล่ก็ไล่แล้ว หากคิดกลับไปง้อกลับมาก็คงเสียหน้าจวนเยี่ยนอ๋อง ยิ่งไปกว่านั้น นิสัยอย่างโจวเซียงในใจนั้นคิดโกรธแค้นจวนเยี่ยนอ๋อง ยามนี้ก็คงไม่มีอันใดแตกต่าง
วันแรกหลังจากพิธีแต่งงานของคุณชายทั้งสอง ทุกคนได้เห็นทูตที่ฮ่องเต้ส่งมาและพ่อแม่ของฮูหยินน้อยรองถูกไล่ออกมาจากจวนเยี่ยนอ๋อง ยังไม่จบแค่นั้น ในวันเดียวกันต่อหน้าคนทั้งจวนเยี่ยนอ๋อง มีการควบคุมองครักษ์หลายนาย พ่อบ้าน รวมไปถึงบ่าวไพร่ธรรมดาหลายสิบคนมาโบยจนตาย คนอื่นที่ถูกลงโทษก็มีไม่น้อย บ่าวไพร่ในจวนเยี่ยนอ๋องนั้นราวกับหนูติดจั่น กลัวว่าหากไม่ระวังสักวันจะมาถึงตนเอง นึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนต่อไปคงต้องระมัดระวังมากขึ้น
ในห้องหอใหม่ จูชูอวี้มองห้องที่ตกแต่งประดับประดาไปด้วยสีแดงที่ยังไม่ถูกเก็บออกไป หลุบตาลงแววตาเคร่งเครียด
สาวใช้เคียงกายเดินเข้ามา เอ่ยรายงานเสียงเบา “จวิ้นจู่ คนที่ส่งไปกลับมาแล้วเจ้าค่ะ รายงานว่าตอนนี้นายท่านและฮูหยินพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมในเมือง คณะของใต้เท้าโจวจะเดินทางกลับจินหลิงในอีกสองวันข้างหน้าเจ้าค่ะ” จูชูอวี้พยักหน้า มองดูท่าทางของสาวใช้ที่เหมือนกับมีเรื่องจะเอ่ย จึงเอ่ยถาม “ยังมีเรื่องใดอีก”
“จวิ้นจู่ ท่านอ๋องและพระชายาพึ่งจะลงโทษโบยบ่าวไพร่ในจวนจนถึงชีวิต พวกเราก็ส่งคนออกไปพบนายท่านและฮูหยิน หากพระชายารู้เข้า จะไม่เป็นการดีหรือไม่เจ้าคะ”
จูชูอวี้เอ่ยเสียงเรียบ “หากข้าไม่ถามไม่ไถ่ ในสายตาของท่านอ๋องและพระชายาข้าคงใจร้ายใจดำ ไม่ดีเหมือนกัน โยวโจวไม่มีเรื่องอันใดแล้ว ให้พวกเขารีบกลับไปเถิด”
“นายท่านและฮูหยินคงรอจวิ้นจู่กลับไปเยี่ยมก่อนจึงจะออกเดินทางเจ้าค่ะ”
จูชูอวี้ยิ้มหยัน เอ่ยเสียงเรียบ “สถานการณ์เช่นนี้ ยังจะไปเยี่ยมอันใดอีก รีบกลับไปเถิด จะได้ไม่เกิดเรื่องอันใดอีก”
“เจ้าค่ะ” สาวใช้เอ่ยรับคำ จากนั้นจึงเอ่ย “ผู้ดูแลเรือนพาบ่าวรับใช้มาคารวะจวิ้นจู่เจ้าค่ะ” เดิมทีควรมาตั้งแต่เช้า เพียงแต่เกิดเรื่องมากมายในจวน แม้แต่คนในเรือนเซียวเชียนเหว่ยยังถูกไล่ออกไปหลายคน ดังนั้นจึงได้เสียเวลามาจนถึงยามนี้ จูชูอวี้พยักหน้า ลุกขึ้น เอ่ยว่า “ไปดูกันเถิด”
ในห้องรับแขก ผู้ดูแลคนหนึ่งและสตรีอีกคนหนึ่งพากลุ่มบ่าวรับใช้เข้ามาคารวะเจ้านาย พระชายาเข้มงวดต่อบุตรชายทั้งสามคน คุณชายทั้งสามของจวนเยี่ยนอ๋องห่างจากแม่นมตั้งแต่อายุแปดขวบ ผู้ติดตามรอบข้างก็เป็นบ่าวรับใช้บุรุษมิใช่สาวใช้
เมื่อเห็นจูชูอวี้เดินนำคนเข้ามาจึงรีบเข้าไปคารวะ “คารวะจวิ้นจู่” คนในเรือนต่างก็รู้ ฮูหยินน้อยรองผู้นี้ถูกฝ่าบาทแต่งตั้งขึ้นเป็นจวิ้นจู่ แน่นอนว่านอบน้อมมากขึ้นกว่าหลายเท่า
จูชูอวี้พยักหน้าเบาๆ เอ่ย “ลุกขึ้นเถิด”
“ขอบคุณจวิ้นจู่”
จูชูอวี้นั่งลงบนเก้าอี้แล้วกวาดตามองทุกคน เอ่ยเสียงเรียบ “เรื่องในจวนวันนี้พวกเจ้าเห็นแล้ว ข้าเองจะไม่เอ่ยอันใดมาก ขอเพียงซื่อสัตย์ต่อจวนเยี่ยนอ๋อง ดูแลรับใช้คุณชายรอง ทุกอย่างก็จะดี ข้าเองก็ไม่ใช่คนชอบทารุณบ่าว แต่หากมีการหักหลังเจ้านาย วันนี้ของพวกเขาก็คือวันพรุ่งนี้ของพวกเจ้า”
จวิ้นจู่ผู้นี้แม้จะดูบอบบาง แต่สิ่งที่เอ่ยออกมากลับทำให้คนฟังรู้สึกสั่นสะท้าน นึกถึงคนที่ถูกโบยจนบาดเจ็บล้มตาย หนึ่งในนั้นยังมีไม่น้อยที่เป็นคนคุ้นเคยของพวกเขา ทุกคนตัวสั่นโดยไม่อาจห้ามได้ รีบเอ่ย “น้อมรับคำสั่งของจวิ้นจู่” จูชูอวี้พยักหน้าอย่างพึงพอใจ เอ่ย “เช่นนั้นก็ดี”
“จู๋เอ๋อร์”
สาวใช้ที่ชื่อจู๋เอ๋อร์ก้าวขึ้นมาด้านหน้า มองไปยังสาวใช้ด้านหลังที่ถือถาดคลุมผ้าสีแดงอยู่ในมือ เอ่ย “จวิ้นจู่มาใหม่ ถือว่าให้ของขวัญพบหน้าแก่ทุกคน ผู้ดูแลสิบตำลึง คนอื่นๆ ลดหลั่นกันไป นอกจากนี้เงินเดือนของคนในเรือนเดือนนี้ให้เพิ่มอีกหนึ่งเดือน”
ได้ยินว่ามีรางวัล ทุกคนจึงดีอกดีใจขึ้นมา รีบเอ่ยขอบคุณจวิ้นจู่สำหรับของขวัญ
จูชูอวี้เอ่ยเสียงเรียบ “พวกเจ้าทำหน้าที่ให้ดี แน่นอนว่าข้าจะไม่เอาเปรียบพวกเจ้า ออกไปเถิด เดี๋ยวค่อยเอาบัญชีของเรือนคุณชายรองมาให้ข้าดู” ผู้ดูแลลังเล “จวิ้นจู่ คุณชายรอง…” อย่างไรเรือนนี้ก็ยังเป็นคุณชายรองที่เป็นคนตัดสินใจ จูชูอวี้เอ่ย “แน่นอนว่าสามีภรรยาก็เหมือนกัน เจ้าจะไปรายงานเขาก่อนค่อยว่ากันก็ได้”
“มิกล้า” ผู้ดูแลรีบเอ่ยตอบ “ข้าน้อยจะรีบไปเอาบัญชีมาให้ขอรับ”
จูชูอวี้สั่งงานไปอีกเล็กน้อย บ่าวไพร่เห็นนางไม่ทุกข์ไม่ร้อน จัดการธุระอย่างคล่องแคล่ว อีกทั้งยังมีความซื่อตรงเป็นธรรมทุกคนจึงรู้สึกนับถืออยู่ในใจ ความศรัทธาที่มีต่อฮูหยินคนใหม่ผู้นี้จึงมีมากขึ้น
เมื่อให้ทุกคนออกไปหมดแล้ว จูชูอวี้ยกชาขึ้นจิบเบาๆ มุมปากกระตุกยิ้มบาง จู๋เอ๋อร์ยืนอยู่ด้านข้างนาง เอ่ยกลั้วเสียงหัวเราะเบาๆ “จวิ้นจู่ช่างร้ายกาจ คนพวกนี้ต่างพากันศรัทธาต่อจวิ้นจู่ด้วยความจริงใจ” จูชูอวี้กลับไม่ลำพองใจนัก เอ่ยเสียงเรียบ “อยากให้พวกเขายอมจำนนด้วยความเต็มใจไหนเลยจะง่ายเพียงนั้น ตอนนี้เพียงไม่รู้จักข้าดีก็เท่านั้น”
จู๋เอ๋อร์เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “รอพวกเขารู้จักจวิ้นจู่ให้มากขึ้น คงจะประจบประแจงจวิ้นจู่มากขึ้นเจ้าค่ะ”
จูชูอวี้ยิ้มบาง เอ่ยถาม “รางวัลและของขวัญจวนอื่นๆ เองก็ส่งไปแล้วหรือไม่”
จู๋เอ๋อร์รีบพยักหน้า เอ่ย “จวิ้นจู่วางใจ จัดการเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ บ่าวรับใช้ในจวน องค์หญิงฉังผิง ซิงเฉิงจวิ้นจู่ รวมไปถึงเรือนอี๋เหนียงต่างๆ ก็ส่งไปหมดแล้วเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นก็ดี” จูชูอวี้พยักหน้า ถอนหายใจออกมา “ตอนนี้เกรงว่าจวนเยี่ยนอ๋องคงยังไม่ต้อนรับข้า ทำสิ่งใดก็ระวังด้วย อย่าได้พลาดแม้เพียงนิด”
“บ่าวเข้าใจเจ้าค่ะ จวิ้นจู่วางใจเป็นพอ” จู๋เอ๋อร์เอ่ยด้วยท่าทีนอบน้อม มองจูชูอวี้ จู๋เอ๋อร์เอ่ยอย่างไม่ยอมนัก “เพียงแต่จวิ้นจู่ทำเช่นนี้ ลำบากตนเองเกินไปหรือไม่เจ้าคะ” คุณชายเซียวรองผู้นั้นเองก็ไม่ได้โดดเด่นอันใด ไม่ใช่ซื่อจื่อ ด้วยฐานะจวิ้นจู่จะแต่งกับใครในจินหลิงไม่ได้บ้าง ไยต้องเดินทางไกลมารับความลำบากถึงโยวโจว ซ้ำยังไม่ได้รับการต้อนรับอีก การตัดสินใจของจูชูอวี้ ไม่เพียงเกาอี้ปั๋วฮูหยินที่ไม่เข้าใจ แม้แต่สาวใช้เคียงกายนางเองก็ไม่เข้าใจ
จูชูอวี้ยื่นมือไปลูบบัญชีตรงหน้าที่เพิ่งถูกส่งมา เอ่ยเสียงเรียบ “เจ้าวางใจ ไม่ได้เป็นเช่นนี้ตลอดไปหรอก อีกไม่นานสถานการณ์ของพวกเราก็จะเปลี่ยน”
จู๋เอ๋อร์ถอนหายใจ อย่างไรความคิดของจวิ้นจู่ก็มิใช่สิ่งที่นางจะเข้าใจได้ จวิ้นจู่ฉลาดหลักแหลม ทำเช่นนี้แน่นอนว่ามีเหตุผลของนาง คนที่เป็นบ่าวไพร่อย่างพวกนางทำได้เพียงปฏิบัติตามคำสั่งของจวิ้นจู่ก็พอแล้ว จูชูอวี้มองนาง เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เอาล่ะ ไปเถิด ดูว่าคุณชายรองกลับมาแล้วหรือไม่ หากกลับมาแล้วก็เชิญเขามา ข้ารอทานข้าวเย็นพร้อมเขา”