หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1 – ตอนที่ 635 แต่งงาน (2)

ตอนที่ 635 แต่งงาน (2)

แม้โจวเซียงจะโกรธ แต่ก็ไม่เอ่ยอันใดมาก เขารู้ดีอยู่แก่ใจ หยวนชุนมีใจซื่อสัตย์ต่อราชสำนัก หลังจากเรื่องหนานกงไหวหยวนชุนก็คือวีรบุรุษร่วมก่อตั้งประเทศเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ ยิ่งไปกว่านั้น เขายังเป็นบิดาผู้ให้กำเนิดของฮองเฮา พ่อตาของฝ่าบาท หากไม่ถึงที่สุด ฮ่องเต้ไม่มีทางแตะต้องหยวนชุนอย่างแน่นอน

สูดหายใจเข้าลึก โจวเซียงเก็บสีหน้าโมโหของตนเองกลับไป พยายามยิ้มออกมา เอ่ย “เอ้อกั๋วกงเข้าใจความหมายของข้าผิดไปแล้ว”

เอ้อกั๋วกงเองก็ไม่ได้อยากทะเลาะกับโจวเซียง เมื่อเทียบกับกั๋วกงที่มีทหารในมือมากมายเช่นตนเอง เซียวเชียนเยี่ยนั่นเชื่อใจเหล่าขุนนางเหล่าอาจารย์ผู้ร่ำเรียนพวกนี้มากกว่า เอ้อกั๋วกงพยักหน้าเบาๆ ถือว่าปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปไม่เอ่ยถึงมันอีก โจวเซียงบ่นอยู่ในใจว่าการพาหยวนชุนมาด้วยนั้นเป็นอุปสรรค หากรู้ว่าเขาดื้อดึงเพียงนี้ ก็คงไม่พาเขามาด้วยแต่แรก

โจวเซียงกลับไม่รู้ พวกเขาได้การต้อนรับที่ดีเพียงนี้ที่เมืองโยวโจวนั้นเป็นเพราะหยวนชุนไปกว่าครึ่ง ต่อให้เยี่ยนอ๋องไม่ต้อนรับคนอย่างพวกเขาอย่างไร ทว่าสำหรับหยวนชุนผู้เป็นวีรบุรุษร่วมก่อตั้งประเทศ อย่างไรก็ต้องไว้หน้าบ้าง

เวลาใกล้เข้ามาถึง บนถนนไกลออกไปมีเสียงกลองบรรเลงขึ้นมาอย่างสนุกสนาน หยวนชุนลุกขึ้นเอ่ย “คุณชายทั้งสองจวนเยี่ยนอ๋องเดินทางออกไปรับตัวแล้ว พวกเราเองก็ควรกลับได้แล้ว” ในเมื่อพวกเขามาร่วมงานพิธี แน่นอนว่าต้องไปร่วมพิธีด้วย หนีออกมาข้างนอกตั้งแต่เช้านั้นไม่ดี คงไม่อาจพลาดแม้แต่งานพิธีได้ โจวเซียงเองก็รู้ว่าเอ้อกั๋วกงเอ่ยมีเหตุผล ลุกขึ้นพยักหน้าเดินตามกันลงบันได้ไป

ในจวนเยี่ยนอ๋อง แน่นอนวันนี้มีแขกมากมาย พระชายาเยี่ยนอ๋องที่ไม่ได้ต้อนรับแขกมาเนิ่นนานเองก็ชำระทำความสะอาดร่างกาย สวมชุดพิธีการพระชายาชินอ๋องออกมาปรากฏตัวต่อหน้าผู้คน แม้ว่าอาการป่วยจะยังไม่หายดี สีหน้ายังไม่ดีนัก เพียงแต่ผ่านการลงแป้งจากสาวใช้เคียงกายมาแล้ว เมื่อยิ้มออกมาจึงดูคล้ายว่าใบหน้าเต็มไปด้วยความยินดี ดูไม่ออกถึงความไม่พอใจต่อการแต่งงานในครั้งนี้เลยสักนิด

หนานกงมั่วและเฉินซื่อติดตามพระชายาเยี่ยนอ๋องและองค์หญิงฉังผิงซ้ายขวา สตรีสูงศักดิ์ในโยวโจวส่วนใหญ่เคยเห็นหนานกงมั่วครั้งเดียวที่งานเลี้ยงในจวนเยี่ยนอ๋องครั้งที่แล้ว ไม่คุ้นเคยเท่าใดนัก เวลานี้เห็นนางและพระชายาซื่อจื่อติดตามพระชายาเยี่ยนอ๋องและองค์หญิงฉังผิง จึงให้ความสำคัญกับลูกสะใภ้ขององค์หญิงฉังผิงผู้นี้ขึ้นมา เพียงแต่หนานกงมั่วไม่ได้อยู่ที่โยวโจวเป็นเวลานาน ภาพจำในสายตาของคนหนานกงมั่วจึงเป็นคนไม่ชอบเข้าสังคม มีเพียงไม่กี่คนที่รู้เรื่องภายในรู้ว่าลูกสะใภ้ขององค์หญิงฉังผิงผู้นี้คือซิงเฉิงจวิ้นจู่ที่อดีตฮ่องเต้ผู้ล่วงลับเป็นคนแต่งตั้ง

ไม่ง่ายเลยกว่าเฉินซื่อจะถูกปล่อยออกมาพบปะผู้คน แน่นอนว่าไม่กล้าทำอันใดผิดอีก คอยติดตามเอาอกเอาใจอยู่ด้านข้างพระชายาเยี่ยนอ๋องและองค์หญิงฉังผิง เพียงแต่หลายวันมานี้นางค่อนข้างวิตกกังวล เพิ่งจะสูญเสียบุตรในครรภ์ไปได้ไม่นานยังไม่มีการบำรุงให้ดีขึ้น สีหน้ากลับดูซีดเซียวเสียยิ่งกว่าพระชายาเยี่ยนอ๋องที่ยังคงป่วยอยู่ เมื่อสตรีสูงศักดิ์เหล่านี้เห็นแล้ว ไม่รู้ว่าในหัวกำลังคิดคาดเดาไปอย่างไรบ้าง

“ยินดีกับพระชายาเยี่ยนอ๋องเพคะ ขอให้คุณชายทั้งสองและฮูหยินน้อยแก่เฒ่าไปด้วยกัน รีบมีบุตรในเร็ววัน” ฮูหยินตระกูลเซวียพาบุตรีทั้งสองมาปรากฏอยู่ด้านหน้าอย่างเปิดเผย การหมั้นหมายก่อนหน้านี้ของคุณชายรองจวนเยี่ยนอ๋องและคุณหนูใหญ่ตระกูลเซวียทั่วทั้งโยวโจวต่างเคยได้ยินมาบ้าง เดิมทีคิดว่าทั้งสองตระกูลจะตีตัวออกห่าง ทว่าไม่คิดว่าเซวียฮูหยินจะพาบุตรีมาร่วมอวยพรอย่างเปิดเผย แม้กระทั่งใบหน้าของคุณหนูใหญ่ตระกูลเซวียเองก็ยังเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ดูไม่ออกถึงท่าทางยิ้มฝืนแต่อย่างใด ยามนี้เป็นพิธีแต่งงานคุณชายรองจวนเยี่ยนอ๋อง คุณหนูใหญ่ตระกูลเซวียเองก็ใกล้จะออกเรือนแล้ว เห็นชัดว่าทั้งสองตระกูลไม่ได้เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจ ในใจยังอดชื่นชมตระกูลเซวียไม่ได้ เดิมทีคิดว่าทั้งสองตระกูลจะแตกคอและห่างเหินกันด้วยซ้ำ

ใบหน้าพระชายาเยี่ยนอ๋องเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เพียงเมื่อมองไปยังเซวียอวิ๋นอวินดวงตานั้นยังมีความรู้สึกเสียดายอยู่บ้าง เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คุณหนูใหญ่ตระกูลพวกท่านเองก็ใกล้จะออกเรือนแล้ว มายินดีไปพร้อมกันเถิด ถึงตอนนั้นอย่าลืมเชิญข้าไปดื่มเหล้ามงคลเล่า” เซวียฮูหยินเอ่ยด้วยรอยยิ้มยินดี “พระชายาเยี่ยนอ๋องให้เกียรติ นับว่าเป็นวาสนาของเด็กคนนี้แล้วเพคะ”

องค์หญิงฉังผิงเองก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ถึงยามนั้นฮูหยินเองก็อย่าจำได้แต่พี่สะใภ้สามแล้วลืมข้าเล่า”

เซวียฮูหยินรีบตอบมิกล้า การถอนหมั้นก่อนหน้านี้นั้นมีผลกระทบต่อชื่อเสียงของเซวียอวิ๋นอวินอยู่บ้าง แต่เมื่อยามออกเรือนมีพระชายาเยี่ยนอ๋องและองค์หญิงฉังผิงมาร่วมยินดี ใครยังกล้าพูดมากอีกเล่า นึกถึงสิ่งที่บุตรีเอ่ยกับตนเองมาก่อนหน้านี้ เซวียฮูหยินเองเหลือบมองไปยังหนานกงมั่วที่นั่งอยู่ด้านข้างองค์หญิงฉังผิงด้วยสายตาซาบซึ้ง หนานกงมั่วยิ้มบาง พยักหน้าตอบรับ การหมั้นหมายระหว่างจวนเยี่ยนอ๋องและตระกูลเซวียพังทลายลง แต่จวนเยี่ยนอ๋องกลับไม่อาจให้เซวียเจินต้องเจ็บแค้นใจเพราะเรื่องนี้ แม้จะไม่ได้แต่งงานแต่ก็ไม่อาจสร้างศัตรูเช่นกันใช่หรือไม่

ทุกคนนั่งลง ทั่วทั้งห้องโถงเจ้าภาพและแขกเหรื่อต่างดื่มกินสำราญ ทว่าเกาอี้ปั๋วฮูหยินที่นั่งอยู่ด้านข้างกลับเงียบเชียบ สตรีสูงศักดิ์ในโยวโจวนางเองก็ไม่คุ้นเคย นอกจากเอ่ยทักทายก็ไม่รู้จะคุยอันใดอีก แม้จะบอกว่าผู้นี้เป็นเกาอี้ปั๋วฮูหยิน มารดาผู้ให้กำเนิดของจวิ้นจู่ แต่อย่างไรนั่นก็เป็นคนทางใต้ ไม่เกี่ยวอันใดกับคนโยวโจวเช่นพวกนาง อีกสองวันก็จะไปแล้ว ฐานะสูงส่งเพียงใดก็ไม่เพียงพอให้พวกนางต้องเสียเวลาประจบประแจง

ฐานะอย่างพระชายาเยี่ยนอ๋องและองค์หญิงฉังผิงเองก็ไม่มีทางเป็นฝ่ายเข้าหาเกาอี้ปั๋วฮูหยินอย่างแน่นอน เกาอี้ปั๋วฮูหยินปักใจคิดว่าพระชายาเยี่ยนอ๋องละเลยต่อบุตรีของตน อารมณ์ที่ไม่ดีนั้นได้ปรากฏออกมาทางสีหน้าแล้ว พระชายาเยี่ยนอ๋องเป็นใครกัน เพียงกวาดตามองผ่านก็รู้แล้วว่านางกำลังคิดอันใดอยู่ จึงทำเพียงเหลือบไปมองเล็กน้อยจากนั้นหันไปพูดคุยกับองค์หญิงฉังผิงและคนอื่นๆ เช่นนี้แล้วฝั่งของเกาอี้ปั๋วฮูหยินก็ยิ่งกระอักกระอ่วนเงียบเชียบยิ่งขึ้นไปอีก

“พระชายา คุณชายทั้งสองกลับมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ด้านนอก เสียงพ่อบ้านเอ่ยรายงานด้วยใบหน้ายินดี

“เอ๋” ใบหน้าของพระชายาเยี่ยนอ๋องเองก็เต็มไปด้วยความยินดี เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไปเข้าพบท่านอ๋องแล้วหรือ รีบให้พวกเขาเข้ามา”

ผู้ดูแลยิ้ม เอ่ย “คุณชายทั้งสองเข้าไปพบท่านอ๋องแล้วพ่ะย่ะค่ะ บอกว่ามาถวายพระพรพระชายาและต้าจั่งกงจู่พ่ะย่ะค่ะ”

“รีบให้พวกเขาเข้ามาเถิด” องค์หญิงฉังผิงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่เห็นหรือว่าพี่สะใภ้สามรีบเพียงใด” พระชายาเยี่ยนอ๋องเหลือบตามององค์หญิงฉังผิงด้วยท่าทางแง่งอน เอ่ย “ถึงข้าจะไม่เคยเห็น แต่ข้าก็เคยได้ยิน ตอนงานพิธีของจวินเอ๋อร์เจ้าก็ไม่ได้ต่างไปจากข้าหรอก” องค์หญิงฉังผิงยอมแพ้ เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เป็นหม่อมฉันที่ผิดเองเพคะ ไม่ควรไปหยอกล้อพี่สะใภ้สาม”

คุณชายทั้งสองในชุดเจ้าบ่าวสีแดงเดินเคียงคู่เข้ามา “ลูกถวายพระพรเสด็จแม่ ถวายพระพรเสด็จอา”

พระชายาเยี่ยนอ๋องรีบเรียกทั้งสองให้ลุกขึ้น มองบุตรชายที่ท่าทางองอาจ พยักหน้าอย่างชื่นชม เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ดี แต่งงานแล้วก็กลายเป็นผู้ใหญ่แล้ว ต่อไปต้องทำตัวดีๆ เล่า”

“ขอบพระทัยเสด็จแม่ที่อบรมสั่งสอน” เซียวเชียนเหว่ยเอ่ย

เซียวเชียนจย่งที่อยู่ด้านข้างกลับเบ้ปาก ทำหน้าทำตาแปลกประหลาดส่งให้กับพระชายาเยี่ยนอ๋อง ผู้คนที่นั่งอยู่รอบข้างเองก็มองสำรวจคุณชายทั้งสอง เซียวเชียนจย่งยังเล็ก แม้ร่างกายจะสูงไม่ต่างจากเซียวเชียนเหว่ยนัก ทว่าใบหน้ายังคงอ่อนวัย บุคลิกยังมีความขี้เล่นเป็นเด็ก เซียวเชียนเหว่ยกลับเป็นคนที่ใบหน้าหล่อเหล่าที่สุดในบรรดาคุณชายทั้งสามของจวนเยี่ยนอ๋อง อายุสิบเจ็ดสิบแปดนิสัยสุขุม ดูราวกับคนอายุยี่สิบต้นๆ ใบหน้าหล่อเหลา รูปร่างองอาจ วันนี้อยู่ในชุดสีแดงยิ่งดูดีกว่าทุกวัน หลายคนอดทอดถอนหายใจอยู่ภายในใจไม่ได้ คุณชายจวนเยี่ยนอ๋องช่างโดดเด่น น่าเสียดายแทนคุณหนูใหญ่ตระกูลเซวียต่อเจ้าบ่าวที่น่าปรารถนาเช่นนี้แล้ว

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

Status: Ongoing

นิยายรักย้อนยุค ว่าด้วยการแก้แค้นของหมอหญิงมือสังหาร และแต่งงานกับบุรุษสุดประหลาด!

เมื่อมารดาสิ้นใจและตนถูกไล่ให้มาอยู่หมู่บ้านบรรพบุรุษ เพราะความลำบากและคับแค้นใจจึงทำให้ หนานกงชิง คุณหนูคนโตแห่งตระกูลหนานกงจากโลกนี้ไป

ร่างของนางกลับถูกแทนที่ด้วยวิญญาณของ หนานกงมั่ว นักฆ่าสาวมือฉกาจแห่งเอเชีย เมื่อได้รับชีวิตใหม่หนานกงมั่วก็ได้กราบอาจารย์ เรียนวิชาแพทย์ ใช้ชีวิตอิสระเสรีตามที่ตนหวัง พร้อมรับใบสั่งสังหารคนบ้างเป็นครั้งคราว… จนเมื่อราชโองการพระราชทานสมรสมาถึงชีวิตของนางก็ถึงคราวพลิกผัน!

เล่าลือกันว่าจวิ้นอ๋องว่าที่สามีของนาง เว่ยจวินมั่ว แม้จะมียศสูงศักดิ์แต่เพราะดวงตาแปลกประหลาดสีม่วงและการคลอดก่อนกำหนดทำให้ชาติกำเนิดของเขาตกเป็นขี้ปากคนไปทั่ว อาจเพราะแบบนี้การสมรสนี้จึงตกมาถึงตัวนาง แม้คนทั่วไปไม่ยินดีแต่นางดูๆ แล้วกลับคิดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท