หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1 – ตอนที่ 643 กำจัดสิ่งชั่วร้าย (1)

ตอนที่ 643 กำจัดสิ่งชั่วร้าย (1)

หลังจากพิธียกน้ำชา ทุกคนจึงมาทานข้าวเช้าด้วยกัน เยี่ยนอ๋องพาเว่ยจวินมั่วและพวกเซียวเชียนชื่อไปยังห้องหนังสือ พระชายาพูดคุยกับลูกสะใภ้ทั้งสาม หนานกงมั่วจึงกลับเรือนไปพร้อมกับองค์หญิงฉังผิง เดินเชื่องช้ากับองค์หญิงฉังผิงอยู่ในจวนเยี่ยนอ๋อง จวนอ๋องยามนี้เงียบสงบ ยังหลงเหลือบรรยากาศที่เป็นมงคลอยู่ เพียงแต่ในบางจุดที่มองไม่เห็นในจวน มีคนเพิ่มขึ้นและมีคนลดลง แน่นอนว่าเรื่องเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องให้องค์หญิงฉังผิงได้รับรู้ เพียงแต่ตอนที่เดินผ่านอุทยาน องค์หญิงฉังผิงมองคนสวนที่กำลังจัดแต่งแปลงดอกไม้จึงเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่ใส่ใจนัก “คนผู้นี้ดูไม่คุ้นตาเท่าใดนัก”

หนานกงมั่วประคององค์หญิงฉังผิง เอ่ยด้วยรอยยิ้มบาง “บางทีอาจจะเปลี่ยนคนก็ได้เพคะ” คนสวนเป็นคนประเภทหนึ่งที่พ่อบ้านสามารถดูแลจัดการได้เอง แน่นอนว่าไม่ต้องรายงานต่อองค์หญิงหรือพระชายา องค์หญิงฉังผิงพยักหน้า มองไปยังหนานกงมั่ว เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “วันนี้เห็นพี่สะใภ้สาม ข้าจึงนึกบางเรื่องขึ้นมาได้ อู๋สยาแต่งเข้าเรือนมานานเพียงนี้ ข้ายังไม่เคยให้อันใดแก่พวกเจ้าเลย” เพราะลูกสะใภ้ผู้นี้เก่งกาจ ไม่จำเป็นให้นางต้องมากังวลใจ ก่อนที่หนานกงมั่วจะแต่งเข้ามานางไม่เคยต้องกังวลเรื่องเงินทองของเว่ยจวินมั่ว กลับกันทุกครั้งที่ออกจากเรือนยังชอบมีของล้ำค่าติดไม้ติดมือกลับมาให้นางอยู่เสมอ เริ่มแรกองค์หญิงฉังผิงแทบตื่นตกใจ ต่อมาเมื่อมั่นใจแล้วว่าบุตรชายของตนไม่ได้ทำเรื่องที่ไม่สมควรทำ อีกทั้งยังมีพี่สามเป็นพยานให้ องค์หญิงฉังผิงจึงวางใจ แน่นอนว่าความจริงแล้วเว่ยจวินมั่วยังมีเรื่องปิดบังองค์หญิงฉังผิงอยู่มากมาย

รอจนหนานกงมั่วแต่งเข้ามายิ่งไม่ต้องเอ่ยถึง สินเจ้าสาวของหนานกงมั่วเกรงว่าขององค์หญิงฉังผิงเองยังเทียบไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นองค์หญิงฉังผิงได้มอบกิจการของตนให้บุตรชายไปจัดการดูแลตั้งนานแล้ว คิดว่าหากพวกเขามีเงินไม่พอก็เอาไปใช้เองเป็นพอ ตอนนี้มาคิดว่าตนเองที่เป็นแม่สามีช่างไม่ใส่ใจเอาเสียเลย บุตรชายและลูกสะใภ้ต่อให้ขาดเงินจริงๆ เกรงว่าคงไม่กล้าแตะต้องเงินส่วนตัวของนาง

หนานกงมั่วยิ้มร่าขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ เอ่ย “ควรเป็นพวกหม่อมฉันที่ต้องกตัญญูต่อเสด็จแม่ ไหนเลยจะรับของจากเสด็จแม่เล่าเพคะ ยิ่งไปกว่านั้น หม่อมฉันกับจวินมั่วไม่เหมือนน้องชายทั้งสาม ไม่เคยขาดสิ่งเหล่านี้ หากไม่พอใช้ ไม่ต้องให้เสด็จแม่เอ่ยปากพวกเราก็หน้าด้านมาถามเอากับเสด็จแม่อยู่ดีเพคะ”

ประโยคแรกองค์หญิงฉังผิงเชื่อ ประโยคหลังกลับไม่เชื่อ ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ องค์หญิงฉังผิงจึงพยักหน้า เอ่ย “ช่างเถิด ในเมื่อพวกเจ้ามีไม่ขาดเช่นนั้นข้าก็จะเก็บเอาไว้ เอาไว้ให้หลานชายหลานสาวของข้าใช้ แต่พวกเจ้าทั้งสอง…ต้องพยายามเพื่อข้าสักหน่อย อยากให้แต่ให้ไม่ได้ก็เป็นกังวลไม่น้อย”

“เสด็จแม่…” ใบหน้าเล็กของหนานกงมั่วแดงระเรื่อขึ้นมา

นางแต่งงานกับเว่ยจวินมั่วมากว่าครึ่งปี ผ่านไปอีกสองสามเดือนก็ใกล้จะครบหนึ่งปีแล้ว องค์หญิงฉังผิงไม่เคยเอ่ยถามพวกเขาถึงเรื่องนี้ เพียงแต่ในใจนั้นยังคาดหวัง เรื่องการเร่งรัดบุตรชายและบุตรสะใภ้นั้นน้อยนักที่องค์หญิงฉังผิงจะทำ แม้แต่พระชายาเยี่ยนอ๋องยังส่งอนุภรรยาไปให้เซียวเชียนชื่อ

องค์หญิงฉังผิงลูบหลังมือนางเบาๆ เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เขินอันใดเล่า สตรีย่อมต้องผ่านเรื่องนี้ เพียงแต่…สตรีนี้ อย่างไรก็ต้องรอเวลา มารดาไม่บังคับเจ้า”

หนานกงมั่วหลุบตาลงยิ้มบางๆ เอ่ย “ขอบพระทัยเสด็จแม่ หม่อมฉันทราบแล้วเพคะ”

“นี่สิถึงจะถูก” สำหรับเรื่องมีลูก องค์หญิงฉังผิงไม่รีบร้อนจริงๆ ร่างกายของบุตรชายแข็งแรง ลูกสะใภ้มีวิชาการแพทย์ล้ำเลิศ ยังมีศิษย์พี่และอาจารย์เป็นหมอเทวดา แต่งงานมายังไม่มีลูก เกรงว่าคงเป็นเพราะยังไม่ถึงเวลาเท่านั้น

หนานกงมั่วหลุบตาลง ก้มหน้าอย่างรู้สึกผิด

มีลูกหรือ มีหรือไม่มี นี่เป็นอีกหนึ่งปัญหา

“องค์หญิงเพคะ จวิ้นจู่” ด้านหลัง สาวใช้วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา ทั้งสองหันกลับไป เห็นว่าเป็นสาวใช้ข้างกายของพระชายาเยี่ยนอ๋อง หนานกงมั่วเลิกคิ้วพลางเอ่ย “เสด็จป้ามีเรื่องรับสั่งหรือ” สาวใช้หอบหายใจ เอ่ย “ทูลองค์หญิง จวิ้นจู่ เรือนพระชายาเกิดเรื่องแล้วเจ้าค่ะ”

“เกิดเรื่องอันใดขึ้น” สีหน้าขององค์หญิงฉังผิงพลันเปลี่ยน

สาวใช้เอ่ย “คนที่มาจากจินหลิง มาโวยวายอยู่ในเรือนพระชายาเพคะ บอกว่า…ต้องการคำอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเพคะ”

“เมื่อคืนหรือ” องค์หญิงฉังผิงเลิกคิ้ว

หนานกงมั่วเอ่ยเสียงเข้ม “เสด็จแม่ หม่อมฉันจะไปดูสักหน่อย พระองค์…”

“เจ้าไปเถิด เดี๋ยวข้าจะตามไปทีหลัง” องค์หญิงฉังผิงเอ่ยตอบ

บรรยากาศในห้องโถงใหญ่เรือนพระชายาเยี่ยนอ๋องตึงเครียด พระชายาเยี่ยนอ๋องนั่งอยู่บนที่นั่งเหนือสุดด้วยสีหน้าทะมึน มองต่ำลงมายังคนอื่นๆ ที่นั่งอยู่ด้านล่าง หนึ่งในนั้น คนที่เป็นผู้นำคือโจวเซียงที่ผมขาวแล้วและเอ้อกั๋วกงหยวนชุน ถัดลงมาอีกยังมีเกาอี้ปั๋วและเกาอี้ปั๋วฮูหยินที่เอาแต่ร้องไห้สะอึกสะอื้น

อีกฝั่งเป็นฮูหยินน้อยทั้งสามที่ยังอยู่ในเรือนพระชายาเยี่ยนอ๋อง เพียงแต่ทั้งสามมีสีหน้าที่แตกต่างกัน เฉินซื่อนั้นคิดว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับตนเอง ซ่อนความสนุกสนานเอาไว้ภายใต้ดวงตา จูชูอวี้สีหน้าตึงเครียด นิ่งเงียบไม่เอ่ยวาจา ซุนเหยียนเอ๋อร์มองพี่สะใภ้ทั้งสองข้างกาย ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดเช่นกัน สถานการณ์เช่นนี้พวกนางไม่อาจเข้าไปยุ่งได้

“เอ้อกั๋วกง ใต้เท้าโจว พวกท่านหมายความเช่นไร” พระชายาเยี่ยนอ๋องเอ่ยเสียงเข้ม

โจวเซียงเอ่ยเสียงเย็น “กระหม่อมเองก็อยากถามพระชายาเยี่ยนอ๋อง จวนเยี่ยนอ๋องหมายความเช่นใดเล่า เรื่องซั่นจยาจวิ้นจู่ถูกลอบสังหารในคืนแต่งงาน หรือว่าจวนเยี่ยนอ๋องไม่ควรให้คำอธิบายแก่ราชสำนักและเกาอี้ปั๋วสักนิดหรือ”

พระชายาเยี่ยนอ๋องแสยะยิ้มเย็น เอ่ย “น่าขันแล้ว มีคนบุกเข้ามาลอบสังหาร บุตรชายทั้งสองของข้า บุตรสะใภ้ทั้งสองของข้าทุกคนต่างก็อยู่ในสถานการณ์ ไยจึงเป็นการลอบสังหารซั่นจยาจวิ้นจู่เพียงผู้เดียวเล่า เรื่องนี้จวนเยี่ยนอ๋องจะสืบให้ชัดเจนอย่างแน่นอน แต่ว่าอันใดที่เรียกว่าให้คำอธิบายแก่ราชสำนักและเกาอี้ปั๋วเล่า” โจวเซียงหัวเราะออกมาอย่างได้ใจ “องค์เยี่ยนอ๋องนั้นมีกองกำลังนับแสน จวนเยี่ยนอ๋องยังมีการป้องกันแน่นหนา คืนแต่งงานมือสังหารลอบบุกเข้ามาในจวนเยี่ยนอ๋อง เป้าหมายกลับมิใช่เยี่ยนอ๋องหรือขุนนางคนสำคัญ แต่เป็นเจ้าสาวที่เพิ่งเข้าพิธีอย่างนั้นหรือ วาจานี้ พระชายาเอ่ยออกไปใครจะเชื่อเล่า”

“บังอาจ” พระชายาเยี่ยนอ๋องโมโหขึ้นมา จ้องโจวเซียงเขม็ง “ใต้เท้าโจว ข้าไว้หน้าท่านเพราะเห็นแก่ท่านที่เป็นขุนนางเก่าแก่สมัยอดีตฮ่องเต้ คิดให้ร้ายท่านอ๋อง เกรงว่าท่านคงรับผิดชอบไม่ไหว”

โจวเซียงยิ้มเย็น “ให้ร้ายหรือไม่ เยี่ยนอ๋องและพระชายาเยี่ยนอ๋องรู้ดีอยู่แก่ใจ”

พระชายาเยี่ยนอ๋องสูดหายใจเข้าลึก จับจ้องไปยังเกาอี้ปั๋วฮูหยินที่กำลังร้องห่มร้องไห้และเกาอี้ปั๋วที่นั่งนิ่งเงียบมาตลอด เอ่ยเสียงเรียบ “ในเมื่อใต้เท้าโจวมั่นใจว่าจวนเยี่ยนอ๋องคิดทำร้ายซั่นจยาจวิ้นจู่ เช่นนั้นจวนเกาอี้ปั๋วก็รับตัวนางกลับไปเถิด ภรรยาสูงส่งเช่นนี้ จวนเยี่ยนอ๋องของข้าคงรับเอาไว้ไม่ได้”

ใบหน้าจูชูอวี้ซีดขาวขึ้นมาทันใด ลุกขึ้นคุกเข่าลงกลางห้องโถง “เสด็จแม่อย่าทรงกริ้วเลยเพคะ ลูก…ลูกไม่ได้คิดเช่นนั้นเพคะ”

“น่าเสียดาย บิดามารดาของเจ้าคิดเช่นนั้นนี่” พระชายาเยี่ยนอ๋องเอ่ยเสียงเรียบ “ตามที่ใต้เท้าโจวคาดเดา ต่อให้เรื่องนี้สืบชัดเจนแล้ว ข้าก็คงไม่กล้าเก็บเจ้าเอาไว้ เกิดในอนาคตจวนเยี่ยนอ๋องของเราไปแตะต้องอันใดเข้า พวกเราคงรับผิดชอบไม่ไหว”

“เสด็จแม่…” จูชูอวี้รู้สึกขมขื่นอยู่ในปาก ลุกขึ้นเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าโจวเซียง คำนับหนึ่งครั้งก่อนจะเอ่ย “ใต้เท้าโจว เอ้อกั๋วกง ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าเชื่อจวนเยี่ยนอ๋อง เรื่องเมื่อคืนไม่เกี่ยวกับพวกเขาจริงๆ ข้าเป็นสะใภ้จวนเยี่ยนอ๋องแล้ว ขอใต้เท้าโจวและเอ้อกั๋วกงโปรดพิจารณา” เอ้อกั๋วกงพยักหน้า มองไปยังโจวเซียง เอ่ย “ใต้เท้าโจว รอเรื่องราวชัดเจนก่อนค่อยว่ากันเถิด”

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

Status: Ongoing

นิยายรักย้อนยุค ว่าด้วยการแก้แค้นของหมอหญิงมือสังหาร และแต่งงานกับบุรุษสุดประหลาด!

เมื่อมารดาสิ้นใจและตนถูกไล่ให้มาอยู่หมู่บ้านบรรพบุรุษ เพราะความลำบากและคับแค้นใจจึงทำให้ หนานกงชิง คุณหนูคนโตแห่งตระกูลหนานกงจากโลกนี้ไป

ร่างของนางกลับถูกแทนที่ด้วยวิญญาณของ หนานกงมั่ว นักฆ่าสาวมือฉกาจแห่งเอเชีย เมื่อได้รับชีวิตใหม่หนานกงมั่วก็ได้กราบอาจารย์ เรียนวิชาแพทย์ ใช้ชีวิตอิสระเสรีตามที่ตนหวัง พร้อมรับใบสั่งสังหารคนบ้างเป็นครั้งคราว… จนเมื่อราชโองการพระราชทานสมรสมาถึงชีวิตของนางก็ถึงคราวพลิกผัน!

เล่าลือกันว่าจวิ้นอ๋องว่าที่สามีของนาง เว่ยจวินมั่ว แม้จะมียศสูงศักดิ์แต่เพราะดวงตาแปลกประหลาดสีม่วงและการคลอดก่อนกำหนดทำให้ชาติกำเนิดของเขาตกเป็นขี้ปากคนไปทั่ว อาจเพราะแบบนี้การสมรสนี้จึงตกมาถึงตัวนาง แม้คนทั่วไปไม่ยินดีแต่นางดูๆ แล้วกลับคิดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท