ไม่นานผู้ดูแลก็เข้ามารายงานว่าคู่สามีภรรยาใหม่มาถึงแล้ว พระชายาเยี่ยนอ๋องพยักหน้า คู่สามีภรรยาใหม่ทั้งสองคู่กำลังเดินเข้ามาด้านใน
เพราะเป็นวันแรกหลังจากเข้าพิธี ทั้งสองคู่จึงอยู่ในชุดเพื่อความเป็นมงคล จูชูอวี้อยู่ในชุดสีม่วงอ่อนปักลายดอกชบาสีชมพู ดูนุ่มนวลสง่างาม เหมาะสมกับภาพลักษณ์ของจวิ้นจู่ ซุนเหยียนเอ๋อร์อยู่ในชุดสีแดงอ่อนปักลายดอกบัวมงคล คลุมด้วยชุดคลุมสีม่วงปักลายเมฆมงคล แต่งหน้าบางเบาแต่ไม่ซีดเซียว ดูน่ารักและอ่อนหวาน
พระชายาเยี่ยนอ๋องพยักหน้า อย่างอื่นไม่ต้องเอ่ยถึง รูปร่างหน้าตาของสะใภ้ทั้งสองนับว่าไม่เลว เพียงแต่…มองใบหน้าของจูชูอวี้ที่วาดดอกชบาเอาไว้ แม้ไม่ได้น่าเกลียด แต่ว่า…นางจำได้ว่าครั้งแรกที่เจอกับจูชูอวี้เมื่อนางยังเยาว์ใบหน้าของนางยังไม่มีอะไร แม้สตรีชนชั้นสูงในสมัยก่อนจะนิยมวาดดอกไม้บนใบหน้า ยังมีการวาดดอกเหมยดอกท้อบนใบหน้าอีกด้วย แต่ไม่เคยมีสตรีนางใดที่วาดดอกไม้งดงามไว้ใต้ดวงตา ดูแล้วยั่วยวนขึ้นมามาก
นึกถึงใบหน้าของจูชูอวี้ พระชายาเยี่ยนอ๋องพลันรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันใด
“เสด็จแม่”
ดวงตาของพระชายาเยี่ยนอ๋องไหววูบ หันไปพยักหน้า เอ่ยกับเยี่ยนอ๋อง “ท่านอ๋อง เริ่มเถิด”
เยี่ยนอ๋องพยักหน้า
สาวใช้ยกน้ำชามาให้แก่สตรีที่เพิ่งแต่งงานทั้งสอง จูชูอวี้และซุนเหยียนเอ๋อร์จึงยกถ้วยน้ำชาขึ้นมาคุกเข่าลงบนเบาะที่ถูกวางเอาไว้ ยกถ้วยน้ำชาขึ้นมา “เชิญท่านอ๋องดื่มชาเพคะ”
เยี่ยนอ๋องพยักหน้า รับถ้วยชาขึ้นมาจิบเบาๆ หยิบซองแดงด้านข้างส่งให้ทั้งสองคนละหนึ่งซอง
“เชิญเสด็จแม่ดื่มชาเพคะ”
พระชายาเยี่ยนอ๋องรับถ้วยชาในมือจูชูอวี้ไปจิบเบาๆ มองไปยังจูชูอวี้ เอ่ย “ต่อไปก็ใช้ชีวิตกับเหว่ยเอ๋อร์ให้ดี รักใคร่พี่สะใภ้และน้องสะใภ้ของเจ้าด้วย” หยิบกำไลข้อมือขึ้นมาจากกล่องด้านข้างที่สาวใช้ถืออยู่แล้วยื่นให้จูชูอวี้ จูชูอวี้รับด้วยสองมือ เอ่ย “ขอบพระทัยเสด็จแม่ที่ประทานของขวัญ ขอบพระทัยเสด็จแม่ที่สั่งสอนเพคะ”
พระชายาเยี่ยนอ๋องพยักหน้า หันกลับไปรับถ้วยน้ำชาจากซุนเหยียนเอ๋อร์มาดื่ม เอ่ยสองประโยคเดียวกัน หยิบปิ่นเงินออกมาปักลงไปบนผมของซุนเหยียนเอ๋อร์
“ขอบพระทัยเสด็จแม่เพคะ”
“เอาล่ะ ลุกขึ้นเถิด ไปคารวะเสด็จอา พี่ชายกับพี่สะใภ้ของพวกเจ้า” พระชายาเยี่ยนอ๋องเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
คนมาใหม่ทั้งสองเข้าไปถวายพระพรองค์หญิงฉังผิง คารวะเซียวเชียนชื่อและเฉินซื่อ แน่นอนว่าทั้งสองเองก็มอบของขวัญพบหน้าด้วยเช่นกัน สุดท้ายจึงหันไปหาเว่ยจวินมั่วและหนานกงมั่ว รวมไปถึงหย่งเฉิงจวิ้นจู่ ชายารองหวัง เมื่อครบแล้วหนานกงมั่วรู้สึกโชคดีอยู่ในใจ โชคดีที่ตอนนางแต่งกับเว่ยจวินมั่วไม่จำเป็นต้องไปคารวะใครมากมายเพียงนี้
หย่งเฉิงจวิ้นจู่ยังไม่ออกเรือน อวี้หมิงจวิ้นจู่อายุยังน้อย และยังมีคุณหนูเล็กที่ยังอยู่ในห่อผ้า สะใภ้ผู้มาใหม่ทั้งสองจะต้องมอบของขวัญแก่พวกนาง จวิ้นจู่ทั้งสองรับมาด้วยรอยยิ้ม ของขวัญของเด็กน้อยนั้นมีเฉินซื่อรับแทน ตั้งแต่ต้นจนจบ เฉินซื่อเงียบสงบไม่ได้เอ่ยสิ่งใดมากนัก
รอจนกระทั่งคารวะครบทุกคนแล้ว พระชายาเยี่ยนอ๋องจึงปล่อยให้ทั้งสองนั่งลง ชายารองหวังพาเหล่าอี๋เหนียงและจวิ้นจู่ทั้งสองออกไป
พระชายาเยี่ยนอ๋องมองบุตรชายทั้งสอง เซียวเชียนเหว่ยใบหน้านิ่งสงบดูไม่ออกว่าดีใจหรือเสียใจ เดิมเซียวเชียนจย่งมักแสดงอารมณ์ออกมาทางสีหน้า ยามนี้ดูแล้วเหมือนไม่ได้ดีใจนัก แต่ดวงตาที่มองซุนเหยียนเอ๋อร์ยังนับว่าอบอุ่น เห็นชัดว่าไม่ได้ไม่พอใจต่อภรรยาผู้นี้เท่าใดนัก พระชายาเยี่ยนอ๋องจึงลอบถอนหายใจออกมา ไม่ใช่ตนเองดูถูกลูกสะใภ้ แต่การเป็นมารดาย่อมรู้สึกไม่วางใจอยู่บ้าง ตั้งแต่เฉินซื่อก่อเรื่อง พระชายาเยี่ยนอ๋องกลายเป็นคนวิตกกังวลต่อเรื่องนี้ไปแล้ว
“พวกเจ้าเพิ่งมาจากจินหลิง คิดว่าคงมีหลายอย่างที่ยังไม่คุ้นชิน ตอนแรกที่ข้ามาก็เหมือนกับพวกเจ้า ช่วงนี้ก็พักผ่อนและปรับตัวสักหน่อย” พระชายาเยี่ยนอ๋องมองลูกสะใภ้ทั้งสอง “ช่วงนี้ร่างกายข้าและพี่สะใภ้ใหญ่ของพวกเจ้าไม่สบาย เรื่องในจวนมีเสด็จอาและอู๋สยาคอยจัดการดูแล ขาดเหลือสิ่งใดถามพ่อบ้านก็ได้ มีอันใดไม่เข้าใจก็มาหาข้าหรือขอคำชี้แนะจากเสด็จอาของพวกเจ้าก็ได้” เฉินซื่อมองไปยังพระชายาเยี่ยนอ๋อง คล้ายกับอยากเอ่ยบางอย่างทว่าไม่ได้เอ่ยออกมา
พระชายาเยี่ยนอ๋องกวาดตามองนางเล็กน้อย ทำราวกับมองไม่เห็นสีหน้าของนาง เอ่ยต่อ “ยามนี้พวกเจ้าสามพี่น้องต่างก็แต่งงานแล้ว ข้ากับท่านอ๋องก็อยากคุยบางเรื่องที่อยู่ในใจ ท่านอ๋อง” เยี่ยนอ๋องพยักหน้า แม่นมที่อยู่ด้านข้างพระชายาเยี่ยนอ๋องถือกล่องผ้าไหมเข้ามา พระชายาเยี่ยนอ๋องหยิบกระดาษไม่กี่แผ่นในนั้นขึ้นมา “พวกเจ้าต่างก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว หลายเรื่องข้าที่เป็นแม่ก็เข้าไปยุ่งไม่ได้ สองปีก่อนชื่อเอ๋อร์แต่งงานข้าไม่ได้เอ่ย คิดว่าเชียนเหว่ยและเชียนจย่งยังเด็ก ยามนี้…เรื่องของพวกเจ้าเองก็ควรจัดการด้วยตนเองได้แล้ว”
“เสด็จแม่” เซียวเชียนจย่งงุนงง “พระองค์จะไล่พวกเราออกจากเรือนหรือ”
พระชายาเยี่ยนอ๋องหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ “เหลวไหล เจ้าโตแล้ว ยังคิดจะให้ภรรยาของเจ้ารับเงินเดือนเดือนละไม่กี่ตำลึงเช่นเจ้าหรือ”
พระชายาเยี่ยนอ๋องแบ่งของที่อยู่ในมือออกเป็นสามส่วน มองสะใภ้ทั้งสามพร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า “ชื่อเอ๋อร์เป็นซื่อจื่อ ข้าให้เขามากสักหน่อย สามกิจการในโยวโจว หนึ่งหมู่บ้าน อีกทั้งเงินจำนวนสามพันตำลึงมอบให้พวกเจ้า เหว่ยเอ๋อร์และจย่งเอ๋อร์ พวกเจ้าสองคน กิจการคนละสองแห่ง กับเงินอีกสามพันตำลึง”
“เสด็จแม่ ท่านกำลังทำอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ” เซียวเชียนชื่อรีบเอ่ย บิดามารดายังอยู่ ไหนเลยจะมีเหตุผลต้องมาแบ่งสมบัติกันเล่า
พระชายาเยี่ยนอ๋องปรายตามองบุตรชาย เอ่ย “ร้อนใจอันใดกัน พวกนี้มอบให้พวกเจ้าไปดูแลส่วนตัว พวกเจ้าจะขายทิ้งหรือดูแลเองข้าไม่สน ต่อไปนี้เงินเดือนที่ได้ก็เป็นดังเดิม พวกเจ้าแต่งงานกันแล้วต่อไปก็ต้องมีลูก คงไม่อาจไม่มีเงินติดไม้ติดมือหรอก จะทำสิ่งใดย่อมมีอุปสรรค ข้าเองก็ไม่อาจให้พวกเจ้าไปใช้สินเจ้าสาวของภรรยาหรอกใช่หรือไม่”
“เช่นนั้น…ส่วนของลูกเท่ากับของน้องชายทั้งสองก็พอแล้วพ่ะย่ะค่ะ” เซียวเชียนชื่อเอ่ย ความจริงสองปีก่อนตอนเขาแต่งงาน เสด็จแม่ก็ให้เงินเขามาหนึ่งพันตำลึงแล้ว ยามนี้ยังมีกิจการและหมู่บ้านที่มากกว่าน้องชาย เซียวเชียนชื่อรู้สึกละอายใจนัก
เซียวเชียนจย่งเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “พี่ใหญ่ เสด็จแม่และเสด็จพ่อให้ท่านก็ถูกแล้ว ข้ากับพี่รองเองก็ไม่ได้ตระหนี่อันใด” ในสายตาของเซียวเชียนจย่ง พี่ใหญ่เป็นซื่อจื่อ ด้วยสิ่งนี้จะได้มากกว่าพวกเขาก็ไม่มีอันใดที่รับไม่ได้ ต่อไปไม่แน่ว่าจวนทั้งจวนก็เป็นของเขาทั้งหมดก็ได้
เซียวเชียนเหว่ยเองก็พยักหน้า “น้องสามกล่าวถูกต้องแล้ว”
พระชายาเยี่ยนอ๋องยิ้มออกมาด้วยความยินดี มองไปยังลูกสะใภ้ทั้งสามก็ไม่มีทีท่าไม่พอใจ พยักหน้าอยู่ในใจ
เซียวเชียนชื่อยังไม่ทันเอ่ยอันใด องค์หญิงฉังผิงจึงเอ่ย “ผู้ใหญ่ให้ ไม่อาจคืน ต่อไปเชียนชื่อดูแลน้องชายทั้งสองให้ดีก็พอแล้ว”
เซียวเชียนชื่อจึงพยักหน้า หันไปหาองค์หญิงฉังผิง “ขอบพระทัยเสด็จอาที่ชี้แนะ ขอบพระทัยเสด็จพ่อเสด็จแม่”
เยี่ยนอ๋องพยักหน้า เอ่ยราบเรียบ “แต่งงานกลายเป็นผู้ใหญ่แล้ว จะก่อเรื่องเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้แล้ว” วาจานี้ ต้องการบอกกับเซียวเชียนจย่ง เซียวเชียนจย่งเองราวกับรู้ว่าเสด็จพ่อกำลังเอ่ยกับใคร หดลำคอเข้าทำราวกับไม่ได้ยิน