โจวเซียงพยักหน้าพึงพอใจ เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “จวิ้นอ๋องทั้งสองเชิญลุกขึ้น วันนี้เป็นพิธีแต่งงานของท่านทั้งสอง เรียกได้ว่าเป็นพิธีมงคลคู่มาพร้อม ยินดีกับทั้งสองท่านด้วย ยินดีกับเยี่ยนอ๋อง”
ทุกคนในห้องจึงลุกขึ้นมาพร้อมกัน เยี่ยนอ๋องสีหน้าเรียบนิ่ง เอ่ยเสียงเข้ม “ขอบคุณใต้เท้าโจว ฝากใต้เท้าโจวขอบพระทัยในพระมหากรุณาธิคุณของฝ่าบาทด้วย” โจวเซียงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “นั่นแน่นอนอยู่แล้ว”
เยี่ยนอ๋องโบกมือ เสียงดนตรีบรรเลงขึ้นอีกครั้ง คู่บ่าวสาวหันตัวเดินออกไปอีกครั้ง ราชโองการก็มีคนรับไป บรรยากาศในพิธีอันเป็นมงคลยังคงดำเนินต่อไป ราวกับเมื่อครู่ไม่มีเรื่องใดเกิดขึ้น เพียงแต่เซียวเชียนชื่อที่นั่งอยู่ด้านข้างเยี่ยนอ๋องและพระชายาเยี่ยนอ๋องสัมผัสได้ว่ามีสายตาคอยสำรวจมองมาที่เขามากขึ้น ลอบถอนหายใจอยู่ในใจ มีสติกลับมาหันไปพูดคุยกับคนด้านข้างด้วยรอยยิ้มต่อ
หนานกงมั่วนั่งอยู่ด้านข้างเว่ยจวินมั่ว มองไปรอบทิศที่มีผู้คนกำลังพูดคุยกัน เอ่ยเสียงกระซิบ “ในที่สุดเซียวเชียนเยี่ยก็คิดถึงวิธีที่เข้าท่าบ้างแล้ว” เพียงแต่วิธีนี้มันดูลอบกัดไปสักหน่อย และเขายังไม่จำเป็นต้องลงทุนลงแรงใดเลย เพียงออกราชโองการ แต่งตั้งจวิ้นอ๋องสองตำแหน่ง อย่างมากก็มีจวิ้นอ๋องที่ถูกแต่งตั้งเพิ่มขึ้นมาสองคน แต่สำหรับจวนเยี่ยนอ๋องแล้ว… หนานกงมั่วถอนหายใจเบาๆ
เว่ยจวินมั่วยื่นมือมากุมมือของนางที่วางอยู่ใต้โต๊ะ เอ่ยเสียงเรียบ “จะเป็นวิธีที่เข้าท่าหรือไม่ ก็ต้องดูว่าจวนเยี่ยนอ๋องเองจะรับมือกับมันเช่นไร”
แผนการของเซียวเชียนเยี่ยสร้างความบาดหมางได้ไม่น้อย แต่หากสามพี่น้องจวนเยี่ยนอ๋องยังมีใจมั่นคงไม่เปลี่ยนก็เปล่าประโยชน์
คิ้วสวยของหนานกงมั่วขมวดขึ้น เห็นชัดว่ารู้สึกไม่ดีต่อสถานการณ์นัก เพียงแต่เรื่องแบบนี้ไม่อาจเอ่ยได้ อย่าว่าแต่พวกเขาแม้แต่เยี่ยนอ๋องและพระชายาเยี่ยนอ๋องเองก็ไม่อาจเอ่ยได้เช่นกัน อย่างมากก็คงทำได้เพียงลอบตักเตือนเซียวเชียนเหว่ยและเซียวเชียนจย่งสองพี่น้องก็เท่านั้น หากเอ่ยออกมาจริงๆ เช่นนั้นจึงจะเรียกได้ว่าเรื่องเลวร้ายอย่างแท้จริง
ทั่วทั้งจวนเยี่ยนอ๋องสว่างไสว ครึกครื้นตลอดวัน จวนเยี่ยนอ๋องยังมีการจัดเตรียมพลุดอกไม้ไฟเป็นพิเศษเพื่อให้แขกเหรื่อได้รับชม ท่ามกลางความมืดมิดของท้องฟ้าจึงเต็มไปด้วยดอกไม้ไฟสวยงาม ไม่เพียงแขกของจวนเยี่ยนอ๋อง แม้แต่ประชาชนชาวโยวโจวเองก็ได้ดูดอกไม้ไฟงดงามนั้นไปด้วยกัน
หนานกงมั่วยืนอยู่ด้านข้างเว่ยจวินมั่ว เงยหน้ามองดอกไม้ไฟหลากสีสันบนท้องฟ้า แม้ว่าชาติก่อนนางจะเคยเห็นพลุดอกไม้ไฟที่งดงามมากกว่านี้ไม่รู้กี่เท่า แต่เมื่อเปลี่ยนช่วงเวลาเปลี่ยนคนจุด เปลี่ยนคนดูดอกไม้ไฟด้วยกัน ก็รู้สึกว่าช่างแตกต่าง ค่ำคืนที่โยวโจวนั้นงดงามเป็นพิเศษ ท้องฟ้ายามต้นเดือนมองไม่เห็นดวงจันทร์ ทว่าท้องฟ้ากลับเต็มไปด้วยดวงดาว บวกกับดอกไม้ไฟที่กำลังเปล่งประกายงดงามตรงหน้า ทำให้คนรู้สึกจิตใจชื่นมื่นขึ้นมา
“ชอบหรือ” เว่ยจวินมั่วขยับเข้าใกล้นาง เอ่ยถามเสียงเบา
หนานกงมั่วพยักหน้า “สวยหรือไม่”
เว่ยจวินมั่วลังเลอยู่ชั่วครู่ พยักหน้าเบาๆ
หนานกงมั่วกลอกตามองเขา “ไม่ชอบก็อย่าฝืน”
เว่ยจวินมั่วส่ายศีรษะ “ดูกับอู๋สยา สิ่งใดก็สวย”
แก้มของคุณหนูใหญ่หนานกงมั่วพลันเห่อร้อน ขึ้นสีแดงระเรื่อภายใต้ความมืดไม่อาจมองเห็นได้ “ต่อไปพวกเราจุดเล่นกันเอง” ความจริงงานแต่งงานของพวกเขาก็เคยจุด เพียงแต่ เจ้าบ่าวเจ้าสาวไม่ได้อยู่ในอารมณ์ชื่นชมดอกไม้ไฟ เว่ยจวินมั่วพยักหน้า “ได้”
ดอกไม้ไฟกระจายเป็นดอกไม้อยู่บนท้องฟ้า ทั่วทั้งจวนเยี่ยนอ๋องราวกับถูกย้อมไปด้วยสีแดง แขกที่กำลังเชยชมก็โห่ร้องออกมาด้วยความดีใจอย่างอดไม่ได้ รีบเอ่ยชื่นชม ในตอนที่กำลังครึกครื้น พลันเกิดเสียงโกลาหลดังมาจากเรือนด้านหลัง เว่ยจวินมั่วขมวดคิ้วเบาๆ ก้มมองหนานกงมั่ว หนานกงมั่วเองก็ได้ยิน ขมวดคิ้วขึ้น เอ่ย “เกิออันใดขึ้นที่เรือนด้านหลัง”
ไม่เพียงพวกเขา คนที่ได้ยินนั้นมีไม่น้อย เยี่ยนอ๋องลุกขึ้นทันใด สีหน้าทะมึนมองมายังหนานกงมั่วสองคน เว่ยจวินมั่วพยักหน้าเบาๆ ทั้งสองกระโดดลอยตัวออกไปท่ามกลางความมืดมิดยามราตรี มุ่งหน้าตรงไปยังเรือนหอด้านหลังทันที
วิชาตัวเบาของทั้งคู่นั้นยอดเยี่ยม ชั่วพริบตาก็มาถึงหน้าประตูเรือนของเซียวเชียนเหว่ยและเซียวเชียนจย่ง ที่นี่เกิดความวุ่นวายขึ้น ไม่รู้ชายชุดดำมาจากไหนกำลังต่อสู้กับองครักษ์จวนเยี่ยนอ๋อง มีจำนวนไม่น้อยที่ตั้งใจจะพุ่งเข้าไปในเรือนหอ คิ้วสวยของหนานกงมั่วเลิกขึ้น เอ่ยเสียงเย็น “มีคนลอบสังหารจูชูอวี้หรือ”
ทั้งสองเรือนต่างมีมือสังหาร แต่เห็นฝั่งเซียวเชียนเหว่ยนั้นมีมากกว่า อีกฝั่งมือสังหารบางส่วนทำเพียงคุ้มกันผู้ที่กำลังต่อสู้ แต่ว่ามือสังหารฝั่งนี้พยายามพุ่งตัวเข้าไปยังเรือนหออย่างบ้าคลั่ง กระทั่งมีคนยิงธนูเข้าไปยังเรือนหอ ราวกับว่าหากไม่สามารถสังหารจูชูอวี้ได้แล้วจะไม่ยอมหยุดอย่างไรอย่างนั้น
หน้าต่างบางในรูปแบบของทางเหนือเห็นชัดว่าป้องกันการโจมตีของลูกธนูไม่ได้ เซียวเชียนเหว่ยจึงต้องพาจูชูอวี้พุ่งออกมา เมื่อทั้งสองปรากฏตัว มือสังหารยิ่งมีเป้าหมาย ละทิ้งคู่ต่อสู้ตรงหน้าพุ่งเข้าหาจูชูอวี้ การต่อสู้ของเซียวเชียนเหว่ยนับว่าไม่เลว ทว่าไม่อาจรับมือกับมือสังหารที่ถูกฝึกฝนมาอย่างดี เพียงไม่นานก็ถูกโจมตีจนแทบไม่ไหว ทำได้เพียงพาจูชูอวี้หลบหลีกซ้ายขวา จูชูอวี้ยิ่งไม่มีทักษะการต่อสู้ ทำได้เพียงยอมหลบไปพร้อมกับเขา
ติดตามมา ดาบสองเล่มขวางอยู่ตรงหน้าทั้งสองคน องครักษ์ด้านข้างจะเข้ามาช่วย ทว่าถูกมือสังหารขัดขวางเอาไว้ เซียวเชียนเหว่ยกัดฟัน ยื่นมือไปดึงจูชูอวี้เข้ามาอยู่ในอ้อมแขน ยกเท้าถีบมือสังหารคนหนึ่งออก กำลังจะโจมตีเขากลับไป
เห็นเพียงลมเย็นพาดผ่าน ร่างในชุดสีม่วงเหาะผ่านหน้าไป เซียวเชียนเหว่ยชะงัก เงยหน้าขึ้นไปมอง เห็นสตรีงดงามกำลังยกมือขึ้นไปขวางดาบใหญ่นั้น ดาบใหญ่ร้ายกาจเมื่อครู่ไม่อาจเคลื่อนไหว ทำได้เพียงประปรายนิ้วเรียวสวยขางนาง
คืนนี้ไร้ดวงจันทร์ ทว่าทั่วท้องนภากลับเต็มไปด้วยดวงดาว ท้องฟ้าที่เรือนด้านหน้ายังคงมีดอกไม้ไฟประดับประดา ในเรือนหลังมีโคมสีแดงแขวนอยู่รอบทิศ ทำให้เรือนทั้งเรือนสว่างไสว ภายใต้แสงสว่างของโคมไฟ นิ้วเรียวสวยของหญิงสาวบิดคมดาบที่กำลังฟันลงมาอย่างง่ายดาย มือสังหารเองก็ตกใจ จ้องหญิงสาวที่โผล่มากะทันหัน
หนานกงมั่วหัวเราะเสียงเบา “พิธีแต่งงานของคนอื่นทุกท่านกลับเข้ามาป่วน คงไม่เหมาะสมหรือไม่”
ดาบที่ถูกนางจับเอาไว้ราวกับมีก้อนหินหนักๆ มาถ่วง ไม่อาจขยับได้เลยสักนิด มือสังหารออกแรงบิดไปมา สีหน้าของหญิงสาวตรงหน้ากลับดูปกติ ราวกับกำลังของเขาเป็นเพียงมดตัวเล็กๆ อยู่บนต้นไม้เพียงเท่านั้น รู้ว่าคนตรงหน้าเป็นยอดฝีมือ มือสังหารจึงทิ้งดาบในมือ สะบัดแขนเสื้อปรากฏกริชสั้นออกมา แทงไปยังหนานกงมั่ว
หนานกงมั่วเบี่ยงตัวหลบสองก้าว โยนดาบในมือให้เซียวเชียนเหว่ย เลิกคิ้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ที่แท้ยังเชี่ยวชาญมีดสั้นด้วยอย่างนั้นหรือ” สิ่งที่นางไม่ได้เอ่ยก็คือคนที่เชี่ยวชาญมีดสั้นมากกว่านางบนโลกนี้มีไม่กี่คน มือสังหารไม่เอ่ยแม้เพียงคำเดียว กระชับกริชในมือแน่นแทงเข้าหาหนานกงมั่ว หนานกงมั่วกระตุกยิ้มมุมปากและลงมืออย่างไร้ความปรานี เพียงสะบัดแขนกริชสั้นสีเงินก็ปรากฏสู่สายตา ตวัดแสงสีเงินพุ่งเข้าหามือสังหาร วันนี้เป็นงานมงคลของจวนเยี่ยนอ๋อง หนานกงมั่วจึงไม่ได้พกอาวุธใดๆ มีเพียงกริชสั้นติดตัวเท่านั้น เพียงแต่…เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว