หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1 – ตอนที่ 661 พี่ชายของภรรยา โจรผู้โชคร้าย(2)

ตอนที่ 661 พี่ชายของภรรยา โจรผู้โชคร้าย(2)

หนานกงมั่วจับมือเว่ยจวินมั่วเอาไว้ เอ่ย “เขาคือพี่ชายของข้า ต่อให้ตายข้าก็ไม่มีทางอยู่คนเดียวแน่”

“อ้อ ที่แท้ก็เป็นพี่ชายของภรรยานี่เอง” ใบหน้าของหัวหน้าโจรเบิกบานขึ้นมา “ได้ อยู่ก็ได้”

พี่ชายของภรรยา… หนานกงมั่วมองเหล่ากองโจรตรงหน้าที่กำลังลำพองใจด้วยความสงสาร

“คุณชายกง แม่นางกง…” หลูฉี่หลินมองทั้งสองด้วยความละอายใจ หากมิใช่เพราะบุตรสาวของตน ไม่แน่ว่าอาจไม่มีเรื่องอันใดเลยก็ได้ ยามนี้…เห็นท่าทีลำพองใจของหัวหน้าโจรแล้วเกรงว่าคงมุ่งมั่นจะให้แม่นางกงอยู่ให้ได้ หากพวกเขาดึงดันไม่ยอมต่อไปเกรงว่าแม้แต่พวกเขาเองก็คงไม่อาจรอดไปได้ ความจริงแล้วราชสำนักเป่ยหยวนเองก็ไม่ได้มีอำนาจอันใดต่อเหล่ากองโจรนอกด่านเหล่านี้เท่าใดนัก

หนานกงมั่วยิ้มเจื่อน “เพราะข้าโชคร้ายเอง มิอาจโทษท่านหลูได้”

หลูฉี่หลินยิ่งรู้สึกละอายใจยิ่งขึ้น หลูอวิ๋นเฟิงกำลังจะเอ่ยอันใดบางอย่างทว่าถูกบิดาจ้องเขม็งจึงทำได้เพียงถอนหายใจและก้มหน้าลงไป วรยุทธ์ของเว่ยจวินมั่วไม่เลว บางทีมีหนานกงมั่วคนเดียวอาจจะหลบหนีได้ง่ายกว่ากระมัง พวกเขาทำได้เพียงคิดเช่นนี้แล้ว

ไม่นาน ขบวนพ่อค้าหลังจากจ่ายเงินสามร้อยตำลึงและเหล้าที่นำมาจากด้านในด่านแล้วจึงออกเดินทางต่อ หัวหน้าโจรมองสตรีที่ได้มาใหม่ โบกมือเอ่ยด้วยรอยยิ้มอย่างลำพองใจ “พี่น้องทั้งหลาย กลับบ้าน”

“กลับบ้าน กลับบ้าน” เหล่ากองโจรโห่ร้องด้วยความดีใจ

เพราะหนานกงมั่วยืนยันไม่ขี่ม้าตัวเดียวกับหัวหน้าโจร จึงต้องปล่อยให้นางขี่ม้าด้วยตนเองเหมือนเว่ยจวินมั่ว ม้าที่ทั้งสองขี่ล้วนแล้วแต่เป็นม้าพันธุ์ดีหายาก เพียงแต่นิสัยไม่ดีนัก คนอื่นเข้าใกล้ก็ไม่ยอม ดังนั้นเหล่ากองโจรจึงควบม้าล้อมซ้ายขวาหน้าหลังโดยมีทั้งสองอยู่ตรงกลาง ออกเดินทางมุ่งหน้าไปทางเหนือ

เดินทางมากว่าสามชั่วยาม ภูเขาที่ไม่นับว่าเตี้ยมากปรากฏสู่สายตา เดินทางไปอีกหนึ่งเค่อจึงมองเห็นตีนเขา เห็นชัดว่ากองโจรอาศัยอยู่ในภูเขาลูกนี้ มิน่าจึงไม่มีความเกรงกลัวต่อราชสำนักเป่ยหยวน เดิมท่องไปทั่วพื้นที่ราบ แต่เมื่อทหารของราชสำนักมาล้อมรอบก็หลบเข้าไปซ่อนตัวในภูเขา กองทัพเป่ยหยวนเดิมทีขี่ม้าไม่เชี่ยวชาญการต่อสู้ในป่าเขา คิดจะจับคนที่อาศัยอยู่ในป่ายิ่งยากขึ้นไปอีก

หนานกงมั่วก้มหน้าคิดคำนวณอยู่ชั่วครู่ พอจะรู้แล้วว่าตอนนี้พวกตนอยู่ตำแหน่งใด

คงเพราะมีใจอยากแต่งงาน หัวหน้าโจรจึงได้เกรงอกเกรงใจต่อทั้งสองเป็นอย่างมาก กระทั่งเอาใจใส่ทั้งสองเป็นอย่างดี เข้ามาในหุบเขา เดินทางคดเคี้ยวมาเกือบหนึ่งชั่วยามจึงมองเห็นหมู่บ้านที่ถูกซ่อนอยู่บนเขา สมแล้วที่เป็นโจรมาจากในด่าน หมู่บ้านถูกตั้งอยู่ในทำเลที่อันตราย โจมตีได้ยากไม่ต้องเอ่ยถึง หากไม่ใช่เพราะหนานกงมั่วและเว่ยจวินมั่วความจำดีกว่าคนทั่วไป ไม่แน่ว่าตลอดเส้นทางที่เดินเข้ามาคงทำเอาหัวหมุนได้เลยทีเดียว

“แม่นาง ข้ามีนามว่าหวังป้า เจ้ามีนามว่าอย่างไร” หัวหน้าโจรเปลี่ยนจากท่าทางวางอำนาจ ยิ้มมีเลศนัยออกมา

“หวังป้าหรือ” หนานกงมั่วประหลาดใจ หัวหน้าโจรกระตุกมุมปาก “หวังที่มีความหมายว่ากษัตริย์ ป้าที่มาจากความหมายว่ากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ แม่นาง เจ้ามีนามว่าอย่างไรหรือ”

หนานกงมั่วยิ้มบางๆ ส่งให้เขา เอ่ย “ข้าชื่อกงมั่วหลาน เขาชื่อกงจวินชิง”

หวังป้าไม่สนใจว่าคุณชายเว่ยจะมีชื่อเสียงเรียงนามเช่นไร “ที่แท้ก็คือแม่นางมั่วหลาน คืนนี้เราเข้าพิธีแต่งงานเลย เจ้ามีความเห็นเช่นไร”

หนานกงมั่วหลุบตาลง “เรื่องนี้…ท่านคงต้องหารือกับพี่ชายของข้า”

หวังป้าคิดว่านางกำลังเขินอาย ยิ้มพลางพยักหน้า เอ่ย “ข้าเลอะเลือนไปแล้ว พี่ภรรยา ท่านเห็นว่าอย่างไรหรือ”

เว่ยจวินมั่วกวาดตามองเขาเล็กน้อย “หาที่นั่งคุยกันสักหน่อย”

“ไม่มีปัญหา เด็กๆ รีบเตรียมอาหารให้ฮูหยินใหม่และพี่ชายของภรรยาข้า” หวังป้าเอ่ยเสียงดัง เดินนำทั้งสองคนไปยังที่พักของตนเอง ตลอดทางยังไม่ลืมแนะนำตนเองให้ทั้งสองได้รับรู้ ที่แท้คนผู้นี้เดิมทีเป็นโจรอยู่ที่สีโจว เมื่อหลายปีก่อนเมื่อครั้งหนิงอ๋องมาปกครองใหม่ๆ ได้กวาดล้างไปทั่วทุกสารทิศ ชีวิตของกองโจรทั้งหลายต้องตกระกำลำบาก หนักกว่านั้นกระทั่งอยากย้ายหนีก็ไม่อาจย้ายได้ มุ่งหน้าไปทางใต้ มีตระกูลขุนนางผู้มีอำนาจและกองโจรยิ่งใหญ่ มุ่งไปทางตะวันตกกลับเป็นทะเลทรายกว้างใหญ่ เดือนแปดหิมะตก มุ่งหน้าไปทิศตะวันออก เยี่ยนอ๋องยิ่งไม่ควรต่อกรยิ่งกว่าหนิงอ๋องเสียอีก สุดท้ายหัวหน้าโจรจึงกัดฟันพาพี่น้องทั้งหายของตนมุ่งหน้าขึ้นเหนือออกนอกด่านมา แม้อากาศจะไม่ดี ไม่ได้รุ่งเรืองเหมือนทางใต้ แต่อย่างน้อยก็ไม่ได้มีคนมาคอยทำลายรังอยู่เนืองๆ ใช้ชีวิตได้อย่างสงบสุข

หนานกงมั่วเดินตามอยู่ด้านหลัง มองตามหลังใครบางคนด้วยความสงสาร มีชีวิตที่ดีอยู่แล้วยังรนหาที่ตาย จะโทษใครได้

เข้ามาในห้องโถงใหญ่ หวังป้าหันกลับมายิ้ม เอ่ย “พี่ภรรยา พวกเรา…”

แสงสีเงินส่องประกายวาบขึ้นมา หวังป้าตื่นตกใจรีบเบี่ยงตัวหลบไปยังอีกฝั่ง โต๊ะด้านข้างแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ

หันกลับไปมองโต๊ะที่ถูกฟันแยกออกจากกัน หวังป้าเหงื่อซึมไปทั่วทั้งตัว หากมาโดนร่างกายของเขา…ร่างของเขาก็คงถูกแยกออกจากกันใช่หรือไม่

เงยหน้าขึ้นมา มองชายหนุ่มใบหน้าหล่อเหลาที่ผู้ไม่เอ่ยวาจาเท่าใดนักกำลังจับกระบี่อ่อนในมือที่ไม่รู้ไปเอามาจากที่ใดพุ่งตรงเข้ามาหาตนเองก้าวแล้วก้าวเล่า ด้านข้างมีหญิงสาวที่กำลังหัวเราะยืนอยู่ หวังป้าลอบก่นด่าอยู่ในใจ ข้าเพียงอยากแต่งภรรยา ใครจะรู้ว่ากลับได้ซาเสิน[1]มาเอาชีวิต แต่กลับไม่กล้าร้อง เขาไม่กล้าเดิมพันว่าตนเองจะร้องเร็วกว่าหรือปลายดาบวิบวับนั่นจะเร็วกว่า

“เจ้า…พวกเจ้า สองคน มีอันใดก็ค่อยๆ คุยกันสิ” หวังป้าหมอบอยู่ข้างซากโต๊ะที่พังไปแล้วไม่กล้าลุกขึ้นมา

เว่ยจวินมั่วยื่นมือไปดึงเขาขึ้นมา เสียงกึกกักดังขึ้นไม่กี่ครั้ง ความเจ็บปวดกระจายไปทั่วทั้งร่าง หวังป้าทนไม่ไหวกำลังจะอ้าปากตะโกนร้อง เสียงยังไม่ทันออกมา นิ้วเรียวงามราวกับหยกของหนานกงมั่วก็สกัดไปที่ร่างกายของเขา หวังป้าราวกับเป็นตัวละครใบ้ เปล่งเสียงอย่างบ้าคลั่งทว่ากลับไม่มีเสียงออกมาแม้เพียงนิด

ในยามที่เขารู้สึกว่าตนเองแทบทนไม่ไหว เว่ยจวินมั่วสะบัดแขน ลมแผ่วเบากระทบกับร่างกายของเขา ความเจ็บปวดทั่วทั้งร่างพลันหายไปทันใด หวังป้ายังคงตะโกนร้อง หนานกงมั่วกระตุกมุมปาก “เอาล่ะ ไม่ต้องร้องตะโกนแล้ว”

หวังป้าขยี้ดวงตาจึงพบว่าความเจ็บปวดนั้นหายไปแล้ว หันไปมองชายใบหน้าเรียบนิ่งที่นั่งอยู่ด้านข้าง ตัวสั่นระริกโดยไม่อาจห้ามได้ หดตัวอยู่บนพื้นไม่กล้าลุกขึ้นมา

หนานกงมั่วย่อตัวลงไปนั่งข้างๆ เขา ยิ้มตาหยี เอ่ยถาม “หัวหน้าหวัง ท่านยังอยากแต่งงานกับข้าอยู่หรือไม่”

หวังป้าส่ายศีรษะอย่างบ้าคลั่ง หวาดผวาอยู่ในใจ ต่อให้ข้าต้องแต่งกับบุรุษก็ไม่กล้าแต่งกับซาเสินเช่นเจ้า

“นี่สิถึงว่าง่ายหน่อย ข้าชอบเพียงคนหน้าตาดี เหมือนเขา อย่างเจ้านี่ข้ากลัวว่าข้าจะทนไม่ไหวใช้แซ่เฆี่ยนเจ้าจนพิการไป” หนานกงมั่วเอ่ยปลอบใจเขา หวังป้าตัวสั่นอย่างห้ามไม่ได้ มองทั้งสองคนอย่างน่าสงสาร พวกเจ้าไม่ใช่พี่น้องหรือ จำเป็นต้องกล่าวหนักเพียงนี้เลยหรือ

หนานกงมั่วหัวเราะ เอ่ย “ล้อเจ้าเล่นหรอก เจ้าเชื่อจริงหรือว่าพวกเราเป็นพี่น้อง มา บอกกับข้า รู้หรือไม่ว่าราชสำนักเป่ยหยวนอยู่ที่ใด”

หวังป้าส่ายศีรษะ

“ไม่รู้จริงหรือ” หนานกงมั่วหรี่ตาลง ไม่รู้ว่าหยิบเอาเข็มเงินหนึ่งเล่มออกมจากที่ใด เอ่ยเสียงเบา “จะว่าไปเจ้าก็มาอยู่นอกด่านกว่าเจ็ดแปดปีแล้ว หากไม่รู้…อันใดเลย ข้าคงไม่พอใจนัก” เข็มเงินปักลงบนจุดลมปราณจุดหนึ่งบนร่างกายของเขาโดยไม่มีความลังเล หวังป้าได้รับความเจ็บปวดจากรางวัลที่อีกฝ่ายมอบให้อีกครั้ง ไม่ ครั้งนี้ไม่เหมือนเดิม ทว่าเห็นชัดว่าลำบากยิ่งกว่า ครั้งนี้ไม่มีความเจ็บปวด เพียงแต่รู้สึกคัน ทั่วทั้งร่างกายไม่มีที่ไดไม่คัน คันจนเขาแทบอยากฉีกทึ้งผิวหนังของตนเองออกมา แต่เขากลับพูดไม่ได้ขยับตัวก็ไม่ได้ ทำได้เพียงยอมรับความรู้สึกราวกับมดกัดอยู่แบบนั้น

[1] ซาเสิน คือเทพเจ้าแห่งไสยศาสตร์ที่ดุร้ายและน่าสะพรึงกลัว

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

หมอหญิงยอดมือสังหาร เล่ม 1

Status: Ongoing

นิยายรักย้อนยุค ว่าด้วยการแก้แค้นของหมอหญิงมือสังหาร และแต่งงานกับบุรุษสุดประหลาด!

เมื่อมารดาสิ้นใจและตนถูกไล่ให้มาอยู่หมู่บ้านบรรพบุรุษ เพราะความลำบากและคับแค้นใจจึงทำให้ หนานกงชิง คุณหนูคนโตแห่งตระกูลหนานกงจากโลกนี้ไป

ร่างของนางกลับถูกแทนที่ด้วยวิญญาณของ หนานกงมั่ว นักฆ่าสาวมือฉกาจแห่งเอเชีย เมื่อได้รับชีวิตใหม่หนานกงมั่วก็ได้กราบอาจารย์ เรียนวิชาแพทย์ ใช้ชีวิตอิสระเสรีตามที่ตนหวัง พร้อมรับใบสั่งสังหารคนบ้างเป็นครั้งคราว… จนเมื่อราชโองการพระราชทานสมรสมาถึงชีวิตของนางก็ถึงคราวพลิกผัน!

เล่าลือกันว่าจวิ้นอ๋องว่าที่สามีของนาง เว่ยจวินมั่ว แม้จะมียศสูงศักดิ์แต่เพราะดวงตาแปลกประหลาดสีม่วงและการคลอดก่อนกำหนดทำให้ชาติกำเนิดของเขาตกเป็นขี้ปากคนไปทั่ว อาจเพราะแบบนี้การสมรสนี้จึงตกมาถึงตัวนาง แม้คนทั่วไปไม่ยินดีแต่นางดูๆ แล้วกลับคิดว่าชายหนุ่มคนนี้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท