หนานกงมั่วลุกขึ้นปัดมือ นั่งลงด้านข้างเว่ยจวินมั่ว
“เขาเอ่ยความจริงหรือ”
เว่ยจวินมั่วเอ่ยเสียงเรียบ “รออีกสักหน่อยเดี๋ยวก็รู้”
หนานกงมั่วไร้ซึ่งคำพูดมองไปยังเขา ท่านคงคิดอยากให้เขาทรมานไปอีกสักพักใช่หรือไม่ คุณชายเว่ยเลิกคิ้ว ไม่ได้หรือ
ได้ แน่นอนว่าได้ เขาไม่ซวยไม่แน่ว่าข้าอาจจะซวย หนานกงมั่วยิ้มตาหยีจูบเบาๆ ลงบนแก้มของคุณชายเว่ย “ข้าเอ่ยความจริง ข้าชอบเพียงคนหล่อเหลาอย่างคุณชายเว่ย”
คุณชายเว่ยเลิกคิ้ว ปรายตามองใครบางคนบนพื้นที่มีสีหน้าไม่อาจเรียกได้ว่าดีนัก
โชคดีที่เขามีรูปร่างหน้าตาธรรมดา เกิดหล่อเหลาอย่างเช่นจิ้นจั๋วแบบนั้น ไม่แน่ว่าอาจถูกทำให้เสียโฉมไปแล้ว
หญิงชั่วชายเลว หวังป้าน้ำหูน้ำตาไหลมองสองคนที่กำลังแสดงความรักต่อกัน ลอบก่นด่าอยู่ในใจ
ไม่รู้ว่านานเพียงใด อาการคันบนร่างกายจึงหยุดลง หวังป้าพ่นลมหายใจยาวออกมา อดไม่ได้ที่จะมองไปยังสตรีที่ยืนอยู่ด้านข้างตนด้วยความซึ้งใจ หากยังไม่หยุดเขาคงคิดฆ่าตัวตายไปแล้ว หนานกงมั่วยื่นมือออกไปคลายจุดให้เขา ยิ้มร่าพลางเอ่ย “เป็นอย่างไร รู้หรือไม่”
หวังป้าส่ายศีรษะ เขาไม่รู้จริงๆ นี่
เพียงมองเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนแปรไปของหนานกงมั่ว จึงรีบเอ่ย “ข้า…ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าราชสำนักเป่ยหยวนนั้นอยู่ที่ใด แต่ว่า…แต่ข้ารู้ที่พักของพวกเป่ยหยวนที่อยู่ใกล้ๆ และรู้ว่าค่ายทหารของจอมทัพฮูตุนนั่นอยู่ที่ใด”
“เอ๋”
“จริงๆ นะ จริงๆ” หวังป้ารีบพยักหน้า เอ่ย “ห่างจากที่นี่ไปประมาณสองร้อยลี้มีที่อยู่ของชาวเป่ยหยวน มีประมาณสามสามหมื่นคน มุ่งหน้าไปทางตะวันตกเฉียงเหนืออีกเจ็ดแปดสิบลี้ จะมีหมู่บ้านเล็กๆ ที่นั่นมีคนอยู่สี่ห้าหมื่นคนเช่นกัน คนเหล่านั้นล้วนแล้วแต่อพยพมาจากในด่านเมื่อครั้งนั้นเช่นกัน พวกเขาแตกต่างไปจากคนที่อาศัยอยู่นอกด่านมาตลอด พวกเขาไม่ชอบการเคลื่อนย้ายที่อยู่ไปทั่ว ค่ายของจอมทัพฮูตุนเองก็อยู่บริเวณใกล้ๆ นั้น ห่างออกไปจากที่นี่ราวๆ สามสี่ร้อยลี้ ในมือของฮูตุน ได้ยินมาว่ามีทหารของราชสำนักเป่ยหยวนกว่าครึ่ง ดังนั้นพวกเราจึงไม่ไปทางนั้นบ่อยนัก”
หนานกงมั่วมองสบตากับเว่ยจวินมั่ว ค่ายทหารของฮูตุนอยู่ฝั่งนั้น ราชสำนักเป่ยหยวนก็คงอยู่ไม่ไกล มุ่งหน้าตรงไปยังทิศตะวันตกเฉียงเหนืออีก ก็เป็นเขตพื้นที่ของหว่าหลาแล้ว หลายปีมานี้ชนเผ่าหว่าหลาเริ่มแข็งแกร่ง ไม่ยินยอมตกอยู่ภายใต้การปกครองของราชสำนัก ฮ่องเต้เป่ยหยวนไม่อาจเข้าใกล้พวกเขาได้อีก
ยื่นมือไปหยิบยาออกมาหนึ่งเม็ด ยัดเข้าไปในปากของหวังป้า เชยปลายคางของเขาขึ้น หวังป้ากลืนยาลงไปด้วยความจำยอม เกือบจะสำลักแต่ทำได้เพียงจ้องสตรีตรงหน้าเขม็งอย่างทรมาน หวังป้าน้ำตาตกอยู่ในใจราวกับสายน้ำ เขาเพียงอยากแต่งงานเท่านั้น ไยต้องไปเจอปีศาจอย่างสตรีผู้นี้ อายุปูนนี้ สองสามีภรรยาหน้าตางดงาม ไม่ยอมปล่อยให้คนดีๆ อย่างพวกเขามีชีวิตอยู่ต่อไปเลยหรือ
หนานกงมั่วลุกขึ้นอย่างพึงพอใจ เดินกลับไปยืนอยู่ด้านข้างเว่ยจวินมั่ว ยิ้มตาหยี เอ่ย “ลุกขึ้นมา นั่งเถิด”
หวังป้าตะเกียกตะกายลุกขึ้น โน้มตัวนั่งลงไปยังเก้าอี้ที่อยู่ด้านข้าง เอ่ยถาม “พวกเจ้า…พวกเจ้าคิดจะทำอันใดกันแน่ เมื่อครู่เจ้าให้ข้ากินสิ่งใด”
หนานกงมั่วเอ่ย “พวกเราหรือ…มาทำธุระที่ชายแดนนิดหน่อย ขอเพียงเจ้ายอมเชื่อฟังดีๆ รอข้ากลับไปแล้วข้าจะให้ยาถอนพิษกับเจ้า หากช่วงเวลานี้เกิดอันใดขึ้นกับข้าหรือตายจากไปหรือเจ้ากินยาถอนพิษไม่ทัน…”
“ข้าจะเป็นเช่นไร”
“เจ้าเคยเห็นหนอนหรือไม่” หนานกงมั่วเอ่ยถาม
“แน่นอนว่าเคยเห็น เจ้าคงไม่คิดจะบอกข้าว่าข้าจะกลายเป็นหนอนหรอกกระมัง” หวังป้าส่งสายตา เจ้ากำลังล้อข้าเล่นหรือ มาให้นาง
หนานกงมั่วส่ายศีรษะ เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “แน่นอนว่าไม่ใช่ เจ้าจะถูกหนอนกัดกิน อีกทั้งจากด้านในสู่ด้านนอก จนกระทั่งเจ้าจะเหลือแต่กระดูก เจ้าวางใจ เจ้าไม่มีทางได้เห็นภาพนี้แน่ อย่างมากเจ้าคงทนได้ถึงตอนที่หนอนกัดกินท้องเจ้าออกมาก็เท่านั้น”
อ้วก หวังป้านึกถึงภาพนั้นขึ้นมา หันไปอาเจียนออกมาทันใด
คิ้วสวยของหนานกงมั่วเลิกขึ้น หันกลับไปหาเว่ยจวินมั่ว นี่ตกใจเกินไปหรือไม่
ในที่สุดก็อาเจียนเสร็จแล้ว หวังป้ามองเว่ยจวินมั่วด้วยความเห็นใจ ชอบสตรีโรคจิตเพียงนี้ ตอนกลางคืนเจ้านอนหลับลงหรือ
หนานกงมั่วมองเขาด้วยสายตาเรียบนิ่ง เอ่ยถาม “เป็นอย่างไร เจ้าตัดสินใจได้หรือยัง”
หวังป้าลังเลอยู่ชั่วครู่ “ข้าจะมั่นใจได้อย่างไรว่าสิ่งที่เจ้าเอ่ยเป็นเรื่องจริงหรือไม่”
หนานกงมั่วเล่นเข็มเงินในมืออย่างไม่ใส่ใจ เอ่ย “ในมือข้ายังมีของเล่นอย่างอื่น จะลองเล่นดูหน่อยหรือไม่” นึกถึงความทรมานเมื่อครู่ หวังป้าหดคออย่างอดไม่ได้ “ไม่…ไม่ต้องแล้ว ขอเพียงพวกเจ้ารับปากว่าจะให้ยาถอนพิษกับข้า จากนั้น…”
“ขอเพียงเราจัดการธุระเสร็จ แน่นอนว่าจะไป ไม่ทำอันใดพวกเจ้าแน่” หนานกงมั่วเอ่ย
หวังป้าครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ในที่สุดจึงกัดฟันพยักหน้า เอ่ย “ได้ ขอเพียงพวกเจ้าทำตามที่เอ่ย ข้าจะเชื่อฟังพวกเจ้า พวกเจ้าจะทำอันใดก่อน”
หนานกงมั่วเอ่ย “พวกเราอยากไปดูที่อยู่ของเป่ยหยวน เดิมทีมีคนนำทาง สุดท้ายพวกเจ้ากลับไล่ตะเพิดพวกเขาไป”
“ข้าจะพาพวกเจ้าไป” หวังป้าเอ่ยอย่างรู้หน้าที่
หนานกงมั่วพยักหน้าพึงพอใจ ยิ้มหวาน เอ่ย “เช่นนั้นต้องขอบคุณเจ้าแล้ว พรุ่งนี้ออกเดินทาง คืนนี้พักอยู่ที่นี่ เจ้าวางใจ พวกเรามีค่าตอบแทนให้” เอ่ยจบ หนานกงมั่วจึงหยิบบางอย่างออกมา หวังป้ายื่นมือไปรับดวงตาวาววับขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ นี่คือเครื่องประดับเม็ดทับทิมสีแดงสวย เพียงมองก็รู้แล้วว่ามีมูลค่าไม่น้อย
หวังป้าพยักหน้า เอ่ย “ข้ารู้แล้ว พรุ่งนี้จะนำทางพวกเจ้าทั้งสองคนไป”
หนานกงมั่วโยนขวดยาไปให้ “นี่คือยาถอนพิษ ด้านในมีสามเม็ด กินวันเว้นวัน กินหมดแล้วเดี๋ยวข้าจะเอาให้เจ้าอีก”
หวังป้ายกขวดยาขึ้นมาอย่างระมัดระวัง มองทั้งสองคน “ขอบคุณ…ขอบคุณแม่นาง ข้าไปได้แล้วหรือไม่”
หนานกงมั่วอดไม่ได้ยกมือปิดปากยิ้ม เอ่ย “ที่นี่เป็นที่ของเจ้า เจ้าจะไปที่ใด รบกวนพาพวกเราไปยังห้องรับรองแขก อย่าพึ่งเปิดเผยตัวตนของเรา เข้าใจหรือไม่ ส่วนเรื่องพิธีแต่งงานของเจ้า…ก็บอกไปว่าเลื่อนออกไปก่อนเถิด”
“ได้ ขอรับ” หวังป้ามองสตรีตรงหน้านิ่ง แม้สตรีตรงหน้าจะโหดร้าย ฝีมือร้ายกาจ แต่เมื่อยิ้มออกมางดงามเสียยิ่งกว่าเทพหิมะตามเรื่องเล่าขานของเป่ยหยวนเสียอีก นี่เป็นราวกับเทพเซียนเลยนี่ น่าเสียดาย…นี่ไม่ใช่เทพเซียนตัวเล็กๆ แต่เป็นปีศาจชั่วร้ายฝีมือฉกาจ
สายตาคมมองมายังใบหน้าของเขา หวังป้ารีบหดลำคอก้มหน้าลงไป “ข้าจะไปบอกคนเตรียมที่พักให้กับพวกเจ้า”
หนานกงมั่วพยักหน้า เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ลำบากแล้ว”
“มิกล้า มิกล้า” หวังป้าหันตัว รีบวิ่งออกจากห้องไปในทันใด ราวกับด้านหลังนั้นมีปีศาจร้ายวิ่งตามเขาอยู่ ไม่นานด้านนอกก็มีเสียงตะโกนดังของหวังป้า “เด็กๆ เด็กๆ มาจัดเตรียมห้องรับรองแขกให้ข้า”