มองเว่ยจวินมั่วเดินเข้ามา หลูเซียงเซียงยิ่งต่อต้านหนักขึ้น น่าเสียดายที่กลับแลกมาด้วยฝ่ามือที่ตบลงมาโดยไร้ความปรานี เว่ยจวินมั่วราวกับมองไม่เห็นฉากเร่าร้อนตรงหน้า วาดสายตาไปมองเปลวเทียนที่พริ้วไหว ดีดเบาๆ ดับมอดมันลงไป เปลวไฟที่ส่องสว่างถูกดับลง ทั่วทั้งกระโจมยิ่งมืดสลัวขึ้นไปอีก เว่ยจวินมั่วกวาดตามองไปทั่วกระโจม เดินไปหยุดอยู่ที่ตู้ข้างเตียง ยื่นมือไปค้นหากุญแจในเสื้อที่ถูกโยนทิ้งไว้บนพื้น จากนั้นไขเข้าไปในตู้พลิกค้นอยู่ชั่วครู่ หยิบซองจดหมายหนึ่งฉบับออกมาจากในตู้นั้น เปิดอ่านเนื้อหาด้านใน ยิ่งอ่านดวงตาก็ยิ่งเย็นยะเยือกมากขึ้น
“อื้อ…” หลูเซียงเซียงพยายามขอความช่วยเหลือ แต่นางที่โดนสกัดจุดทำได้เพียงเปล่งเสียงด้วยความเจ็บปวด มองเห็นเว่ยจวินมั่วลุกขึ้นยืน จึงรีบส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปที่เขา
ช่วยข้า…ช่วยข้าด้วย…
น่าเสียดาย สิ่งที่เว่ยจวินมั่วมีให้นางนั้นมีเพียงสายตาเย็นชาไร้ความรู้สึก ราวกับตรงหน้านั้นไม่ใช่หญิงสาวที่กำลังถูกขืนใจ ทว่าเป็นสิ่งของไร้ประโยชน์บางอย่าง
หัวใจของหลูเซียงเซียงสิ้นหวัง นึกไม่ออกถึงท่าทีลำพองใจและร้ายกาจที่ตนแสดงออกต่อหน้าหนานกงมั่วก่อนหน้านี้ นางเคยจินตนาการให้สตรีที่นางริษยาต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ทว่าไม่รู้ ว่าสุดท้ายคนที่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์กลับเป็นตัวนางเอง
สีหน้าของเว่ยจวินมั่วยังคงไม่เปลี่ยนไป หยิบกริชไปวางไว้ข้างเตียงในที่ที่มือนางเอื้อมถึง
ช่วยข้าด้วย…
เห็นได้ว่าฮูตุนตัวปลอมผู้นั้นสูญเสียสติไปแล้ว มิเช่นนั้นหากมีคนมายืนอยู่ข้างเตียงอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ต่อให้รู้ตัวช้าเพียงใดก็ต้องมองเห็นแล้ว หลูเซียงเซียงยื่นมือออกไปคิดจะคว้าชายเสื้อของเว่ยจวินมั่ว ชุดสีดำวาดผ่านปลายนิ้วของนางไป นางคว้าไว้ได้เพียงความว่างเปล่า ไม่นานก็ถูกคนคว้าข้อมือแล้วกดกลับคืนไป
เว่ยจวินมั่วเพียงกวาดตามองนางด้วยสายตาเย็นชา หมุนตัวเดินออกไปโดยไม่คิดลังเล
ในกระโจม เหลือไว้เพียงชายที่คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นสุราและหญิงสาวที่ไร้เรี่ยวแรงขัดขืนดวงตาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง…
หนานกงมั่วยังนอนไม่ทันหลับเว่ยจวินมั่วผู้มีท่าทีเย็นชาก็เดินกลับมาแล้ว รีบลุกขึ้นเอ่ยถามอย่างแปลกใจ “ท่านไปทำอันใดมาหรือ”
เว่ยจวินมั่วหยิบจดหมายส่งให้นาง หนานกงมั่วหยิบออกมาเปิดอ่าน อดที่จะตกตะลึงไม่ได้ “หลูฉี่หลินขายข่าวการวางกำลังทหารเขตชายแดนของต้าเซี่ยและอำนาจในราชสำนักให้กับเป่ยหยวนอย่างนั้นหรือ” เว่ยจวินมั่วพยักหน้า “ไม่เพียงเท่านั้น ยังรวบรวมพื้นที่เกษตรแถบชายแดนของต้าเซี่ยที่ใกล้จะได้เก็บเกี่ยว สถานที่เหล่านั้นมีกองกำลังเฝ้าแน่นหนา และปล่อยให้พวกเขาเข้ามาปล้นไปได้อย่างง่ายดาย”
“ตระกูลหลูคือสายลับที่เป่ยหยวนทิ้งเอาไว้ให้ต้าเซี่ยอย่างนั้นหรือ”
เว่ยจวินมั่วส่ายศีรษะ “ไม่แน่ เพียงหลงมัวเมาในความร่ำรวยก็เท่านั้น ถ้าพวกเขาเป็นคนของเป่ยหยวน คงไม่มีทางไม่รู้ว่าจอมทัพฮูตุนตรงหน้านั้นเป็นตัวปลอม”
หนานกงมั่วถอนหายใจ เอ่ย “ทำอันใดดีๆ ไม่ได้ ต้องมารนหาที่ตาย พวกเราจะไปกันหรือยัง” ไม่แปลกที่เยี่ยนอ๋องจะไม่ชอบให้พ่อค้ามาทำการค้ากับเป่ยหยวน เพราะมีพ่อค้าเยี่ยงหลูฉี่หลินไม่น้อย ขายข่าวให้ชาติอื่นโดยไม่สนใจผลประโยชน์ของประเทศตนเอง
เว่ยจวินมั่วส่ายศีรษะ “ไม่”
หนานกงมั่วย่นคิ้ว พรุ่งนี้เช้าทั่วทั้งกองทัพต้องรู้แน่ว่ามีคนบุกเข้ามาหากไม่หนีไปตอนนี้เกรงว่าคงไม่อาจหนีรอดไปได้
เว่ยจวินมั่วเอ่ย “ต่อให้ไม่เห็นราชสำนักเป่ยหยวนหรือฮูตุน ครั้งนี้ก็ไม่อาจมาเสียเปล่าได้”
หนานกงมั่วดวงตาวาววับ “สังหารตัวปลอมนั่น”
เว่ยจวินมั่วดวงตามีประกายวาดผ่าน “เจ้าตัวปลอมนั่นมีคนลงมือแทนแล้ว พวกเราต้องกำจัดคนพวกนี้” หยิบรายชื่อออกมายื่นให้หนานกงมั่ว หนานกงมั่วจดจำรายชื่อและลักษณะพิเศษของรายชื่อบนนั้น พยักหน้าพลางเอ่ยตอบว่า “ได้”
รุ่งเช้า ท้องฟ้าเริ่มสว่างเล็กน้อย ค่ายทหารอันเงียบสงบมีทหารเริ่มตื่นขึ้นมาเพื่อออกไปฝึกฝน มีเพียงนายทหารที่มีหน้าที่เฝ้ายามและจัดเตรียมอาหารที่ยังคงวุ่นวาย น้ำเสียงตื่นตระหนกดังขึ้นมาจากกระโจมแห่งหนึ่ง “แย่แล้ว ท่านจอมทัพตายแล้ว”
นายทหารชาวเป่ยหยวนผู้นหนึ่งร้องตะโกนขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก
ไม่นาน พลันมีคนวิ่งเข้าไปในกระโจม แต่เมื่อเห็นภาพตรงหน้ากลับทำให้พวกเขานิ่งอึ้งอยู่เช่นนั้น
เดิมทีพวกเขานึกว่ามีคนร้ายลอบเข้ามาสังหาร แต่ไม่คิดว่าสถานการณ์ในกระโจมจะเป็นเช่นนี้ บนเตียงอ่อนนุ่ม ร่างสูงใหญ่ของฮูตุนล้มคว่ำอยู่บนเตียง บนหน้าอกมีกริชปักอยู่ ใบหน้ามีท่าทางตื่นตกใจ ดวงตาเบิกกว้างตายตาไม่หลับ เห็นชัดว่าตายไปนานแล้ว อีกด้านของเตียง ร่างกายของหลูเซียงเซียงเต็มไปด้วยเลือด ดวงตาเลื่อนลอย โดยเฉพาะมือขวาของนางที่ถูกเลือดอาบไปจนทั่ว นางกำเสื้อผ้าของตนแน่น แต่มันถูกฉีกทึ้งจนเผยให้เห็นร่องรอยสีม่วงช้ำ อีกทั้งรอยนิ้วมือน่ากลัวบนลำคอของนาง
ทันใดนั้นทุกคนพลันเข้าใจสถานการณ์ตรงหน้า คิดว่าฮูตุนคงคิดจะฝืนใจสตรีนางนี้ ทว่าถูกนางใช้กริชแทงจนตาย อีกทั้งก่อนตายฮูตุนได้บีบคอนางต้องการให้นางสิ้นใจ น่าเสียดายว่ากริชเล่มนั้นถูกปักเข้าไปลึกเกินไป แม้แต่ฮูตุนที่รูปร่างสูงใหญ่ยังไม่อาจทนอยู่ต่อเพื่อแก้แค้นให้ตนเองได้ เหลือไว้เพียงรอยช้ำทิ้งไว้บนลำคอของนาง
“สตรีผู้นี้สังหารท่านจอมทัพหรือ” มีคนร้องตะโกนด้วยความหวาดกลัว “รีบไปเชิญเหล่าขุนพลมาเร็ว”
ไม่เพียงนายทหารในกองทัพที่มาเพราะได้ยินข่าว แม้แต่สองพ่อลูกตระกูลหลูเองก็ถูกพาตัวมาด้วย เมื่อมองเห็นสถาณการณ์ในกระโจม หลูฉี่หลินแทบเป็นลมล้มพับไป “เซียงเอ๋อร์ เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้เยี่ยงไร”
หลูเซียงเซียงราวกับคนเสียสติ ไม่ขยับและไม่เอ่ยสิ่งใด
นายทหารชั้นสูงผู้หนึ่งจ้องมองหลูฉี่หลินด้วยความโกรธเกรี้ยว เอ่ย “ยังมีอันใดต้องเอ่ยอีกหรือ มิใช่สตรีนางนี้สังหารท่านจอมทัพไปแล้วหรืออย่างไร คนจงหยวนอย่างพวกเจ้าไม่ใช่สิ่งที่ดีจริงๆ เด็กๆ เอาสามคนนี้ออกไปตัดหัวเสีย”
“ช้าก่อน” หลูฉี่หลินรีบเอ่ย “ท่านขุนพล ที่นี่ยังมีสตรีอีกหนึ่งคน ไยตอนนี้จึงไม่เห็นแล้วเล่า บุตรีของข้าไยจึงมาอยู่ที่นี่ เรื่องนี้มีอันใดแปลกๆ อย่างแน่นอน”
หลูอวิ๋นเฟิงเองพลันนึกขึ้นได้ รีบเอ่ย “เซียงเซียง นี่มันเรื่องอันใดกัน ไยเจ้าถึง…เมื่อคืนข้าไปดูเจ้าที่กระโจมเจ้ากำลังจะนอนแล้วมิใช่หรือ ไยจึง…” หลูฉี่หลินตระหนกอยู่ในใจ หันกลับไปมองยังหลูอวิ๋นเฟิง “เจ้าไปตั้งแต่เมื่อไร”
หลูอวิ๋นเฟิงเอ่ย “หลังจากที่เราแยกกับท่านจอมทัพขอรับ”
“ตอนนั้นท่านจอมทัพออกไปแล้ว หากตอนนั้นเซียงเซียงยังอยู่ เช่นนั้นแล้วไยจึง… เจ้ามั่นใจหรือว่าในกระโจมนั้นคือเซียงเซียง”
หลูอวิ๋นเฟิงชะงัก รู้สึกไม่มั่นใจขึ้นมา เมื่อคืนเขาอารมณ์ไม่ดี ดื่มเหล้าไปไม่น้อย เขาไม่ได้เข้าไปด้านใน แน่นอนว่าไม่อาจยืนยันได้ว่าคนที่พูดคุยกับตนนั้นคือน้องสาวหรือไม่ ถ้าหากไม่ใช่…เช่นนั้นคนที่เอ่ยตอบเขาก็คือ…
นายทหารชั้นสูงที่ได้ยินสองพ่อลูกคุยกันพลันย่นคิ้ว รีบหมุนตัวออกจากกระโจมไป เอ่ยเสียงดัง “เด็กๆ รีบไป…”
‘ฟิ้ว’ เสียงบางอย่างพุ่งผ่าอากาศเข้ามา คนผู้นั้นยังไม่ทันได้เอ่ยปาก พลันรู้สึกปวดหนึบบริเวณหน้าอกขึ้นมา ก้มมองลงไปช้าๆ ลูกธนูได้ปักตรงเข้ามาที่หน้าอกของเขาโดยไม่มีบิดเบี้ยวหรือเฉียงไปแม้เพียงนิด คนที่อยู่ในกระโจมเองทันได้ยินเพียงเสียงลูกธนูที่พุ่งผ่าอากาศเข้ามา จากนั้นก็มองเห็นคนที่ยืนอยู่หน้าประตูล้มลงไปทันที โดยร่างครึ่งหนึ่งโผล่เข้ามาในกระโจม